กลอนเขา เอามาเล่าใหม่
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
26 เมษายน 2024, 01:58:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1] 2
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กลอนเขา เอามาเล่าใหม่  (อ่าน 43421 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
23 ธันวาคม 2010, 12:55:AM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« เมื่อ: 23 ธันวาคม 2010, 12:55:AM »
ชุมชนชุมชน

วัตถุประสงค์
เพื่อให้คนรุ่นใหม่ที่มีใจรักบทกลอน บทกวี ได้อ่าน ได้ศึกษา เปรียบเทียบ
เพื่ออนุรักษ์บทกลอนเก่าๆ ที่ยังไม่ได้รวบรวม เป็นแหล่งความรู้
เพื่อแบ่งปันความรู้สึก
ขอบคุณทุกท่าน และบ้านกลอนไทย มาณ.ที่นี้ด้วยครับ




ความร้อน..



ความเอ๋ยความร้อน
เครื่องบั่นทอนชีวิตให้ปลิดหาย
ร้อนราคะโทสะโมหะกลาย
ทุกทุกรายปัดเป่าให้เบาบาง
อันร้อนแดดแผดเผาพักเงาไม้
อาบไว้น้ำคลายร้อนห่อนหมองหมาง
เกิดร้อนเพลิงภายในให้ระคาง
ต้องมุ่งทางรสพระธรรมฉ่ำเย็นเอยฯ



เนิน  จันทรัมพร
แต่งไว้เมื่อ พ.ศ 2497



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, choy, พยัญเสมอ

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
23 ธันวาคม 2010, 01:33:AM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #1 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2010, 01:33:AM »
ชุมชนชุมชน


แด่ยอดกวี..



...สักรวาสิบนิ้วพนมก้มเศียร

ทั้งธูปเทียนดอกไม่อีกบายศรี

น้อมรำลึกคาราวะสดุดี

ยอดกวี"สุนทรภู่"ครูกาพย์กลอน

...สังขารร่วงจากไปไม่เหลือซาก

แต่ฝีปากฝากอยู่เป็นครูสอน

ดั่งฉัตรชัยเคียงคู่อยู่นคร

เป็นนุสรณ์ฝากไว้แก่ไทยเอย



ถนอม  คงวิมลสวัสดิ์
จากนิตยสารปี2505

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พยัญเสมอ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
23 ธันวาคม 2010, 01:14:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #2 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2010, 01:14:PM »
ชุมชนชุมชน

นิราศเดือน..




เดือนสิบเอ็ด

มีประเพณีสำคัญเกี่ยวกับทางศาสนาคือ การออกพรรษาและการทอดกฐิน การทอดกฐินนั้นเป็นงานประเพณีที่ขาดไม่ได้ ได้ทำบุญกันด้วย ได้สนุกด้วย
กฐินสมัยนายมีนั้น(นายมีเป็นศิษย์เอกของสุนทรภู่ ผู้แต่งนิราศเดือน)เป็นที่สนุกมากเป็นกฐินทางน้ำ เพราะแห่องค์กฐินไปได้ไกลๆ  สมัยนั้นถนนหนทางยาวๆอย่างเดี๋ยวนี้ไม่มี  นายมีคงได้รับความประทับใจจากเรือแห่กฐินแรงพอใช้ จึงได้เขียนพรรณนาไว้อย่างเข้าที โดยเฉพาะ."จนเปียกชุ่มตุ่มตั้งอลั่งดี" แล้วก็ช่วยให้"เหม เวชกร"พลอยเกิดความจรรโลงใจ วาดภาพให้เห็นติดตา  เชิญชมเอาเอง



..เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระพรรษา          ชาวพาราเซ็งแซ่แห่กฐิน
ลงเรือเพียบพายยกเหมือนนกบิน          กระแสสินธุ์สาดปรายกระจายฟอง
..สนุกสนานขานยาวฉาวสนั่น                บ้างแข่งกันต่อสู้เป็นคู่สอง
แพ้ชนะปะตาพูดจาลอง                      ตามทำนองเล่นกฐินสิ้นทุกปี
..ไปช่วยแห่แลกกันกระสันสวาท            นุชนาถพายเรือใส่เสื้อสี
จนเปียกชุ่มตุ่มตั้งอลั่งดี                      เส้นเกศีโศกสร้อยก็พลอยยับ
..เหมือนตกแสกแหวกโศกไว้สักพ้อม      ดูมัวมอมหน้าตาเมื่อขากลับ
ถึงบ้านบอบหอบอ่อนลงนอนพับ          ตานั้นหลับใจตรึกนึกถึงพาย
..บ้างพูดกันวันนี้พี่คนนั้น                      ช่างดูฉันนี่กระไรนึกใจหาย
บ้างแกล้งพูดดังดังว่าชังชาย               เบื่อจะตายไปกฐินเขานินทา
..ได้ยินพูดเช่นนี้ก็มีมาก                        พูดแต่ปากใจรนเที่ยวค้นหา
การโลกีย์มีทั่วทั้งโลกา                       ใครบ่นบ้าว่าเบื่อไม่เชื่อเลย
..ถึงตัวเรานี้เล่าก็เร่าร้อน                       แสนอาวรณ์วิญญานิจจาเอ๋ย
ไม่ว่าเป็นบ้าหลังอย่าหวังเชย               ยิ่งเคยเคยแล้วยิ่งคิดเป็นนิจกาล
..ทุกค่ำรุ่งมุ่งมาดปรารถนา                     จะพรรณนาสุดคิดให้วิตถาร
ในเสน่ห์กลโลกาห้าประการ                 ฉันรำคาญสุดที่จะชี้แจง

นายมี..


ตำรา  ณ.เมืองใต้..เขียน
เหม  เวชกร..ภาพ
จากหนังสือวิทยาสาร 1ม.ค 2507

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พยัญเสมอ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
23 ธันวาคม 2010, 03:52:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #3 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2010, 03:52:PM »
ชุมชนชุมชน



ครู..


ครู.................คำนี้เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว
เป็น................ผู้แผ้วถางทางวางรากฐาน
ผู้นำ................ศิษย์ทำกิจผลิตผลงาน
ทางวิญญาณ......มิให้มีราคีครอง

ครู..................ค้ำจุลหนุนนำไร้จำจิต
ช่วยยก.............ศิษย์เด่นดีไม่มีสอง
จิตใจ...............จอดจ่อจำเข้าทำนอง
สูง..................สุดปองก็ยังหวังตั้งตาชู

ครู..................สั่งสอนวอนว่าสารพัด
ไม่ใช่...............ตัดเยื่อใยให้อดสู
ลูกจ้าง.............เจ้านั้นเป็นใช่เช่นครู
รับใช้...............ชูกูลเกื้อเพื่อแลกเงิน

ครู..................คับแค้นแสนยากลำบากแย่
ไม่เห็นแก่..........การใดใจห่างเหิน
สินจ้าง.............จักค่านองกองพะเนิน
รางวัล..............เทินทูลให้ไม่ใยดี

ครู..................ครุ่นคิดจิตมุ่งผดุงศิษย์
เป็น................มิ่งมิตรยามยากมิพรากหนี
ปูชนียบุคคล.......ล้นเลิศประเสริฐดี
สำคัญ..............มีศิษย์ควรมั่นกตัญญู


ตุ๊  ชะนะมา
จากนิตยสารปี2505

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
24 ธันวาคม 2010, 12:26:AM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #4 เมื่อ: 24 ธันวาคม 2010, 12:26:AM »
ชุมชนชุมชน


ยอดกวี..



สรวงสวรรค์ชั้นกวีรุจีรัตน์
ผ่องประภัศร์พลอยหาวพราวเวหา
พริ้งไพเราะเสนาะกรรณวัณณา
สมสมญาแห่งสวรรค์ชั้นกวี



น.ม.ส ในสามกรุง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
25 ธันวาคม 2010, 12:42:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #5 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2010, 12:42:PM »
ชุมชนชุมชน


ที่ว่ารัก รักนั้นเป็นฉันใด


.........สหายเอ๋ย
เธอนั้นเคยโศกศัลย์เช่นฉันไหม
เธอเคยผิดหวังบ้างหรืออย่างไร
เคยหวนไห้ทุกข์ระทมตรมไหมมิตร

...เมื่อมีรักแรงรึงซาบซึ้งซ่าน
ช่างหอมหวานรสรักจำหลักจิต
ให้อิ่มเอิบอาบฤดีชื่นชีวิต
ภาพโสภิตพิมานรักประจักษ์จินตน์

...แต่พระทรงศรดอกไม้ใจร้ายล้ำ
แกล้งกระหน่ำศรศักดิ์รักถวิล
แล้วทิ้งถอนศรบุปผาให้ราคิน
สร้างมลทินท่วมท้นให้คนกลัว

...ที่เคยหวานหวลชื่นกลับขื่นขม
ที่เคยชมว่างามกลับทรามชั่ว
วิมานรักผุดผ่องกลับหมองมัว
เคยพันพัวกลับพาลร้าวรานไป

...คงแต่รอยชอกช้ำระกำจิต
เกินความคิดควักกอกเอาออกได้
คงสนิมรักเปรอะกรังเกรอะใจ
สุดสลัดให้ลืมอดีตที่กรีดทรวง

...จึงพร่ำวอนมิตรสหายทั้งชายหญิง
ได้เกรงกริ่งอย่ารักหลงหนักหน่วง
ระวังกลัวลิ้นลมคารมลวง
หมั่นแหนหวงกายใจเอาไว้เอย


ประทีบ  พึ่งตน
จากนิตสารปี2505

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
25 ธันวาคม 2010, 01:53:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #6 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2010, 01:53:PM »
ชุมชนชุมชน


จากเพื่อนใจ..



ลำนำนี้ขอเชลงเป็นเพลงแผ่ว
กังวานแว่วยามคะนึงถึงความหลัง
ว่า"มิตรเอ๋ยอย่าลืมเลือนเพื่อนชาวตรัง"
เป็นเสียงสั่งเพื่อนสาวชาวไชยา

มิตรคงรู้ใช่ไหมใครบ่นถึง
เขาผู้ซึ่งเคยรักมิตรหนักหนา
แม้เวลาล่วงผ่านเนิ่นนานมา
ก็ไม่สิ้นเสน่หาที่ตราตรึง

เพราะความหลังฝังจิตอยู่มิตรเอ๋ย
ไม่ลืมเลยจะบอกมิตรว่า"คิดถึง"
รู้ไหมว่าทุกคำที่รำพึง
คือเสียงซึ่งสั่งเตือนจากเพื่อนใจ

ขอวานโสมโลมดาวที่พราวฟ้า
ถามมิตรว่า"ยังคะนึงถึงบ้างไหม"
โอ้..ถึงคราหน้าหนาวเยือนคราวใด
ยิ่งอาลัยเกินคำจะจำนรรจ์

ด้วยใจซื่อถือสัจจะอยู่นะมิตร
จึงขอสิทธิ์ครองใจเพียงในฝัน
ผิรักเราต้องร้างสวนทางกัน
แต่ใจนั้นยังหยัดด้วยศรัทธา

ขอฝากถ้อยร้อยคำลำนำนี้
เตือนฤดีมิ่งมิตรขนิษฐา
มอบสนองเป็นของขวัญแทนสัญญา
รู้เถิดว่าถึงอย่างไร...ไม่ขอลืม



ประวิทย์  ไชยกุล
จากนิตยสารปี2505

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
25 ธันวาคม 2010, 03:05:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #7 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2010, 03:05:PM »
ชุมชนชุมชน


จากห้องใจ..
แด่  รัตนกวี
เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ176ปีของท่านสุนทรภู่(26มิ.ย2329-26มิ.ย2505)



     แย่งคู่เขาเอาไปยังไม่สา
ยังกรีฑาทัพครองใจน้องสาว
ทุกครั้งอ่านม่านตาฉันพร่าพราว
เป็นเรื่องราวสลดเกินอดทน

...ฉันเคยหลงลงโทษโกรธผู้เขียน
แม้วางแบบแนบเนียนเจียรเหตุผล
เหตุเพราะเยาว์เขลาอยู่มิรู้กล
ว่าเหลือล้นวิปโยคแหล่งโลกมี

...แต่พอโตโง่หดไปหมดสิ้น
รู้ระบิลรอบตนจนถ้วนถี่
ยิ่งรู้ฤทธิพิษรักหนักฤดี
ยิ่งรู้ทีคนทำลำนำกลอน

...เมื่อความรักความหลงดำรงหล้า
เรื่องตันหาหญิงชายยากไถ่ถอน
มีไปนับกัปกัลป์พุทธันดร
และแน่นอน"พระอภัย"จะไม่ตาย

...มิถุนามาถึงอีกหนึ่งรอบ
เดือนฟ้ามอบปราชญ์เกิดเพื่อเฉิดฉาย
ท่านประเทืองเมืองไทยไกลอับอาย
ด้วยการร่ายกานท์แก้วอันแวววรรณ

...มนัสน้อมจอมปราชญ์ประกาศภักดิ์
จากความรักที่ครองห้องใจฉัน
เสียดายท่านผ่านไปตามไม่ทัน
แม้กระนั้น,ทราบเถิดศิษย์เทิดทูน



บุญนิตย์  ไชยเศรษฐ
จากนิตยสารปี2505


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พยัญเสมอ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
26 ธันวาคม 2010, 01:43:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #8 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2010, 01:43:PM »
ชุมชนชุมชน

ส.ค.ส. ๒๕o๗


     เวียนวันและชันษา        สุภวารมงคล
ปีใหม่ลุมาดล                      รดิน้อมอำนวยพร
     ด้วยลักษณ์ลิขิตฉันท์      อภินันท์กวีวอน
ขอคุณพระไตรรอน              อริพ่ายมลายสูญ
     เทพทั้งพระเจ้ารัก-        ษพิทักษ์ทวีคูณ
ลาภยศธนังพูน                   อุปโภคก็นองเนือง
     ชนมายุยืนพัน                 รุจิวรรณวิไลเรือง
สุขสันติบรรเทือง                 พลเช่นคเชนทร
     สรวมวิทยาสาร               จิรกาลขจายจร
สื่อมิตรประสิทธิ์พร               พุฒิเพิ่มพิพัฒน์สม
     กวีสรรค์ประพันธ์ศัพท์      สุตจับจิตารมณ์
เกียรติ์เด่นอุดมชม                 ปฎิภาณนิรันดร์เทอญ

ร.ต ทองหยด   สุวรรณประกาศ


    ศุภฤกษ์เบิกดิถีขึ้นปีใหม่
อโณทัยไขแสงทองผ่องเวหา
เสียงพลุก้องกลองลั่นเป็นสัญญา
บอกเวลาเริ่มต้นมงคลกาล
    ขอวอนไหว้ไท้เทวาศักดาฤทธิ์
สิ่งศักดิ์สิทธ์ทั่วไตรภพจบสถาน
ทั้งไตรรัตน์ฉัตรหล้านราบาล
โปรดได้ดลบันดาลประทานพร
    ให้ไทยชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
พูนพิพัฒน์ภิญโญสโมสร
ประกอบวัฒนาสถาพร
ประชากรจงสุขสันต์ทั่วกันเทอญ

กัณหา  โทศรีแก้ว


(อุเปนทรวิเชียร๑๑)
     ลุวันดิถีเลิศ                   มนเทิดมุนีธรรม
ลิขิตสุพรนำ                         อธิบายขยายความ
     ก็กาลนะผ่านผัน              จะหิมันมิหวลยาม
มนุษย์และสัตว์หลาม             ประลุแปรปะแก่ตาย
     อนิจจาเอนกสิ่ง                จะละทิ้งกรัชกาย
สุวรรณหิรัญหลาย                  กลหินและดินผอง
     กุศลและผลบาป               วรลาภวิเลปน์จอง
จะสุขจะเศร้าหมอง                ก็เพราะกรรมกระทำมา
     มนัสประหวัดด้วย              สรช่วยสุจิตตา
ละทิ้งทุกิจกล้า                      กลหลีกอสรพิษ
     ประกอบกุศลกรรม              สตินำเสมอจิต
ประโยชน์ประยุกต์คิด              หิตมิตรหิตาชน
     กระทำกระนี้แล้ว                สุขแน่วณชีพตน
ระรื่นระเริงล้น                         ภยผองมิปองเบียน
     อเนกอนรรฆคุณ                กิตติหนุนมิพาเหียร
ประสงค์ประสบเธียร               ก็จะได้ประดุจจินต์
     สุพจน์สุภาพนี้                  มนมีจะมอบสิ้น
สุชนผิยลยิน                         ประพฤติแล้วจะสุขใจ
     ดิถีจุรีเลิศ                        ชนเทิด ณ ปีใหม่
ลิขิตวิสิทธ์ชัย                       ดุจแจ้งแถลงมา

รุ่ง  รำพึง
แห่งชมรมนักกลอนเชียงใหม่-ลำพูน


     รุ่งรุ่งสุรีย์โข             นภาลัยสว่างดล
รุ่งวันสุมงคล                  ณดิถีรวีวิไล
     ขอพรประเสริฐศรี       ดลชีวสดใส
ขอสุขณเทพไท              นิรมิตรประสิทธ์สม
     ขอรักจิรังกาล            รสะหวานประสานชม
สมพรและสุขพรม            ปีติรักนิรันดร์เทอญ

อ้อมจิต  สันตินรนนท์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
26 ธันวาคม 2010, 02:40:PM
♥ กานต์ฑิตา ♥
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 500
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,078



« ตอบ #9 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2010, 02:40:PM »
ชุมชนชุมชน

ขอเพียงแค่นี้

แม้หัวใจไร้สิทธิ์จะคิดหวัง
แต่ก็ยังมีสิทธิ์จะคิดถึง
แม้เป็นสองของใครไม่คำนึง
ขอเป็นหนึ่งอยู่ในหัวใจเธอ

ไม่เคยคิดไขว่คว้าเพื่อหาสิทธิ์
ฉันเตือนจิตเตรียมใจไว้เสมอ
เราไม่มีวาสนาอย่าพร่ำเพ้อ
รักไม่เก้อเธอยังเกื้อบุญเหลือล้น

ขอให้คิดถึงฉันวันละหนึ่ง
ฉันคิดถึงเธอวันละพันหน
และมีจิตคิดถึงเพียงหนึ่งคน
ไร้กมลที่จะเหลือเผื่อผู้ใด

แม้นมาหาเธอได้จะไม่ยั้ง
นี่ต้องรั้งแม้จะรู้เธออยู่ไหน
ไม่อยากเห็นเธออยู่คู่กับใคร
คงขาดใจถ้าเธออยู่กับผู้นั้น

เมื่อคิดถึงฉันจนทนไม่ไหว
ก็จงไปยังที่ซึ่งมีฉัน
มิได้ชิดชื่นใจไม่สำคัญ
สบตากันสักครั้งก็ยังดี

นภาลัย (ฤกษ์ชนะ) สุวรรณธาดา

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
26 ธันวาคม 2010, 04:56:PM
Lจ้าVojกaoนบทนี้*
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 270
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 757



« ตอบ #10 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2010, 04:56:PM »
ชุมชนชุมชน

ขอเพียงแค่นี้

แม้หัวใจไร้สิทธิ์จะคิดหวัง
แต่ก็ยังมีสิทธิ์จะคิดถึง
แม้เป็นสองของใครไม่คำนึง
ขอเป็นหนึ่งอยู่ในหัวใจเธอ

ไม่เคยคิดไขว่คว้าเพื่อหาสิทธิ์
ฉันเตือนจิตเตรียมใจไว้เสมอ
เราไม่มีวาสนาอย่าพร่ำเพ้อ
รักไม่เก้อเธอยังเกื้อบุญเหลือล้น

ขอให้คิดถึงฉันวันละหนึ่ง
ฉันคิดถึงเธอวันละพันหน
และมีจิตคิดถึงเพียงหนึ่งคน
ไร้กมลที่จะเหลือเผื่อผู้ใด

แม้นมาหาเธอได้จะไม่ยั้ง
นี่ต้องรั้งแม้จะรู้เธออยู่ไหน
ไม่อยากเห็นเธออยู่คู่กับใคร
คงขาดใจถ้าเธออยู่กับผู้นั้น

เมื่อคิดถึงฉันจนทนไม่ไหว
ก็จงไปยังที่ซึ่งมีฉัน
มิได้ชิดชื่นใจไม่สำคัญ
สบตากันสักครั้งก็ยังดี

นภาลัย (ฤกษ์ชนะ) สุวรรณธาดา




VERY GOOD   บทนี้  ดีมากหลาย
กลอนมากมาย  ล้นเหลือ  เคยเบื่อหนี
เพียงแรกอ่าน  ก็ถูกใจ  ในทันที
ยอดกวี  ชั้นครู   ผู้ชำนาญ

ก็อยากต่อ  ก็ยัง  ระวังท่า
กลัวไปว่า เราจะพลาด  สิ้นอาจหาญ
ด้วยฝีมือ เราอ่อน  เรื่องกลอนกานท์
จึงส่งศาส์น เพียงชื่นชม ว่าสมใจ

 ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

27 ธันวาคม 2010, 12:13:AM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #11 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2010, 12:13:AM »
ชุมชนชุมชน


ศึกอารมณ์

ไม่เคยมีน้ำค้างกลางกลีบแก้ว
ที่เห็นแววแสงวับกลับไม่ใช่
เสียแรงหลงใฝ่หามาแต่ไกล
เหนื่อยน้ำใจระทดท้อทรมา

หอมดอกแก้วกลางกมลของคนโศก
นิ่งสนิทอยู่บนโลกความหวนหา
กลิ่นอ่อนอ่อนชวนถวิลรินน้ำตา
ไม่รู้ว่าร้องไห้ทำไมกัน

กลีบแก้วเอ๋ยแนบชิดกับกลีบแก้ม
เคยเด็ดแซมผมหอมเจ้าจอมขวัญ
หอมดอกแก้วอวลละไมไปทั้งนั้น
แล้วมิทันหายหอมก็ตรอมใจ

จึงเมื่อแก้วโรยราลงคากิ่ง
เหลือเพียงสิ่งอับเฉาเราร้องไห้
หลายรู้สึกหลายร้อยรอยอาลัย
จมอยู่ในทะเลลึกศึกอารมณ์

เคยเห็นไหมน้ำค้างกลางกลีบแก้ว
ส่องแสงแววเหมือนน้ำที่ฉ่ำฉม
นั่นแหละคือน้ำตาเวลาตรม
รอถูกลมพัดลิ่วปลิวหายไป

โอ้ละหนอน้ำตาเวลาดึก
ทรวงระทึกจะลึกล้นไปหนไหน
ท่วมปัญญาท่วมจนท้นหัวใจ
รอเวลาแห้งเมื่อไหร่ไม่รู้เลย

อำไพ   ศรีสงคราม
จากนิตยสารปี2513

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
27 ธันวาคม 2010, 02:10:AM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #12 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2010, 02:10:AM »
ชุมชนชุมชน


แรงปรารถนา..

บราปา  ติงกี  ปูจุป  ปีสัง
ติงกี  ลากี  อาซับ  อาปี
บราปา  ติงกี  กุหนุงมะเลนตัง
ติงกี  ลากี  ดะรัม  ฮาดี

เพลงมลายูท่วงทำนองร้องเศร้าเศร้า
ใครหนอเฝ้าคร่ำครวญชวนหวั่นไหว
"ต้นกล้วยเอ๋ยถึงเจ้าสูงเท่าไร
แต่ควันไฟเบาฟ่องที่ล่องลอย

สูงกว่าเจ้าเท่าไรรู้ไหมเล่า
สายลมเป่าลอยลิ่วปลิวเป็นฝอย
ถึงเขาสูงเสียดฟ้าแหงนหน้าคอย
เทียบใจน้อยดวงนี้มิมีเลย"

ที่ลอยสูงเพราะจิตนั้นคิดถึง
คนที่ซึ่งฝันใฝ่ใช่ไหมเอ่ย
รักเคยหวังฝังจิตเคยชิดเชย
โอ้อกเอ๋ยกลับอ้างว้างอารมณ์

วิเวกแว่ววังเวงหนอเพลงเศร้า
ระอุเร้ากร่อนใจให้ไหม้ขม
ยิ่งอ้อยสร้อยอ้อยอิ่งเรายิ่งตรม
แทรกสายลมเสียดซ้ำย้ำทรวงใน

ยินเสียงเพลงท่วงทำนองร้องเศร้าสร้อย
แผ่วล่องลอยโชยฟ้ามาจากไหน
ภูเขาเอ๋ยถึงเจ้าสูงเท่าไร
แต่แรงใจปรารถนาสูงกว่าเอย

ชำนาญ  อำไพ
จากนิตยสารปี2513

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
27 ธันวาคม 2010, 03:50:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #13 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2010, 03:50:PM »
ชุมชนชุมชน


ศิลปวิจารณ์
บทกวีนายผี

ในฟ้า  บ่มีน้ำ          ในดินซ้ำ  มีแต่ทราย
น้ำตา  ที่ตกราย      ก็รีบซาบ  บ่รอซึม
แดดเปรี้ยง  ปานหัวแตก   แผ่นดินแยก  อยู่ทึมทึม
แผ่นอก  ที่ครางครึม   ขยับแยก  อยู่ตาปี

       นี่คือความรู้สึกของ"นายผี" ที่มีต่อสภาพอันน่าเสียวใจ  และได้สร้างความหวั่นไหว
แก่ผู้อ่านมานับสิบปีแล้ว  สมัยข้าพเจ้ายังเล็กและฝังใจจำมาแต่ครั้งนั้น   ครั้นเมื่อโตแล้ว
ได้พบว่ามีคนอีกมากมายยังจับใจจำมาเช่นเดียวกัน   นานจนกระทั่งบางบรรทัด  ชวนให้
สงสัย แต่ไม่รู้จะไปถาม "นายผี" ได้ที่ใด ข้าพเจ้ากระหายที่จะถามเขาถึงความในใจเล็กๆ
น้อยๆเช่นว่าว่าจะหางานชิ้นอื่นๆของเขาได้ที่ไหน     และทำไมเขาจึงสามารถสะท้อนให้
เห็นแผ่นดินอันเปรียบได้กับแผ่นอก ด้วยขยับจะแยกแตกออกทุกเวลานาทีเช่นนั้น มีห้วย
น้ำล้นอยู่แห่งหนึ่งแห่งเดียว กว้างใหญ่ไพศาลจนเห็นน้ำจรดฟ้า เต็มไปด้วยคลื่นพริ้วระยิบ
ระยับราวกับทะเลของอิสาน  นั่นคือ"มหาห้วย คือหนองหาร" แต่ "ลำมูลผ่าน" นั้นเล่ากลับ
คอยแต่เหือดแห้งว่างเปล่า เต็มไปด้วยสุมทุมพุ่มไม้แทนสายน้ำ  ราวกับเป็นลำน้ำแห่งความ
วิบัติ ลำแห่งความตายหรือคล้ายกับ "คือลำผี และเลี้ยงชีพ เช่นลำชี" ก็มีแต่จะซึมแซกหรือ
"อันชำแรก  บ่รีรอ" ชวนให้ท้อใจ "แลไปสุดป่าน โอ้อีสาน ฉะนี้หนอ คิดไป ในใจคอ ก็บ่ดี
นี้ดังฤา"  หรือไม่รู้สาเหตุที่นำมาซึ่งความหวั่นไหวในหัวใจของเราได้เลย  แต่ภัยธรรมชาติ
ที่น่าพรั่นพรึง    เท่านั้นยังไม่พอ    ยังต้องมาสู้กับภัยมนุษย์ที่เหยียบย่ำทำลายน้ำใจกันอีก
"เขาซื่อ  สิว่าเซ่อ  ผู้ใดเน้อ  นะดีแสน" ก็เมื่อความซื่อกลับเห็นเป็นว่าเซ่อเสียแล้ว  จะมีใคร
เล่าที่วิเศษยิ่งกว่านั้น  ถึง "ฉลาดทัน  เทียมผู้แทน  ก็เห็นท่าที่กล้าโกง" ซึ่งน่าจะต้องมีการ
เปิดโปง หาควรปิดปากเงียบด้วยความกลัวไม่ ใครที่ "กดขี่  บีฑาเฮา  ใครนะ  เจ้าจงเปิดโปง
เที่ยววิ่ง  อยู่โทงโทง  เที่ยวมาแทะให้ทรมาน  รื้อคิด  ยิ่งรื้อแค้น  ละหม้ายแม้น  น่าสังหาร
เสียคน  สิทนทาน" แต่ "ก็บ่ได้  สะดวกดาย"    ขอให้ท่านทั้งหลายได้อ่านทบทวนใหม่


ในฟ้าบ่มีน้ำ             ในดินซ้ำมีแต่ทราย
น้ำตาที่ตกราย          ก็รีบซาบบ่รอซึม
แดดเปรี้ยงปานหัวแตก     แผ่นดินแยกอยู่ทึมทึม
แผ่นอกที่ครางครึม     ขยับแยกอยู่ตาปี
มหาห้วยคือหนองหาร    ลำมูลผ่านคือลำผี
เลี้ยงชีพเช่นลำชี         อันชำแรกบ่รีรอ
แลไปสะดุ้งปาน        โอ้อีสานฉะนี้หนอ
คิดไปในใจคอ          ก็บ่ดีนี้ดังฤา
เขาซื่อสิว่าเซ่อ         ผู้ใดเน้อนะแสนดี
ฉลาดทันเทียมผู้แทน    ก็เห็นท่าที่กล้าโกง
กดขี่บีฑาเฮา            ใครนะเจ้าจงเปิดโปง
เที่ยววิ่งอยู่โทงโทง    เที่ยวมาแทะให้ทรมาน
รื้อคิดยิ่งรื้อแค้น        ละม้ายแม้น น่าสงสาร
เสียตนสิทนทาน      ก็บ่ได้สะดวกดาย

ในฟ้าบ่มีน้ำ             ในดินซ้ำมีแต่ทราย
น้ำตาที่ตกราย         คือเลือดหลั่งลงโลมดิน
สองมือเฮามีแฮง      คำเฮาแย้งมีคนยิน
สงสารอีสารสิ้น       อย่าซุดสู้ด้วยสองแขน
พายุยิ่งพัดอื้อ         ราวป่าหรือราบทั้งแดน
อีสานนับแสนแสน     สิจะพ่ายผู้ใดหนอ
นายผี..

       เป็นกลอนที่งดงามด้วยถ้อยคำสามัญและแสนง่าย  ไม่มีถ้อยคำหรูหราแบบอลังการ
ดังกวีทั้งหลาย  แต่ก็ยังให้เกิดความซาบซึ้งใจให้เรา   ดูไปคล้ายรำพึงรำพันด้วยการบรร
ยายความท้อแท้  แต่ก็แทรกพลังปลุกเร้าให้ลุกเข้าฟันฝ่าอุปสรรค  อันเกิดแต่ธรรมชาติ
ความอยุติธรรม  ความกดขี่บีฑากัน  และการเหยียดหยามทำลายน้ำใจกัน  สมเป็นเลือด
ของบรรพบุรุษไทย  ผู้ไม่เคยจำนนต่ออุปสรรคใดๆโดยแท้

เทพศิริ  สุขโสภา.....เขียน
จากหนังสือวิทยสารปี2513

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
27 ธันวาคม 2010, 04:23:PM
♥ กานต์ฑิตา ♥
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 500
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,078



« ตอบ #14 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2010, 04:23:PM »
ชุมชนชุมชน

กังวานชีวิต
๏ มาลัยรักสลักเสลาเราแนบหมอน
ในยามนอนมนัสนันท์ด้วยฝันหวาน
มาลัยพจน์บทกวีมีวิญญาณ
คือกังวานชีวิตสถิตทรวง

ถ่ายทอดสุขทุกข์โศกในโลกนี้
เสียงดีดสีธารเสนาะเซาะผาหลวง
เมฆกล่อมดาวพราววิภาแต้มฟ้าปวง
ซึ้งแดดวงสมุทรพร่ำรำพันรัก

บัลลังก์ม่วงช่วงโชติโรจน์ลิบฟ้า
สุริยายิ่งยงสูงส่งศักดิ์
ชีวิตใหม่ไขแสงแจ่มแจ้งพักตร์
สมานสมัครเสมอจิตเถิดมิตรมวล

สืบสายธารกาลสมัยห่างไกลพ้น
ชีพผจญเศิกสรรพ์สุดผันผวน
คำกังวานขานกวีที่ขับครวญ
คงอบอวลอมรรตัยไปนิรันดร์

ยามมืดมนพ้นเนตรสังเกตเห็น
แสงงามเด่นสว่างแดนแสนเฉิดฉัน
คือดวงไฟใสสว่างดังกลางวัน
เป็นมิ่งขวัญฉัตรชัยให้ชีวิต

ยามภพงามอร่ามตาประชาชื่น
กังวานรื่นลำนำคำลิขิต
ดุจบัณเฑาะว์เสนาะโสตปราโมทย์มิตร
ภาพโสภิตความฝันอันเป็นจริง

มาลัยร้อยรอยช้ำย้ำให้ซึ้ง
บุปผาพึงเผือดเฉาเศร้าโศกสิง
มาลัยพจน์บทกวีที่อ้างอิง
ยืนยงยิ่งยิ่งมาลัยใดจะปาน

ขอให้เป็นเช่นอุษาฟ้ารุ่งสาง
ลบเลือนรางผืนไผทผ่องไพศาล
ขอให้เป็นเช่นพิณรินกังวาน
ยามชีพผ่านมหันตภัยใดใดเทอญ.

ทวีปวร , ๒๕๐๖

***หมายเหตุ***

ทวีปวร เป็นนามปากกาของทวีป วรดิลกศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์(กวีนิพนธ์)
อดีตนักศึกษากฎหมายธรรมศาสตร์ แต่ถูกลบชื่อออกด้วยเหตุผลทางการเมืองเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ทั้งที่เหลืออีกเพียงวิชาเดียวจะได้เป็นบัณฑิต แต่ต่อมาท่านก็สอบได้เนติบัณฑิตจากเนติบัณฑิตยสภา ในขณะถูกคุมขังตัวในข้อหากบฏภายในและภายนอกราชอาณาจักรและกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ในปี พ.ศ.๒๕๐๓

ทวีปวร เริ่มสนใจเขียนบทกวีตั้งแต่เป็นเด็กเริ่มมีผลงานตีพิมพ์ในนิตยสารขณะที่เรียนเตรียมปริญญาธรรมศาสตร์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
28 ธันวาคม 2010, 02:09:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #15 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2010, 02:09:PM »
ชุมชนชุมชน


คติสอนใจ.

สักวาเกิดมาเป็นมนุษย์
ไม่สิ้นสุดแน่นอนลงตอนไหน
ส่วนชั่วดีมีจนปนกันไป
ตามวิสัยมีอยู่ทุกผู้คน
โลภโกรธหลงบ่งชัดตัดไม่ขาด
เป็นบ่วงบาศกองกิเลสตามเหตุผล
เหมือนเสน่ห์ยั่วยุปุถุชน
หลีกไม่พ้นห้วงตันหาพาทุกข์เอย

รุ่งโรจน์   โพธิ์ศรี
จากนิตยสารปี2505

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
28 ธันวาคม 2010, 02:41:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #16 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2010, 02:41:PM »
ชุมชนชุมชน


เพื่อนใจ..

ยามวิโยคโศกกำสรวลถึงครวญคร่ำ
เฝ้ากลืนกล้ำกลบเก็บที่เจ็บแสน
เขาตำหนิติฉินทั้งหมิ่นแคลน
ให้เคืองแค้นครุ่นคุสุมอุรา

เพียงใจรักกวีวรอักษรศิลป์
ด้วยใจจินต์จอดถ้อยร้อยภาษา
ที่เคียดขึ้งจึ่งเพียรพจน์รจนา
ผ่อนโกรธาที่ขุ่นแค้นให้แคลนคลาย

ยามเจ็บจิตด้วยพิษรักที่หักหัน
สุดรำพันให้รักเยือนมาเหมือนหาย
เพียงกวีที่ผ่อนผันพร่ำบรรยาย
ให้จิตกลายขมขื่นเป็นรื่นรมย์

ยามแรงรักปักจิตหวังชิดชื่น
ทุกค่ำคืนใฝ่ฝันวันสุขสม
เพียงกวีที่เฝ้าพร่ำนิยม
สรรคำชมโฉมเจ้าเยาวมาลย์

เพราะกวีชี้ชอบคอยปลอบปลุก
ให้คลายทุกข์ให้สุขภักดิ์สมัครสมาน
เป็น"เพื่อนใจ"ไร้พิษชั่วนิจกาล
กล่อมดวงมาลย์ให้สุขสันต์นิรันดร

ชวนเพื่อนพร้องพร่ำเพลงเชลงลักษณ์
ด้วยจิตภักดิ์กวีเพื่อเอื้ออักษร
ฝากพจน์พร่ำนำชัยมาให้พร
ด้วยกานท์กลอนกวีวากย์นี้จากใจ

สุนทร  คำวังจันทร์
จากนิตยสารปี2505
ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
29 ธันวาคม 2010, 02:30:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #17 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2010, 02:30:PM »
ชุมชนชุมชน


สาปรัก..

เสียดายรักผ่องผุดพิสุทธิ์ใส
เสียดายใจใฝ่ภักดิ์มั่นหนักหนา
เสียดายพจน์พรอดพร่ำคำสัญญา
เสียดายค่าแห่งมิตรครองศักดิ์สองเรา

เพียงพลัดพรากจากกันไม่นานเนิ่น
ก็หมางเมินกลายกลับให้อับเฉา
เริงรักใหม่ใจชั่วนั้นมัวเมา
คิดยิ่งเศร้าแสบแสนแค้นขุ่นมาน

โอ้เพื่อนเอ๋ยหญิงอื่นออกดื่นดาษ
ใยมิอาจเอื้อรักสมัครสมาน
มาเผาเรือนเหมือนหมายให้วายปราณ
คำโบราณท่านว่านั้นน่าฟัง

"ถึงมีเพื่อนเหมือนใจเพียงใดนั้น
ยังมีวันเปลี่ยนจิตคิดหักหลัง
ถึงมีรักรักก็หน่ายกลายเป็นชัง
ไม่จีรังแค่ไหนน้ำใจคน"

คิดยิ่งแค้นแสนแสบปวดแปลบจิต
รักเป็นพิษมิตรกลายกลับดูสับสน
อุระร้อนร้าวรานสุดทานทน
โอ้ใจคนช่างหันเหี่ยนเปลี่ยนง่ายดาย

สาปแล้วรักกลับกลอกรักหลอกหลอน
จักง้องอนอ่อนหานั้นอย่าหมาย
ยิ่งโศกศัลย์ยังมั่นรักในศักดิ์ชาย
สาปจนตายรักร้อยเล่ห์รักเรรวน

โกศัย   สุนทราพันธุ์
จากนิตยสารปี2505

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
29 ธันวาคม 2010, 11:47:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #18 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2010, 11:47:PM »
ชุมชนชุมชน


รักเธอจนชีพวาย..

            ที่รักจ๋า..
ทุกทิวาราตรีพี่ใฝ่ฝัน
ถึงน้องนุชสุดห่วงดวงชีวัน
แม้ไกลกันรักพี่ไม่มีคลาย

ค่ำคืนนี้พี่มีแต่โศรกเศร้า
พี่ไร้โชคปะเคราะห์พอเหมาะหมาย
พี่ช้ำจิตเจ็บแท้เหมือนแซ่นาย
โบยด้วยหวายกลางหลังเลือดหลั่งริน

ราตรีนี้มีใครเล่าเฝ้าฟูมฟัก
ใครอื่นรักฤาเท่าพี่ที่ถวิล
รักของพี่แน่นหนาอยู่อาจิณ
ขอยุพินจงสะดับศัพท์สุนทร

พี่รักรักปักจิตและคิดมั่น
เกลียวสัมพันธ์แนบสนิทมิคิดถอน
พี่รักแท้มิคิดจะคลายคลอน
นิรันดรรักพี่ทวีคูณ

รักเธอจนใจสิ้นแผ่นดินดับ
ถึงจันทร์ลับอาทิตย์ฤทธิ์สิ้นสูญ
จะรักเธอแม้ตัวพี่มีอาดูร
ขอเทิดทูนด้วยใจภักดิ์รักอย่าคลาย

รักเธอจนใจสิ้นแผ่นดินดับ
แม้ตายลับขอรักอย่าหักสลาย
จะรักเธอจนดวงใจไหม้มลาย
"รักเธอจนชีพวายวิญญาณครวญ"

ชลอ  ผลพงษ์
จากนิตสารปี2505

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
30 ธันวาคม 2010, 11:30:AM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #19 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2010, 11:30:AM »
ชุมชนชุมชน

ซึ้งจัง

สรวงสวรรค์ชั้นกวี..

ข้าเทอดงานกานท์กลอนอักษรสวรรค์
เป็นสายขวัญชีวิตสนิทสนม
เป็นธารธั่งหลั่งมาจากอารมณ์
เป็นอาคมเสน่ห์รึงตรึงหทัย

ทุ่มดวงจิตคิดถ้อยร้อยภาษา
สิบปีกว่า..ผลหรือคือไฉน?
เกิดกลอนซ้ำสัมฤทธิ์จากจิตใจ
ที่หมองไหม้ไร้ค่าคิดอาวรณ์

เคยใฝ่ฝันบรรเจิดสุดเพริศพริ้ง
หวังส่อสิงแดนกวีศรีอักษร
ชั่วสังขารจารจดแต่บทกลอน
ผลสะท้อนนิดหนึ่งไม่พึงมี

กว่ารู้สึกหมึกงวดจากขวดแล้ว
ร่างนอนแซ่วจวนตายดูคล้ายผี
แข็งใจเพียรเขียนลักษณ์อีกสักที
ทั้งรู้ดีขื่นขมไม่สมจินต์

โอย!..ตัวมันสั่นกระตุกขนลุกหนาว
หัวแทบร้าววุ่นวายเป็นสายสินธุ์
ดวงจิตหวิวปริวว่อนเหมือนร่อนบิน
น้ำตารินโลมเจือด้วยเหงื่อกาฬ

สะดุ้งโดดโสตรับเสียงสับสน
ทุกแห่งหนยินคำพร่ำสงสาร
ในอ้อมแขนแทนองค์นิ่มนงคราญ
มีผลงานจากชีวาคือค่ามัน

เป็นกลอนช้ำกำสรดบทสุดท้าย
สิ้นใจกายสร้างถ้อยร้อยความฝัน
อนิจจา!..ลาก่อน...สุนทรวรรณ
ต้องซี้อกันด้วยค่าราคาแพง

ปากกาสะดุดหยุดกึกเพราะหมึกสิ้น
พร้อมชีวีสิ้นกวีคงมีแสง
ชีพจรอ่อนระโหยเริ่มโรยแรง
เหมือนเลือดแห้งแอ่งใจที่ไหม้เกรียม

อักนิษฐ์  อนรรฆธีรพันธ์
จากนิตยสารปี2506

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
หน้า: [1] 2
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s