กลอนเขา เอามาเล่าใหม่
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
16 เมษายน 2024, 08:48:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 [2]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กลอนเขา เอามาเล่าใหม่  (อ่าน 43303 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
31 ธันวาคม 2010, 11:54:PM
Lจ้าVojกaoนบทนี้*
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 270
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 757



« ตอบ #20 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2010, 11:54:PM »
ชุมชนชุมชน


   สวัสดี ปีใหม่ ๒๕๑๔
(กลอนนี้พิมพ์เมื่อ  ๒๕๑๔)


สวัสดี  ปีเก่า  เศร้าอนาถ
ใจจะขาด  ปีใหม่มา  นิจจาเอ๋ย
เพราะหนี้เก่า  ไม่ทันหมด  ใหม่ชดเชย
กระไรเลย  หนี้ใหม่เสริม มาเพิ่มพูน

ยังถูกพวก ไถขูด  รัฐดูดรีด
จนแห้งซีด  รันทด  เงินหมดสูญ
เศรษฐกิจ  ตกต่ำ  ซ้ำอากูล
แสนอาดูรย์  ค่าครองชีพ  มันถีบตัว

ทั้งโรงเรียน  ขาดแคลน แร้นแค้นขัด
อัตตคัด    ครูอาจารย์  พาลเวียนหัว
อุตสาหกรรม  ตกต้อย-ต่ำด้อยมัว
เกษตรทั่ว  กสิกรรม  มันค่อนทราม

ดุลย์การค้า  เสียเปรียบ   ถูกเหยียบไว้
มิสาใจ  อวดเบ่ง  ไม่เกรงขาม
ธุรกิจ   การค้า  พยายาม
มันคุกคาม  แย่งไทย  เอาไปทำ

ทั้งการเลี้ยง   ไก่โค  พุทโธ่เอ๋ย
กระไรเลย  ทำได้  มันไม่ขำ
เอามันเทศ  มาเป็นนาย  อ้ายระยำ
มันช่างทำ  อุบาทว์  ชาตทมิฬ

นโยบาย  ระหว่าง  ต่างประเทศ
น่าสังเวช   สลดใจ   ทั่วไปสิ้น
ดำเนินการ  ผิดพลาด  อนาถจินต์
ดีแต่กิน   ไม่เอาไหน  จนไทยโซ

หนี้สามหมื่น  ล้านเศษ  เหตุพันผูก
ไปถึงลูก  หลานไทย  น่าใจโบ๋
รับใช้หนี้  แทนเขา  เศร้าหัวโต
ลูกไทยโซ   เศร้าหมอง  คงร้องโอย

จึงเกิดโจร   ผู้ร้าย   ทั้งหลายมาก
ด้วยอดอยาก  หน้านิ่ว  มันหิวโหย
เพราะปากท้อง  มันเตือน  มาเยือนโชย
จึงขโมย  ปล้นจี้  แย่งตีชิง

ทั้งความยุติธรรม  นั้นล้ำเหลื่อม
คนจึงเสื่อม  ศรัทธา  กว่าทุกสิ่ง
ประชาชาติ  ขาดหลัก  พึ่งพักพิง
เหมือนถูกทิ้ง  โดดเดี่ยว  อยู่เดียวดาย

ด้วยเหตุนี้  บ้านเมือง  มีเรื่องยุ่ง
ส่วนมากมุ่ง  หวังผล  ที่ตนหมาย
จนลืมนึก  ส่วนรวม  ร่วมใจกาย
ยังไม่สาย  แก้ทัน  ช่วยกันเอย.


ไม่ทราบนามผู้แต่ง  ลงในหนังสือชื่อ ความหลัง
พิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔  เหตุที่ไม่ทราบ  เนื่องจาก
หนังสือนั้นไม่อยู่แล้ว  กลอนนี้ เขียนขึ้นจากความทรงจำ
แต่สันนิษฐานว่า  ผู้แต่งอาจเป็น ศรีตราด  ก็ได้
เพราะในหนังสือรวมงานเขียนของท่านก็มีงานเขียน
ที่ชื่อความหลัง เนื้อหาภายในก็ดุจเดียวกัน
ทั้งสำนวนกลอน ก็มีลักษณะคล้ายกันเป็นอย่างมาก

นำมาโพสต์ไว้ เพราะบรรดาบทกลอน ในหนังสือเล่มนี้
เป็นแม่แบบในการฝึกหัดแต่งกลอนของเรานั่นเอง
หรืออาจกล่าวว่าผู้ที่แต่งกลอนในหนังสือเล่มนี้ ก็คือครูกวี
คนแรกของเรา  ครูกับลูกศิษย์ที่ไม่เคยรู้จักหรือพบกันมาก่อน


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

02 มกราคม 2011, 06:04:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #21 เมื่อ: 02 มกราคม 2011, 06:04:PM »
ชุมชนชุมชน

นิราศเดือน

เดือนแปด


   เดือนแปดเป็นเดือนเข้าพรรษา  เป็นการบำเพ็ญกุศลสำคัญอย่างหนึ่งของไทย  ภาพที่ท่านเห็นที่ปกหลังนั้น
"เหม  เวชกร"  ได้เขียนตอนอุบาสิกาค่อนข้างสาวไปถวาย "พนมพรรษา" คือพุ่มดอกไม้ถวามยพระนั่นเอง  แต่
สมัยนายมีนั้น(ศิษเอกสุนทรภู่) "พุ่มพรรษา" นี้  เขาดัดแปลงทำเป็นรูปต่างๆ    อย่างที่นายมีว่าไว้ในกลอนนั่น
แหละ  ครั้งรัชกาลที่๔นิยมกันอยู่พักหนึ่ง   บัดนี้พนมแบบที่ว่านี้หาดูไม่ได้เสียแล้ว   ในตอนเข้าพรรษานี้ นายมี
ยังได้พรรณาอาการของผู้ถวายพุ่ม  และของพระภิกษุด้วยอยู่ข้างจะล้อๆสักหน่อย
  ในพรรษานี้ก็มีการบวชและการเทศน์ในพรรษากับการเทศน์มหาชาติ  เมื่อพูดเกี่ยวกับเรื่องวัดแล้ว นายมีก็ออก
จะพูดได้จะแจ้งเพราะเป็นชาววัดนั่นเอง  ในกลอนเดือนแปดตอนสุดท้าย  ท่านจะได้อ่านที่นายมีกล่าวถึงผู้หญิงและผู้ชาย  ไปหาหมอดู  ถามเนื้อคู่เป็นเรื่องที่จะ"ต้องทำ"อย่างหนึ่ง
   เดือนนี้นายมีได้แสดงไว้ชัดว่า"ฤดูดลพระพรรษาเข้ามาขวาง  จวนจะบวชเป็นพระสละนาง" นี่นับเป็นประเพณี
ที่เรานับถือกันเคร่งมานาน  ใครไม่ได้บวชก็ถือเป็น"คนดิบ" ไปขอลูกสาวใครไม่ค่อยสำเร็จ  นอกนั้นบิดามารดา
ของผู้ชายก็ไม่ค่อยยินดีให้ลูกชายเบียดก่อนบวช  เพราะเมื่อเบียดเเล้ว ก็มักไม่ได้บวช  ถ้าได้บวช บุญก็ไปตกเป็นของเมียเสียหมด


ถึงเดือนแปดแดดอับพยัพฝน            ฤดูดลพระพรรษาเข้ามาขวาง
จวนจะบวชเป็นพระสละนาง             อยู่เหินห่างเห็นกันเมื่อวันบุญ
ประดับพุ่มบุปผาพฤกษากระถาง        รูปแรดช้างโคควายขายกันวุ่น
ตุ๊กตาหน้าพราหมณ์งามละมุน           ต้นพิกุลลิ้นจี่ดูดีจริง
ต้นไม้ทองเสาธงหงส์ขี้ผึ้ง                คู่สลึงเขาขายพวกชายหญิง
อุณรุทยุดกินนรชะอ้อนพริ้ง               มีทุกสิ่งซื้อมาบูชาพระ
ขึ้นกุฎิที่รักรู้จักสนิท                         ดัดจริตพูดจาสาธุสะ
พระหนุ่มหน่มกลุ้มใจทำไมละ            เสียงจ๊ะจ๋าพูดจาพาสบาย
ถ้าญาติโยมจริงจริงแล้วนิ่งเฉย          มิใคร่เงยดูหน้าปัญญาหาย
ไม่พูดมาดพาดพิงให้พริ้งพราย         ดูเราะรายเรียบร้อยกะช้อยชด
พรรษาหนึ่งสองพรรษาไม่ผาสุข        เข้าบ้านขลุกเลยลาสิกขาบท
เหมือนน้ำอ้อยย้อยถูกจมูกมด            ใครจะอดได้เล่าพวกชาวเรา
นึกคะนึงถึงนางกลางพรรษา             แต่คอยหาเช้าเย็นไม่เห็นเขา
เที่ยวฟังเทศน์มิได้ขาดดูลาดเลา      เห็นแต่เขาคนอื่นไม่ชื่นตา
นั่งพับเพียบเรียบร้อยน้อยไปหรือ       ประนมมือฟังธรรมเทศนา
ที่ฟังจริงนิ่งตรับจนหลับตา               บ้างก้มหน้าฟังไปมิได้เงย
ที่ฟังเล่นเห็นกันเป็นขวัญเนตร         ไม่ฟังเทศน์เอาบุญแม่คุณเอ๋ย
มานั่งเล่นตากันฉันไม่เคย                ไม่สิ้นเลยเหล่าตะกลามกามคุณ
ที่ท่านแก่แก่ตัวยังชั่วดอก                 หมายจะออกห่างเหจากเมถุน
ท่านอยากบวชสวดมนต์ขนแต่บุญ    ที่แรกร่นนี่แลร่านรำคาญใจ
ด้วยความรักหนักเหลือเหมือนเรือเพียบ   จนน้ำเลียบแคมแล้วแจวไม่ไหว
ถ้าผ่อนของขึ้นเสียบ้างยังชั่วใจ        แจวไปไหนไปได้ไม่หนักแรง
โอ้โอ๋อกชาวเราเหล่าเจ้าหนุ่ม           อยากใคร่สุ่มปลาหนองส่องแสวง
ตัวฉันเล่าเฝ้าคลั่งด้วยยังแคลง        จะพลิกแพลงไปอย่างไรก็ไม่รู้
โอ้ไฉนจะได้สมอารมณ์รัก               ใครช่วงชักฉันจะไหว้ให้หัวหมู
ยิ่งร้อนใจในคอให้หมอดู                 ว่าขัดคู่นักหนายิ่งอาดูร


ตำรา  ณ.เมืองใต้   เขียน
เหม     เวชกร   ภาพ
จากนิตสารปี 2506








ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
03 มกราคม 2011, 01:27:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #22 เมื่อ: 03 มกราคม 2011, 01:27:PM »
ชุมชนชุมชน


คนไม่แพ้..

จะเศร้าโศรกเสียใจทำไมหนอ
ไยทดท้อชีวิตที่ผิดหวัง
ตราบสองแขนยังดีมีพลัง
ไม่ควรนั่งเสียใจสิ้นไยดี

ดูเราซี...ชีวิตเคยผิดพลั้ง
มาหลายครั้งไม่ปลีกคิดหลีกหนี
กัดฟันสู้   สู้ไปด้วยขันตี
จนบัดนี้...มีชัยในบั้นปลาย

การเชื่อว่าพรมหมสร้างทางชีวิต
หรือลิขิตเปลี่ยนกมลคนทั้งหลาย
ให้ประสพชาตากรรมระส่ำกาย
ล้วนงมงายโง่เง่าเขลาพอดู

ตัวเราเองหรอกลิขิตชีวิตได้
หากเราไม่ทดท้อการต่อสู้
เพียรมานะ  สัจจะตั้ง  พลังชู
เปิดประตู...รุ่งโรจน์โชติช่วงไกล

ลืมความหม่นแล้วยิ้มให้พริ้มเพริด
ลุกขึ้นเถิดต่อสู้ลองดูใหม่
ปลุกพลังให้เข้มแข็งด้วยแรงใจ
ก้าวขึ้นไปบนเวที.....เกมชีวิต

ธรรมฤทธิ์   สุวัตถิกุล
จากนิยสารปี2506

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, yaguza

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
03 มกราคม 2011, 02:47:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #23 เมื่อ: 03 มกราคม 2011, 02:47:PM »
ชุมชนชุมชน

แหล่เทศน์และแหล่เครื่องเล่น

    สมัยก่อน  เมื่อหนังสือพิมพ์ยังไม่แพร่หลาย  วิทยุยังไม่มี  ยังร้องแต่เพลงไทย  แหล่เทศน์มีคนนิยมกันมาก
คู่ๆกับลำตัดก็ว่าได้  แหล่เทศน์มักจะมีเวลาเทศน์มหาชาติ  แต่อาจจะว่ากันเฉยๆเวลามีการทำบุญที่วัดก็ได้
ผู้ว่าจะเป็นคฤหัสถ์ก็ได้  พระภิกษุก็ได้  แหล่เทศน์บางทีก็เป็นเรื่องประกอบข่าวไปเลย เช่น แหล่เรือพระร่วง
(รูปจะสรรกลั่นเนื้อความ ถึงเรือสยามที่เข้ามาใหม่ เป็นเรือรบที่ออกเรี่ยไร กับชนหญิงชายข้าราชการ......)
แหล่ย่ามแดง (เรื่องผู้ร้ายฆ่าคนสะพายย่ามแดง  เที่ยวลอบฆ่าผู้หญิง...)  แหล่บ้านพานถม  (เรื่องไฟไหม้-
บ้านหลวงโภคา บ้านพานถม..) เหล่านี้  พวกนักแหล่แต่งขึ้นทันเหตุการณ์  มีคนชอบฟัง  ถึงกับพิมพ์เป็นเล่ม
เพื่อให้พวกนักเทศน์เอาไปว่าแหล่กัน
    ส่วนแหล่เครื่องเล่นนั้น  ไม่ใช่เรื่องเหตุการณ์  แต่เป็นการแกะบายศรี เป็นแหล่ที่นิยมเทศน์ประกอบในกัฌฑ์
มหาราช  เช่นแหล่บายศรีแก้วบายศรีทอง  แหล่บายศรีหิมพานต์  แหล่บายศรีเจ็ดชั้น  ผู้แต่งเป็นกวีฝีปากสูง
สำนวนจึงเรียบร้อยไพเราะกว่า  ที่พวกราษฎรสามัญแต่ง
    แหล่นี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเทศน์ มหาเวสสันดรชาดก จึงขอยกมาให้ท่านเห็นเป็นตัวอย่าง

สูงโดดทรงดี                   คีรีเขาเรียง
งอกกลมเงื้อมเกลี้ยง         แทรงเคียงแซงข้าง
เอิ้งเวิ้งอ้างว้าง                 กรวยทางโกรกธาร
โดดพุดุพล่าน                  ฟุ้งซ่านฝอยเซ็น
ดูเปี่ยมดังเป็น                  แลเห็นลายหิน
ดูทะโมนดำทมิฬ              เหมือนนิลม่วงแนม
เขียวกาบคาบแถม           ยอดแซมหลายสี
ข้างริมคีรี                        ดูทีดังทำ
วุ้งแถวเวิ้งถ้ำ                   แกะว้ำก้อนเวียน
สีทองแสงเทียน              แลเตียนเลี่ยนตา
โขดหินคูหา                   เงื้อมผางอกภู
สยามพุ่มสยุมภู               กระจัดฟูกระจายฟอง
สีเทียนแสงทอง              หินปล่องเห็นเปลว
ชันห้วยช่องเหว              หินเลวหินลาย
ม่วงแซมมึกสาย              ดูคล้ายดำคลับ
แกะสลอนก้อนสลับ         งอกทับเงื้อมธาร
ดูสะอาดดาษสะอ้าน        แลตระหง่านลอยตระง้ำ
มีแท่นแม้นทำ                 แลขำลายเขียน
เขาวงโคกเวียน              ดูเลี่ยนดังลาน
หลืบถ้ำลำธาร                ริมชานร่มชัด
บุษบงใบสะบัด               บ้างกลัดบานกลีบ
ภุมรินผินรีบ                   แทรกกลีบไซ้กลาง
ผักแขงแฝงข้าง             ใบล่างบัวหลวง
กลีบโรยกลับล่วง           ลอยช่วงหลังชล
ปลาว่ายปลายวน           พุ่งด้นพ้นดิน 
หางกิ่วหากิน                  กัดหินกะโห้     
ช่อนดุกชะโด                 เทโพเทพา
ปลาสร้อยปลอมซ่า         เค้าบ้าคางเบือน
ตะเพียรตอดเพื่อน          ว่ายเชือนวิ่งโชน
ไอ้ด้องออกโดน             เผ่นโจนโผนจร
หมู่สลิดมาสลอน           เนื้ออ่อนนวลอ่อง
ปลอมแถวปลาทอง        ลอยท่องลำธาร

เปลื้อง    ณ นคร    เขียน
จากนิตสารปี 2506



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
04 มกราคม 2011, 02:32:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #24 เมื่อ: 04 มกราคม 2011, 02:32:PM »
ชุมชนชุมชน

นิราศเดือน

เดือนสาม


   ภาพนิราศเดือนที่หลังปกฉบับนี้"เหม  เวชกร" เขียนตามเค้ากลอนที่ว่า "พี่นั่งชมจันทร์เพ็งเปล่งโพยม
ดูแวววาวเวหาล้วนดาเรศ  เหมือนดวงเนตรนุชนางสำอางโฉม"  เมื่อนายมีแต่งนิราศเดือนนี้  เข้าใจว่ายัง
บวชอยู่  แต่จะเขียนรูปนายมีเป็นพระนั่งมองดวงหน้าผู้หญิงลอยอยู่บนฟ้าก็ดูไม่เข้าที  การที่คนหนุ่มๆนั่งดู
เดือนดูดาวแล้วเห็นเป็นภาพนางที่รักลอยอยู่นั้น เขาว่าเป็นได้ ถ้าใครไม่เชื่อ ก็แปลว่า คนนั้นยังไม่มีความ
รักอย่างแรงกล้า
   ในเดือนสามนี้มีพิธีที่สำคัญคือ  มาฆบูชาเป็นทั้งพิธีหลวงและพิธีราษฏร์  แต่นายมีไม่ได้กล่าวถึง เอาแต่
คร่ำครวญเรื่องผู้หญิง  ถ้าบวชอยู่จริง  ก็คงใกล้จะสึกเต็มที


ถึงเดือนสามความโศกไม่เสื่อมสูญ      จันทร์จำรูญแสงงามยามปฐม
ดารารายพรายพร่างน้ำค้างพรม          พี่นั่งชมจันทร์เพ็งเปล่งโพยม
ดูแวววาวเวหาล้วนดาเรศ                  เหมือนดวงเนตรนุชนางสำอางโฉม
ดูกะพริบลิบแดงดังแสงโคม               ลอยพโยมล้อมจันทร์พรรณราย
พี่นั่งชมตรมตรึกดึกสงัด                     น้ำค้างหยัดเยือกเย็นกระเซ็นสาย
บุปผาเผยกลีบก้านบานกระจาย          ต้องพระพายหอมกระถินดังกลิ่นนาง
พี่เคลิ้มคลั่งนั่งอยู่ดูมะลิ                     ลืมสติหลงพลอดกอดกระถาง
ฟังเป็นเสียงสายสมรวอนให้วาง          จึงปลอบนางทางว่าอย่าอาลัย
พี่นั่งคอยนอนคอยน้อยไปหรือ            ขอถูกมือยอดรักอย่าผลักไส
พอรู้สึกนึกเขินเดินออกไป                 ถ้าแม้นใครเห็นฉันแล้วขันจริง
ราวกับถูกยาแฝดสักแปดโถ                จนซูบโซเสียศรีดังผีสิง
พระอภัยหลงรูปวาดหวาดประวิง         เรากลับยิ่งกว่าพระอภัยไป
ถ้ามิได้นวลหงฉันคงม้วย                   ใครจะช่วยดับเข็นเห็นไม่ไหว
หรือจะเหมือนมดแดงน่าแคลงใจ         ให้สงสัยวิญญาเป็นอาจิณ
ดูตำราว่าพฤหัสเป็นปัตนิ                   ตามลัทธิว่าคู่อยู่ทักษิณ
ช่างพูดจาตาดำดังน้ำนิล                   ก็สมสิ้นเหมือนตำราสารพัน
เออก็ขัดด้วยกระไรไฉนหนอ               แต่รีรอรักนุชสุดกระสัน
เห็นที่อื่นดื่นดาษไม่ขาดวัน                จะรักกันก็ประเดี๋ยวเมื่อเกี้ยวพาล
เหมือนแสบท้องต้องขืนกลืนข้าวตาก   ระคายปากไม่ละมุนเหมือนวุ้นหวาน
เหมือนอดข้าวกินมันยามกันดาร          กว่าจะพานพบของที่ต้องใจ
กระแจะจันทร์คันธาบุปผาสด              ไม่เหมือนรสมิ่งมิตรพิสมัย
ประเวณีมีจบภพไตร                          ไม่ว่าใครทุกตัวทั่วโลกา


ตำรา  ณ เมืองใต้     เขียน
เหม   เวชกร            ภาพ
จากนิตสารปี2507

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, yaguza

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
16 มกราคม 2011, 04:52:AM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #25 เมื่อ: 16 มกราคม 2011, 04:52:AM »
ชุมชนชุมชน


คารมนักบิน

นักบินหนุ่มสองนายผู้ไร้รัก
ตกค่ำมักเที่ยวเตร่เร่สุขสันต์
ดื่มสุราโลมนารีมิเว้นวัน
สนุกกันตามประสาคนอาภัพ

ในคืนหนึ่งภายหลังต่างนัดหมาย
เขาจึงกรายเข้าไปในไนท์คลับ
บริกรสตรีรี่ต้อนรับ
จัดพร้อมสรรพอาหารตามบัญชา

ขณะเธอวางสุราอาหารให้
เขาก็หากำไรในทีท่า
ลูบไล้เธอทั่วร่างทางสายตา
ตามประสาคนสนุกชอบซุกซน

บังเอิญเหลือบเห็นสร้อยห้อยคอหล่อน
ที่ยานหย่อนหยอกเอินเนินถันถลน
เกี่ยวรูปเครื่องบินทองสองเครื่องยนต์
ส่ายลำวนเวียนหวงทรวงนงเยาว์

นักบินหนึ่งจึงเอ่ยเปรยเปรยว่า
"ตั้งแต่ได้เห็นมาหาใดเท่า
คงเป็นเครื่องรุ่นใหม่สวยไม่เบา
กองทัพเราไม่มีแบบนี้ใช้"

อีกคนเสริมพลัน"ฉันเห็นด้วย
เครื่องบินสวยอย่างนี้หาที่ไหน
แต่ลองดูให้ดีที่ไฉไล
ฉันว่าไม่สวยสะคราญเท่าลานบิน"

ประมูล  อุทัยพันธ์
จากนิตยสารปี2507

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ...สียะตรา.., ชลนา ทิชากร, yaguza

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
19 มกราคม 2011, 04:00:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #26 เมื่อ: 19 มกราคม 2011, 04:00:PM »
ชุมชนชุมชน


สักวันหนึ่ง

อันวิถีชีวิตลิขิตนั้น
ปวงเทวัญกั้นไว้ไม่เหมือนหมาย
บ้างยากจนค่นแค้นบ้างแสนสบาย
อย่าระคายข้องจิตคิดอาลัย

เกิดเป็นคนยากจนทนเอาเถิด
เป็นมนุษย์สุดประเสริฐเลิศกว่าไหน
จึงมีทุกข์มีสุขคลุกเคล้าไป
เพราะเทพไท้ท่านลิขิตชีวิตมา

อยากรูปสวยรวยทรัพท์นับหมื่นแสน
ไม่ขาดแคลนไร้ทุกข์รื่นสุขา
ทุกคนอยากดีเด่นเป็นธรรมดา
ปรารถนาแต่สิ่งชื่นรื่นกมล

แต่ชีวิตคิดหมายคล้ายฝ่าขวาก
ต้องลำบากกลิ้งเกือกกระเสือกกระสน
เหมือนบุญทำกรรมแต่งแกล้งมาดล
ชีวิตคนจึงจำสู้กล้ำกลืน

อย่าคิดท้อรอใครพึ่งใบบุญ
อย่าไปขุ่นเคืองแค้นแค่นขัดขืน
อันชีวิตไม่จีรังและยั่งยืน
ควรหน้าชื่นฝืนสู้อย่ารู้คลาย

สักวันหนึ่งคงชื่นระรื่นจิต
ทางชีวิตสดใสสมใจหมาย
ยึดธัมมะมั่นไว้ไม่เว้นวาย
คงสบายวันหนึ่งพึงหวังเอย

สุรศักดิ์  ศรีประพันธ์
จากนิตสารปี 2505

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, yaguza

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
26 กุมภาพันธ์ 2011, 02:30:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #27 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2011, 02:30:PM »
ชุมชนชุมชน


ณ ลานนี้มีมนตร์เคยดลจิต
ให้ประดิษฐ์สร้อยรักด้วยอักษร
แทนใจตนล้นค่ายิ่งอาภรณ์
มอบนักกลอนสาวสวรรค์ชั้นกวี

เคยชื่นชอบตอบคำช่างล้ำหวาน
ว่าขอลานนี้ประจักษ์เป็นสักขี
ขอรับสร้อยร้อยร่วมสวมฤดี
เหมือนหนึ่งมีมนตร์สวรรค์พันธนา

เราร่วมท่องล่องแคว้นแดนไพจิตร
ร่วมสนิทสนองเลห์เสน่หา
ร่วมเก็บเดือนเกลื่อนดาวพราวนภา
ร่วมลีลาลอยสวรรค์ชั้นดางดึงส์

เวลาน้อยคอยผ่านไม่นานนัก
เธอรานรักลับไปไม่นึกถึง
ภาพพิมานม่านฟ้ายังตราตรึง
กระสันรึงรัดกมลอยู่คนเดียว

ณ บัดนี้ที่ลานวิมานร้าง
สร้อยรักวางขาดหล่นไร้คนเหลียว
ถูกเหยียบย่ำช้ำแหลกเพราะแตกเกลียว
ทรวงแปลบเสียวหวิวหวาดแทบขาดใจ

สร้อยรักป่นคนขว้างมาร้างรัก
เหมือนมีดสักแสนเชือดเลือดรินไหล
ขอรวมสร้อยร้อยซากก่อนจากไกล
ฝังไว้ในสุสานลานกวี

สุชัย  ประเสริฐวรรณกิจ

จากนิตสารปี 2507


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, yaguza

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
22 กันยายน 2011, 10:17:AM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #28 เมื่อ: 22 กันยายน 2011, 10:17:AM »
ชุมชนชุมชน



ใครว่างาม

ครั้งก่อน
ชื่อบังอรขจรไปไกลนักหนา
เป็นเทพีที่โก้แสนโสภา
เป็นขวัญตาขวัญใจได้พบนวล
ช่างงามจริงหญิงใดไม่เทียมเท่า
เสน่ห์เร้ารึงใจให้ผันหวล
เคยเป็นที่มั่นหมายชายทั้งมวล
เจ้าหอมหวลชวนจิตคิดใฝ่ปอง
ทั้งเลิศหรูอยู่อย่างหว่านคำหวาน
แต่ไม่นานมานเจ้าก็เศร้าหมอง
เพราะหลงเล่ห์เสน่ห์ชายหมายเคียงครอง
เป็นที่สองของเขาเจ้าเสียที

ต่อมา
ในอุราเจ้าทุกข์ความสุขหนี
มารหัวขนป่นเกียรติเสียดราคี
จนเป็นที่เหยียดหยามว่าทรามใจ
ไม่นานนักรักร้ายชายเขาทิ้ง
หัวอกหญิงยิ่งครองทุกข์หมองไหม้
พิษรักหลอนกร่อนจิตมิคิดไกล
ปลิดชีพล่องท่องไปในสายลม

บัดนี้
มโหรีปี่พาทย์ระนาดขรม
ญาติพี่น้องร้องไห้ใจระทม
เคล้าผสมพระสวดกรวดน้ำลง
เชิงตะกรอนร้อนแรงไฟแดงจ้า
เผากายาคราก่อนเด่นเป็นผุยผง
สิ้นทุกอย่างร่างอะเคื้อไม่เหลือคง
ยามอนงค์ชีพไร้..ใครว่างาม


สมหวัง  คุณประดิษฐ์
จากนิตยสาร ปี2506

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, Design with love ᵔᴥᵔ, ชลนา ทิชากร, yaguza, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
28 กันยายน 2011, 01:26:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #29 เมื่อ: 28 กันยายน 2011, 01:26:PM »
ชุมชนชุมชน



รัก

รัก..อรุณรุ่งสางสว่างฟ้า
รัก..นภากว้างใหญ่แผ่ไพศาล
รัก..สายลมแสงแดดแผดส่องมาน
รัก..เสียงหวานเรไรในดงดอน

รัก..มวลหมู่สกุณาเรียกหาคู่
รัก..รักผึ้งภู่ภุมรินทร์บินสลอน
รัก..มัจฉาแหวกว่ายสายสาคร
รัก..โขดขอนเขาเขินเนินวนา

รัก..พฤกษาคราออกดอกสล้าง
รัก..น้ำค้างรักดาวพราวเวหา
รัก..จันทร์ฉายแสงส่องต้องสุธา
รัก..ธาราเย็นฉ่ำดื่มด่ำใจ

รัก..กองฟางผืนนาพาใจสุข
รัก..สนุกทุกข์ร้างราคราคราดไถ
รัก..ศรัทธา  ความหวัง  พลังใจ
รัก..มอบให้ผืนดินถิ่นแหลมทอง

รัก..ชาติศาสนามหากษัตริย์
รัก..ปฐพีใหญ่ไทยทั้งผอง
รัก..ชีพสละได้ดังใจปอง

พี่รักน้องไม่น้อยกว่า..ค่าแผ่นดิน


สุรศักดิ์  เนาว์นิเวศน์
จากนิตยสาร ปี2506

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
11 ตุลาคม 2012, 04:32:PM
พยัญเสมอ
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 674
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,044


ไม่มีเหตุจำเป็นห้ามรบกวน


« ตอบ #30 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2012, 04:32:PM »
ชุมชนชุมชน


     emo_100โวววว ๆๆๆ  ของชอบ    แบร่ๆ

ช่ายยยย เลยยยย  โดนนน จายยย ฉันเลยยยย
ที่จายยยยต้องการรรร  ประมาณนี้...เลยยยยยย

 โอว...น่ารักมั่กๆ



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : panthong.kh, ชลนา ทิชากร, yaguza, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

๐นามแฝงผู้เขียน Orion264(มือขวา),มือขวา,บูรพาทรนง-ตงฟางข้วงแขะ,สิงสู่,ต๊กโกม้อเกี่ยม-มารกระบี่เดียวดาย,
เทพเจ้าไก่
หน้า: 1 [2]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s