Re: กลอนเขา เอามาเล่าใหม่
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
30 เมษายน 2024, 01:58:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: กลอนเขา เอามาเล่าใหม่  (อ่าน 43503 ครั้ง)
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« เมื่อ: 02 มกราคม 2011, 06:04:PM »

นิราศเดือน

เดือนแปด


   เดือนแปดเป็นเดือนเข้าพรรษา  เป็นการบำเพ็ญกุศลสำคัญอย่างหนึ่งของไทย  ภาพที่ท่านเห็นที่ปกหลังนั้น
"เหม  เวชกร"  ได้เขียนตอนอุบาสิกาค่อนข้างสาวไปถวาย "พนมพรรษา" คือพุ่มดอกไม้ถวามยพระนั่นเอง  แต่
สมัยนายมีนั้น(ศิษเอกสุนทรภู่) "พุ่มพรรษา" นี้  เขาดัดแปลงทำเป็นรูปต่างๆ    อย่างที่นายมีว่าไว้ในกลอนนั่น
แหละ  ครั้งรัชกาลที่๔นิยมกันอยู่พักหนึ่ง   บัดนี้พนมแบบที่ว่านี้หาดูไม่ได้เสียแล้ว   ในตอนเข้าพรรษานี้ นายมี
ยังได้พรรณาอาการของผู้ถวายพุ่ม  และของพระภิกษุด้วยอยู่ข้างจะล้อๆสักหน่อย
  ในพรรษานี้ก็มีการบวชและการเทศน์ในพรรษากับการเทศน์มหาชาติ  เมื่อพูดเกี่ยวกับเรื่องวัดแล้ว นายมีก็ออก
จะพูดได้จะแจ้งเพราะเป็นชาววัดนั่นเอง  ในกลอนเดือนแปดตอนสุดท้าย  ท่านจะได้อ่านที่นายมีกล่าวถึงผู้หญิงและผู้ชาย  ไปหาหมอดู  ถามเนื้อคู่เป็นเรื่องที่จะ"ต้องทำ"อย่างหนึ่ง
   เดือนนี้นายมีได้แสดงไว้ชัดว่า"ฤดูดลพระพรรษาเข้ามาขวาง  จวนจะบวชเป็นพระสละนาง" นี่นับเป็นประเพณี
ที่เรานับถือกันเคร่งมานาน  ใครไม่ได้บวชก็ถือเป็น"คนดิบ" ไปขอลูกสาวใครไม่ค่อยสำเร็จ  นอกนั้นบิดามารดา
ของผู้ชายก็ไม่ค่อยยินดีให้ลูกชายเบียดก่อนบวช  เพราะเมื่อเบียดเเล้ว ก็มักไม่ได้บวช  ถ้าได้บวช บุญก็ไปตกเป็นของเมียเสียหมด


ถึงเดือนแปดแดดอับพยัพฝน            ฤดูดลพระพรรษาเข้ามาขวาง
จวนจะบวชเป็นพระสละนาง             อยู่เหินห่างเห็นกันเมื่อวันบุญ
ประดับพุ่มบุปผาพฤกษากระถาง        รูปแรดช้างโคควายขายกันวุ่น
ตุ๊กตาหน้าพราหมณ์งามละมุน           ต้นพิกุลลิ้นจี่ดูดีจริง
ต้นไม้ทองเสาธงหงส์ขี้ผึ้ง                คู่สลึงเขาขายพวกชายหญิง
อุณรุทยุดกินนรชะอ้อนพริ้ง               มีทุกสิ่งซื้อมาบูชาพระ
ขึ้นกุฎิที่รักรู้จักสนิท                         ดัดจริตพูดจาสาธุสะ
พระหนุ่มหน่มกลุ้มใจทำไมละ            เสียงจ๊ะจ๋าพูดจาพาสบาย
ถ้าญาติโยมจริงจริงแล้วนิ่งเฉย          มิใคร่เงยดูหน้าปัญญาหาย
ไม่พูดมาดพาดพิงให้พริ้งพราย         ดูเราะรายเรียบร้อยกะช้อยชด
พรรษาหนึ่งสองพรรษาไม่ผาสุข        เข้าบ้านขลุกเลยลาสิกขาบท
เหมือนน้ำอ้อยย้อยถูกจมูกมด            ใครจะอดได้เล่าพวกชาวเรา
นึกคะนึงถึงนางกลางพรรษา             แต่คอยหาเช้าเย็นไม่เห็นเขา
เที่ยวฟังเทศน์มิได้ขาดดูลาดเลา      เห็นแต่เขาคนอื่นไม่ชื่นตา
นั่งพับเพียบเรียบร้อยน้อยไปหรือ       ประนมมือฟังธรรมเทศนา
ที่ฟังจริงนิ่งตรับจนหลับตา               บ้างก้มหน้าฟังไปมิได้เงย
ที่ฟังเล่นเห็นกันเป็นขวัญเนตร         ไม่ฟังเทศน์เอาบุญแม่คุณเอ๋ย
มานั่งเล่นตากันฉันไม่เคย                ไม่สิ้นเลยเหล่าตะกลามกามคุณ
ที่ท่านแก่แก่ตัวยังชั่วดอก                 หมายจะออกห่างเหจากเมถุน
ท่านอยากบวชสวดมนต์ขนแต่บุญ    ที่แรกร่นนี่แลร่านรำคาญใจ
ด้วยความรักหนักเหลือเหมือนเรือเพียบ   จนน้ำเลียบแคมแล้วแจวไม่ไหว
ถ้าผ่อนของขึ้นเสียบ้างยังชั่วใจ        แจวไปไหนไปได้ไม่หนักแรง
โอ้โอ๋อกชาวเราเหล่าเจ้าหนุ่ม           อยากใคร่สุ่มปลาหนองส่องแสวง
ตัวฉันเล่าเฝ้าคลั่งด้วยยังแคลง        จะพลิกแพลงไปอย่างไรก็ไม่รู้
โอ้ไฉนจะได้สมอารมณ์รัก               ใครช่วงชักฉันจะไหว้ให้หัวหมู
ยิ่งร้อนใจในคอให้หมอดู                 ว่าขัดคู่นักหนายิ่งอาดูร


ตำรา  ณ.เมืองใต้   เขียน
เหม     เวชกร   ภาพ
จากนิตสารปี 2506









ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มกราคม 2011, 04:25:AM โดย ฉันเอง » บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s