Re: กลอนเขา เอามาเล่าใหม่
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
30 เมษายน 2024, 01:53:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: กลอนเขา เอามาเล่าใหม่  (อ่าน 43503 ครั้ง)
Lจ้าVojกaoนบทนี้*
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 270
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 757



« เมื่อ: 31 ธันวาคม 2010, 11:54:PM »


   สวัสดี ปีใหม่ ๒๕๑๔
(กลอนนี้พิมพ์เมื่อ  ๒๕๑๔)


สวัสดี  ปีเก่า  เศร้าอนาถ
ใจจะขาด  ปีใหม่มา  นิจจาเอ๋ย
เพราะหนี้เก่า  ไม่ทันหมด  ใหม่ชดเชย
กระไรเลย  หนี้ใหม่เสริม มาเพิ่มพูน

ยังถูกพวก ไถขูด  รัฐดูดรีด
จนแห้งซีด  รันทด  เงินหมดสูญ
เศรษฐกิจ  ตกต่ำ  ซ้ำอากูล
แสนอาดูรย์  ค่าครองชีพ  มันถีบตัว

ทั้งโรงเรียน  ขาดแคลน แร้นแค้นขัด
อัตตคัด    ครูอาจารย์  พาลเวียนหัว
อุตสาหกรรม  ตกต้อย-ต่ำด้อยมัว
เกษตรทั่ว  กสิกรรม  มันค่อนทราม

ดุลย์การค้า  เสียเปรียบ   ถูกเหยียบไว้
มิสาใจ  อวดเบ่ง  ไม่เกรงขาม
ธุรกิจ   การค้า  พยายาม
มันคุกคาม  แย่งไทย  เอาไปทำ

ทั้งการเลี้ยง   ไก่โค  พุทโธ่เอ๋ย
กระไรเลย  ทำได้  มันไม่ขำ
เอามันเทศ  มาเป็นนาย  อ้ายระยำ
มันช่างทำ  อุบาทว์  ชาตทมิฬ

นโยบาย  ระหว่าง  ต่างประเทศ
น่าสังเวช   สลดใจ   ทั่วไปสิ้น
ดำเนินการ  ผิดพลาด  อนาถจินต์
ดีแต่กิน   ไม่เอาไหน  จนไทยโซ

หนี้สามหมื่น  ล้านเศษ  เหตุพันผูก
ไปถึงลูก  หลานไทย  น่าใจโบ๋
รับใช้หนี้  แทนเขา  เศร้าหัวโต
ลูกไทยโซ   เศร้าหมอง  คงร้องโอย

จึงเกิดโจร   ผู้ร้าย   ทั้งหลายมาก
ด้วยอดอยาก  หน้านิ่ว  มันหิวโหย
เพราะปากท้อง  มันเตือน  มาเยือนโชย
จึงขโมย  ปล้นจี้  แย่งตีชิง

ทั้งความยุติธรรม  นั้นล้ำเหลื่อม
คนจึงเสื่อม  ศรัทธา  กว่าทุกสิ่ง
ประชาชาติ  ขาดหลัก  พึ่งพักพิง
เหมือนถูกทิ้ง  โดดเดี่ยว  อยู่เดียวดาย

ด้วยเหตุนี้  บ้านเมือง  มีเรื่องยุ่ง
ส่วนมากมุ่ง  หวังผล  ที่ตนหมาย
จนลืมนึก  ส่วนรวม  ร่วมใจกาย
ยังไม่สาย  แก้ทัน  ช่วยกันเอย.


ไม่ทราบนามผู้แต่ง  ลงในหนังสือชื่อ ความหลัง
พิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔  เหตุที่ไม่ทราบ  เนื่องจาก
หนังสือนั้นไม่อยู่แล้ว  กลอนนี้ เขียนขึ้นจากความทรงจำ
แต่สันนิษฐานว่า  ผู้แต่งอาจเป็น ศรีตราด  ก็ได้
เพราะในหนังสือรวมงานเขียนของท่านก็มีงานเขียน
ที่ชื่อความหลัง เนื้อหาภายในก็ดุจเดียวกัน
ทั้งสำนวนกลอน ก็มีลักษณะคล้ายกันเป็นอย่างมาก

นำมาโพสต์ไว้ เพราะบรรดาบทกลอน ในหนังสือเล่มนี้
เป็นแม่แบบในการฝึกหัดแต่งกลอนของเรานั่นเอง
หรืออาจกล่าวว่าผู้ที่แต่งกลอนในหนังสือเล่มนี้ ก็คือครูกวี
คนแรกของเรา  ครูกับลูกศิษย์ที่ไม่เคยรู้จักหรือพบกันมาก่อน



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 ตุลาคม 2012, 08:59:PM โดย Lจ้าVojกaoนบทนี้* » บันทึกการเข้า


Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s