กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
18 เมษายน 2024, 06:07:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 ... 6 7 8 9 [10]
 91 
 เมื่อ: 15 กันยายน 2023, 07:37:PM 
เริ่มโดย @free - กระทู้ล่าสุด โดย @free
   

   ส่วนที่ 1 กล่าว


             คู้ม คุ้ม คุ้ม คลิปนี้คุ้ม
ดนตรี กลอนร้อง ขับร้อง รำ ระบำ สมแล้วว่า ไทยงาม
                           



มาณวกฉันท์ ๘
วันนี้แกะจาก พระนิพนธ์ใน พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ (น.ม.ส.)
ซึ่งวางสัมผัสแบบกลอน

จงจรเที่ยว      เทียวบทไป
พงพนไพร      ไศลลำเนา
ดั้นบถเดิน      เพลินจิตเรา
แบ่งทุขเบา     เชาวนไว

ปมาณิกฉันท์ ๘ -                (จากคัมภีร์วุตโตทัยโดยนายฉันท์ ขำวิไล)

ประดิษฐ์ประดับ    ประคับประคอง
เลบงลบอง            จำแนกจำนรรจ์
ระเบียบและบท       สุพจน์สุพรรณจะเฉิดจะฉัน                วิเรขวิไล



           กลบทสร้อยคู่สะคราญ
             (คุณชาญชนะ ฆังคะโชติ  ผู้ประพันธ์ต้นแบบ)

                         สองสี่คิดได้ ไม่คิดหวง
                         ใครตักตวงเล่นได้ ไม่คิดห้าม
                         สร้อยคู่สะคราญเห็น เป็นนิยาม
                         อย่ามองข้ามความเห็น เป็นนิยาย


กลบทสร้อยคู่สะคราญ เป็นที่ นักกลอนนิยม และดัดแปลงกันมาก เป็น "สร้อยสลับคู่สะคราญ" ไม่ทราบใครคือต้นแบบ
     
ผมเองก็ดีดแปลงไปหลายแบบ
     วันนี้ ยกตัวย่างจาก กลอนสร้อยสลับคู่สะคราญ ในกระทู้ของครู พี พูนสุข บ้านกลอนไทยนี่เอง



ถึงยุพิน.. ถวิลร่ายพร่างพรายฟ้า
ถึงยุพา.. ใจรักษ์ทรงศักดิ์ศรี
ไม่ท้อถอยสร้อยคล้อง.. สองบุรี
สานไมตรีสมสนอง.. สองบุรินทร์
………. พี พูนสุข

สร้อยคู่ คู่ที่สองอยู่ท้ายวรรค ทำให้เกิดสัมผัสซ้ำของคำตำแหน่งที่ 5กับ6ในวรรคที่ 3 และ4
      คล้อง.. สองบุรี
      สนอง.. สองบุรินทร์

ได้ ไม่คิดหวง
ได้ ไม่คิดห้าม
                  เห็น เป็นนิยาม
                   เห็น เป็นนิยาย

และคุณ ศรีเปรื่อง ดัดแปลง แก้ไข ได้ถูกต้อง ดีงาม ดังนี้


พิรุณโปรย...โรยหลั่งถั่งเป็นสาย
พิรุณปราย...พาหทัยเรียมไหวหวั่น
ไร้กนิษฐ์เนื้อเย็น...เป็นเพื่อนกัน
มีเพียงจันทร์ลางเลือน...เป็นเพื่อนไกล
………ศรีเปรื่อง

ส่่งคำที่5 ไปสัมผัส คำที่ 6 แลเ7 ในวรรค3และ4 เพื่อให้สัมผัส ต่างตำแหน่งกัน
 ………เย็น...เป็นเพื่อนกัน
…..เลือน...เป็นเพื่อนไกล

ผมก็แต่งเช่นนี้ไประยะหนึ่ง จนกระทั่ง รู้สึกไม่ถนัดเหมือนอิสรภาพถูก จำกัด

จึงดัดแปลงอีก 
คราวนี้
ให้คำสร้อยทั้งสองคู่ เปลี่ยนเป็น อยู่ ต้นวรรค ของทุกวรรค
    ………..

ส่วนที่ 2 กลอน


        

      สุขแทนฉันนอกนั้นฉันทุกข์แทน


ทองกวะถิ่น          ดินปิตุแดน
สรวงสุระแสน       แมนและวิมาน
สองยุวสาว           คราวผลิสะคราญ
แม้นกุสุมาลย์        บานกะอุบล

ก็"เปรื่อง"น่ะปราด     ลุศาตร์กุศล
แกะบท(ะ)กล            และอักษรา
เจาะจรรจ์วจี             วสีวิสา
ยุพินยุพา     (เมื่อไร)..มิเป็น..(ก็)..มิไป..(สะที)

ค่าบุรินทร์ถิ่นทองครองศักดิ์ศรี     "เปรื่อง"ฉะนี้(พิ)โธ่ถังว่ายังไหว
ค่าบุุรีทวีถวิลสินเศรษฐ์ไทย     "เปรื่อง"ฉะไหนแอบเอื้อนเพื่อนวไม่มี

ฝนเอยรำทำท่ามาพรั่งพรู     ดาลฤดูวาดวนดลสุขศรี
ฝนเอยรินถวิลว่าน่ำตานี้     ดาลฤดีฝอยฝนล้นนัยนา

ฤๅฝนสุดหยุดหยาดสายสวาทสิ้น     ตอบยุพินพุ่มพวงทวงถามหา
ฤๅฝนซัดพลัดพรากยากไขว่คว้า     ตอบยุพาเรไรยันไม่ยอม



 92 
 เมื่อ: 15 กันยายน 2023, 07:04:AM 
เริ่มโดย hort39 - กระทู้ล่าสุด โดย โซ...เซอะเซอ


…ชีวิตกับความหวัง…


“…เราได้เกิดมาหนึ่งหน
เราผจญเพื่อความหวัง
ทุกข์ประดัง เมื่อความหวัง พังทลาย
ลืมอดีตที่ขื่นขม ทุกข์ระทมให้ลืมหาย
เหมือนนิยายผ่านฝันร้ายที่อับเฉา

แม้บางวันฝันชื่น หรือบางคืนฝันเศร้า
ยิ้มระรื่นโลมเล้า คลายเศร้าใจ
ยังไม่สิ้นแห่งความหวัง
ชีวิตยังสดแจ่มใส
ทุกข์ทำไม สู้ต่อไป ในโลกเอย…”




   อยู่ท่ามกลาง อุปโลกน์ โลกใบนี้
กับเรื่องดี-ร้าวร้าย ที่กรายกล่น
แบบเบ้าหลอม แค่นเค้น ความเป็นตน
ปัจเจกชน ปลายปิ่ม ปัจฉิมวัย

   ตราบยังมี รอยยิ้ม หยักริมแก้ม
ตราบเยื้อนแย้ม คติทัศน์ อัชฌาสัย
ตราบยังเกื้อ สุขสันต์ จรรโลงใจ
ตราบก้าวไป มิหยุด จนสุดทาง

โซ…เซอะเซอ
15 กันยายน 2566



 93 
 เมื่อ: 11 กันยายน 2023, 09:38:AM 
เริ่มโดย hort39 - กระทู้ล่าสุด โดย hort39
ขออยู่อย่างพอเพียงเลี้ยงชีวิต
ไม่ยึดติดทางโลกที่โยกไหว
แต่ชีวิตบางครั้งหวังปัจจัย
จึงต้องมีรายได้หลายช่องทาง

ปลูกพืชผักสวนครัวไม่กลัวอด
ผักสดสดปลูกกินเก็บขายบ้าง
อยู่กับผักไม่วุ่นวายได้ปล่อยวาง
ได้อยู่อย่างเรียบง่ายไกลผู้คน

 94 
 เมื่อ: 08 กันยายน 2023, 07:39:AM 
เริ่มโดย โซ...เซอะเซอ - กระทู้ล่าสุด โดย โซ...เซอะเซอ


…เธอ…กับตัวอักษรของเธอ…


     ยามที่เธอ…จรดหัวใจลงใส่กระดาษ
เพื่อกลั่นหยาดคำ
แต่ละหยด แต่ละบท แต่ละวรรค
ด้วยตัวอักษรนั้น

มันทำให้ผู้อ่านเช่นฉัน
สัมผัสได้ถึง ตัวตน จินตนาการ ความฝัน ความคิด
และจิตวิญญาณของเธอ

สัมผัสถึง…
ความอ่อนโยน ที่แฝงด้วยความอ่อนไหว
ความสงบเยือกเย็น
ดุจเวิ้งน้ำสงัดเงียบแสนกว้างใหญ่

ที่บางครา
กลับปะทุความร้อนเร่า ดั่งพวยพุ่งลาวา
จากภูเขาไฟประลัยกัลป์
ประหนึ่งมีแรงผลักดัน ด้วยสิ่งเร้น
จากเบื้องลึกแห่งซอกหลืบในหัวใจเธอ

สัมผัสเหล่านี้
มิใช่สัมผัสอันดารดาษทางกายภาพ
ผ่านการมองเห็น หรือสดับศัพท์สำเนียง
อย่างที่เคยเป็น
ซึ่งมนุษย์เรามักจะพยายามดัดแปลง
ปรุงแต่งมันให้ดูดีเกินจริงเสมอ

แต่เป็นการสัมผัสถึงแก่นแท้
แห่งอัตลักษณ์ตัวตน เฉพาะของปัจเจกชน
ที่มิอาจปลอมแปลงกันได้โดยง่าย

ตัวตน…
ที่เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ
ที่สามารถจะรังสรรค์บรรยาย
คำบางคำ
ให้ดลบันดาลความสุขสดชื่น
พร้อมรอยยิ้มอันสดใส

เสมือนได้สูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์
ท่ามกลางแถบริ้วเทาเบาบางของสายหมอก
ผสมความชุ่มฉ่ำของหยาดน้ำค้างยามเช้า

หรือในบางขณะ
คำบางคำ
ก็สามารถสื่อความ เจ็บปวดร้าวราน
ปานประหนึ่ง
ถูกเค้นเคี่ยวจากหยาดน้ำตา แห่งความคับแค้น

ที่ทะลักล้นข้ามกำแพงแห่งความอดทนอดกลั้น
ซึ่งเธอสู้อุตส่าห์สร้างมันขึ้นมา
เพื่อปิดกั้นความรู้สึกเหล่านั้นไว้

ฉันรับรู้ได้…และสัมผัสได้
จนฉันมิอาจหักห้ามใจ
ที่จะเอื้อมมือไปโอบไหล่เธอ
รั้งตัวเธอมากอด ซบกับอ้อมอกของฉัน

เพื่อให้เธอได้ถ่ายทอดความทุกข์
ความคับแค้นในใจ ที่เธอแบกอยู่ทั้งหมดนั้น
…ให้ฉันเป็นผู้แบกรับแทน


ตัวอักษร…
แม้ไร้ซึ่งสื่อเสียง
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความไพเราะของมันด้อยไปกว่า
ความไพเราะของเสียงดนตรีเลยแม้แต่น้อย

อาจจะไพเราะยิ่งกว่าเสียอีก
เมื่อประสมกับจินตนาการของผู้เสพ
จนทำให้เกิดผลลัพธ์ที่หลากหลายแตกต่างกันไป
ตามคุณภาพของเครื่องรับสัญญาณ
ของผู้เสพนั้นนั้น

ตัวอักษรของเธอ…เปรียบเสมือน
บทเพลงโปรดอันแสนคุ้นหู
ที่คอยจะผุดโผล่ขึ้นมาอยู่ในหัวฉันทุกทุกครั้ง
ในยามที่ฉันเผลอ หรือพักจากครุ่นคิดเรื่องงาน

ดุจภาพเงาจากอดีตกาล
ที่คอยติดตามฉัน
ไปในทุกทุกที่ ทุกขณะ

     แปลกนะ…
แม้ว่าฉันจะมิได้พบเห็นหน้าเธอ
มิได้แม้ยินเสียงของเธอ
มิได้สัมผัสไออุ่น
จากผิวกายอ่อนละมุน ของเธอเลยแม้แต่น้อย

เพียงแค่ฉันได้อ่าน ตัวอักษรของเธอ
กลับทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่า
ฉันได้อยู่ใกล้ชิดกับเธอ ยิ่งกว่าพบเจอกันเสียอีก

     ดุจดวงดาวคู่แฝด
ที่พลัดพรากจากกัน ไปสู่วงโคจรเส้นขนาน
โดยที่ไม่มีวันบรรจบกันอีก


แต่แล้ว…เพียงชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่ง
ที่สายอสุนีบาตใหญ่ฟาดลงกลางผืนปฐพี
ก่อกำเนิดแสงสว่างอันแสนเจิดจ้า
จนสามารถมองเห็น
ดวงดาวคู่แฝดสองดวง
ที่อยู่กันคนละฟากของกาแลคซี่นั้น
ได้พร้อมกัน

เพียงแวบเดียว…แวบเดียวเท่านั้น
เหมือนดั่งได้เติมเต็ม
ความรู้สึกโหยหาที่ขาดหายไปนี้…จนอิ่มเอม
อิ่มเอมเสียจน ไร้ซึ่งความปรารถนาในสิ่งอื่นใดอีก

มันเป็นความรู้สึกที่เหนือคำบรรยาย
และมิอาจอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจได้

     แปลกนะ…
มันอาจเป็นแค่ความคิดฝัน
แต่มันให้ความรู้สึกเสมือนจริง
เท่าที่จะจริงได้ทีเดียว


Dream A Little Dream of Me




“…Stars shining bright above you
Night breezes seem to whisper "I love you"
Birds singin' in the sycamore trees
Dream a little dream of me…

…Sweet dreams 'til sunbeams find you
Sweet dreams that leave all worries
behind you
But in your dreams, whatever they be
Dream a little dream of me…”


…ฝันดีนะที่รัก…

Soul Searcher
Inspired to write 8/9/2023



 95 
 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2023, 12:01:PM 
เริ่มโดย โซ...เซอะเซอ - กระทู้ล่าสุด โดย โซ...เซอะเซอ


…เพราะเธอหรือเปล่า…

[ดิ อินโนเซ้นท์ คำร้อง: พีรสันติ จวบสมัย
ทำนอง: ชาตรี คงสุวรรณ]





“…คนรักคนหนึ่ง
คงซึ้งเกินกว่า
คนที่มองค่า
ความจริงใจ แค่เพียงผ่าน

คนที่เคยใกล้
วันนี้ไกลห่าง
ใครรู้ใจบ้าง
ก็มี แต่เพียงเธอ

เป็นความทรงจำ
ความผูกพัน ยังคงย้ำเตือนอยู่
ความจริงในใจ
ก็รู้ว่าคงไม่อาจลืม

คนเคยดูแล
เคยห่วงใย เป็นเพียงแค่วันก่อน
ยังคงอาวรณ์
เฝ้าคิด ถึงคนที่ห่างไกล

เพราะเธอหรือเปล่า
ก่อนไม่เคยเหงา
เพราะเธอหรือใคร
ก่อนไม่เคยรู้ ใจกัน
จนวัน ที่เธอต้องไป
ฉันเคยสุข เพราะใคร ฮ้า..

เพราะเธอหรือเปล่า
ก่อนไม่เคยเหงา
เพราะเธอหรือใคร
ก่อนไม่เคยรู้ ใจกัน
จนวัน ที่เธอต้องไป
ฉันเคยสุข เพราะใคร ฮื้ม..
เพราะเธอ…”




แม้บางสิ่ง...ห่างหายจากใจฉัน
แต่สิ่งนั้นยังงดงามในความหมาย
เหมือนหนึ่ง ครั้งเคยอยู่คู่เคียงกาย
ก่อนมลายลับล่วงกับห้วงกาล

สายลมเอื่อยอุ่นอวลชวนอ้อยอิ่ง
เหมือนสรรพ์สิ่งหกหวนทุกส่วนด้าน
ริ้วสัมผัสสั่นรัวทั่วดวงมาน
เร้าเรียกขานถึงความหมาย...ที่หายไป

ไหวโบกก้านกิ่งล้อ..……….แรงลม
เสียงกวีบาดระบม…….…..เหว่ว้า
บรรยากาศกลั้วระทม….….ร้างขื่น
ผินเหม่อมองขอบฟ้า……….ข่มห้ามคะนึงหวน


Soul Searcher
Inspired to write 30/8/2023




 96 
 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2023, 06:06:PM 
เริ่มโดย @free - กระทู้ล่าสุด โดย @free
         

   
            ลาวดอกไม้เหนือ
           


จำไม่ได้ว่า เหตุบังเอิญใด ทำให้กลับเข้ามาบ้านกลอน ทั้งที่นานมากที่ไม่อยากแต่งกลอนแล้ว

เข้ามาแล้วก็นึกถึงกลอน สร้อยสลับคู่สะคราญ จนกระทั่งคืดออกว่า คำ สร้อยคู่สะคราญ นี่เอง คือคำที่นำมาใช้แต่งกลอน แปดสัมผัส ที่ผมติดปัญหาแก้ไม่ตกจนถึงชั้นเลิกแต่งกลอนไป

ดังนั้น การกลับมาแต่งกลอนอีกครั้ง คือคิดแต่ง กลอนกลบท "สร้อยสลับคู่สะคราญแปดสัมผัส"

หลังจากนั้น ก็ แปลงสร้อยสลับคู่สะตราญ ไปหลายแบบมาก




       
          โคลงสี่สุภาพสัมผัสล้วน
           กลอนสุภาพแปดสัมผัส

คิดว่า ฉันทลักษณ์กลบททเหมาะแต่งสลับ ไม่เหมาะแต่งครบทุกบททุกกลอน 
กลอนวันนี้ ไม่เพราะ ขออภัย..อีกแระ




         


       วอน
(ปาก) ก. รนหาที่ เช่น วอนตาย
(วรรณ) ร่ำขอ ขอด้วยอาการออดเฝ้าร้องขอให้ทำตามประสงค์

   เสมอรักมักล่วงล้น     ทนทุกข์
    เคยชื่นคืนสองสุข     ส่อเศร้า
    รักเราเท่าแทรกซุก    ทรวงซ่อนวอนเอย
     รักนั่นฉันท์แรงเร้า   รุ่มร้อนวอนเอง

ฉันท์คติริเริ่มเติมตัณหา    เพราะมิกล้าตรอมตรมเขาข่มเหง
ฉันท์คตาพาผิดจิตวังเวง     เพราะมิเกรงเอียงอ้างเข้าข้างตน

รักบันเลงเพลงเพราะเสนาะสำเนียง   ใจหวังเพียงลองรักหาสักหน
รักบันลือสื่อสารท่านทุกคน  ใจหวังผลมอดม้วยก็ด้วยกัน

กระแสน้ำคำคนพรมฝนพรำ    สุขแทนช้ำครบเครื่องราวเรื่องฝัน
กระแสสนุกทุกข์ท้นปะปนกัน    สุขแทนฉันนอกนั้นฉันทุกข์แทน


 97 
 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2023, 03:54:PM 
เริ่มโดย โซ...เซอะเซอ - กระทู้ล่าสุด โดย โซ...เซอะเซอ


…เพียงชายคนนี้…


[เพียงชายคนนี้ (ไม่ใช่ผู้วิเศษ)
เนื้อร้อง/ทำนอง : เพชร โอสถานุเคราะห์]


“…ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ
ที่จะเสกปราสาทงามให้เธอ
ไม่มีฤทธิ์เดช
ไม่มีราชรถเลิศเลอ
แต่ฉันมีใจพิเศษ
จะพาเธอผ่านคืนนี้ไป
ฉันเป็นเพียงผู้ชาย
คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอ

   โอบกอดฉันไว้
หลับตาผ่อนคลายให้สมฤดี
เราจะบินหนี
ข้ามน้ำทะเลและแดนกว้างใหญ่
ดาวพราวดั่งฝัน
กลางคืนยาวนานรานหัวใจ
ปล่อยความเหงาไป
ทอดทิ้งใจ
รักจะพาแต่เราไปสองคน

   ฉันไม่ใช่คนยิ่งใหญ่
ร่ำรวยจ่ายเงินเร็วร้อนแรง
ไม่มีอำนาจใด
ประหนึ่งเจ้าชายจะสำแดง
มีเพียงหัวใจ
จะพาเธอผ่านคืนนี้ไป
ฉันเป็นเพียงผู้ชาย
คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอ…”




   โอบกอดฉันไว้…สิที่รัก
หลับตาพักคลายลงคงหายเหนื่อย-
จากเรื่องราวเร้ารุ่มสุมหน่ายเนือย
ลมโชยเอื่อยอุ่นตระกองโอบสองเรา

   ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ
ดับเทวษทุกข์ถวิลระบิลเศร้า
หรือเสกทรัพย์ศฤงคารให้ผลาญเอา
เพียงหัวใจใฝ่เฝ้าพะเน้าพะนอ

   เรียวอักษรอ่อนไหวอาลัยฤทธิ์
แฝงปรุงจิตวิญญาณรับสานต่อ
จวบนิรันดร์ยังสมัครมั่นรักรอ
มิย่อท้อเหินห่างต่างกรรมมี

   นับแต่วันชันเข่าเหงาโดดเดี่ยว
ทิ้งเปล่าเปลี่ยวไปกับฝันของฉันนี่
เพลิดเพลินทิพย์วิมานผ่านเสียงกวี
ข้ามคืนที่หนาวเหน็บเจ็บระทม

   พลันความรัก
โผล่ทายทักเหมือนดั่งว่าฟ้าถล่ม
ยื่นส่งยิ้มพริ้มพรายกับสายลม
เพื่อตื่นชมรมณีย์สีชมพู

   ขอฝากความห่วงใยในวาระ
ทุกขณะซาบซึ้งคะนึงสู่
ขอฝากรักฉันไว้กลางใจวธู
ให้เคียงอยู่คู่เธอ…เสมอมิวาย


ชีวิตนี้สั้นนัก…….….…...จริงเนอ
เพียงหลับไหลละเมอ…….จบแล้ว
ทิ้งฝากพจน์เลิศเลอ………Lyrics
สดับพริ้งเพริศแพร้ว..……เปลี่ยวเศร้าเลือนสลาย



…Thank you for such a beautiful melody and lyrics…
R.I.P. เพชร โอสถานุเคราะห์…


Soul Searcher
Inspired to write 20/8/2023



 98 
 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2023, 01:00:PM 
เริ่มโดย โซ...เซอะเซอ - กระทู้ล่าสุด โดย โซ...เซอะเซอ


…สุขสันต์วันแม่ นะครับแม่…

แสนอบอุ่นดวงใจเมื่อใกล้รัก
ยามหนุนตักแม่นี้มีความสุข
มืดหม่นคลุ้มเมฆดำคลาคล่ำคลุก
หน่วงเหนี่ยวทุกข์ทั้งหลายคลายบรรเทา

ครุ่นปัญหา ยากค้นหนทางตอบ
เสียงแม่ปลอบปลุกหวังครั้งคราเศร้า
ลูบเกศาไล้สางพลางเบาเบา
     “ขอเพียงเราอย่าท้อต่อชีวิต

     กอบเก็บความจริงใจเข้าต่อตั้ง
     ทุ่มเทสรรพกำลังแก้พลั้งผิด
     อย่าเกรงกลัวไหวหวั่นทัณฑ์อมิตร
     และอย่าคิดบิดเบือนเคลื่อนความจริง

     ลูกเอ๋ย…
     จงคุ้นเคยสุข-ทุกข์ในทุกสิ่ง
     จงยอมรับชื่นชม-ขมติติง
     จำยวดยิ่งยึดหลักตระหนักไว้”


คำของแม่ตราบยั้งยืนกังวาน
ยังสะท้านโสตซึ้งคะนึงใกล้
จรดน้อมนำอิงแอบแนบหทัย
เตือนสอนใจยามห่างมิสร่างซา

     สุขสันต์วันแม่…นะครับแม่
     เพียงอยากแค่ บอกรัก แม่นักหนา
     ขอดวงใจ เปี่ยมสุข ทุกเพลา
     อีกโรคาพยาธิ มิกล้ำกราย

     ภาพรอยยิ้ม อิ่มเอม เกษมศานต์
     หยัดยืนนาน นิรันดร์อยู่ มิรู้หาย
     รักของแม่ เต็มสว่าง ขจ่างขจาย
     มิเดียวดาย เพราะรักแม่ แผ่ล้นทรวง




…สุขสันต์วันแม่ นะครับแม่…

Soul Searcher
Inspired to Write 12/8/2023



 99 
 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2023, 03:57:PM 
เริ่มโดย toshare - กระทู้ล่าสุด โดย toshare


@ ธรรมนั้น จะต้องมั่น
มิยั่น มิหยุด กระทำ
เมตตา มิเพียงคำ
ละล่อง ละลาย สลาย

@ ธรรมต้อง ประจักษ์ชัด
กิเลส สกัด มิคลาย
มั่นคง ทะนงฉาย
พระธรรม ขยาย นิรันดร์

สาธุฉันท์ ๑๑

ค ค ล ค ค
ล ค ล ค ล ค

 100 
 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2023, 08:34:AM 
เริ่มโดย โซ...เซอะเซอ - กระทู้ล่าสุด โดย โซ...เซอะเซอ


…ความทรงจำกับอนิจจตา…


     …ฉันเคยนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องความทรงจำ
กับความไม่จีรังของสรรพสิ่งในชีวิต

ระหว่างโลกสมมติที่เราทุ่มเท ทุกสิ่งทุกอย่าง
ให้กับมัน จนแทบไม่มีเวลาหยุดหายใจ
กับโลกแห่งโลกุตระ

อะไรคือความจริง อะไรคือความไม่จริง

…แม้จะรู้ว่าถ้าเราปล่อยวาง
จากการยึดมั่นถือมั่นในสรรพสิ่งได้
ชีวิตเราคงจะทุกข์น้อยลง
ยามที่ต้องเผชิญกับโลกธรรมทั้งแปด

แต่…
        กลิ่นหอมอ่อนๆของเหล่าบุปผชาติ
   ผสมกับกลิ่นไอดินหลังคืนฝนตกท่ามกลาง
   หมอกจางๆ อันแสนสดชื่นในยามเช้า

        หรือแม้แต่กลิ่นหอมยวนยั่วน้ำลาย
   ของข้าวสวยเรียงเม็ดเป็นระเบียบงามตา
   ที่พึ่งหุงร้อนๆ โปะด้วยไข่เจียวฟูกรอบ
   เหลืองอร่ามที่พึ่งเจียวลงจากกระทะใหม่ๆ

        เสียงออดเอื้อนของซออู้ที่ปานจะเชือดเฉือน
   หัวใจผู้ฟังให้ขาดรอนๆไปกับสายเสียงนั้น

        หรือเสียงหัวเราะที่แสนจะใสซื่อบริสุทธิ์
   ไร้ซึ่งมายาของเด็กน้อยที่พร้อมจะสร้างรอยยิ้ม
   ในทุกครั้งที่ได้ยิน

        ความรู้สึกซาบซึ้งคราสดับวรรคทองของกวี
   ที่บรรจงกลั่นร้อยเรียงตัวอักษร
   ให้เป็นดั่งเสียงดนตรีเร้นแฝงด้วยความหมาย
   อันลึกซึ้งกินใจจนยากจะลืมเลือน

        หรือความอบอุ่นซาบซ่านดิ่งด่ำลึกในหัวใจ
   ที่เกินกว่าจะหาคำบรรยาย
   ยามสบตากับคนที่เรารัก…และรักเราสุดหัวใจ
   ราวกับว่าสิ่งต่างๆรอบตัวนั้น
   ตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบงัน เงียบเสียจน
   ได้ยินแม้เสียงหัวใจสองดวงเต้นสอดประสานกัน


…ยังคงเป็นยางเหนียวที่คอยจะยึดเหนี่ยวรั้ง
จิตวิญญาณมิให้หลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการได้

     อาจจะจริงที่ความรู้สึกต่างๆเหล่านี้
ล้วนเป็นผลผลิตแห่งโลกสมมติ
แต่ความรู้สึกที่ฉันสัมผัสได้นั้น
มันช่างเสมือนจริงเสียเหลือเกิน
จริงเท่าที่จะจริงได้ทีเดียว

     บนเส้นทางแห่งการไขว่คว้าหาสัจธรรม
จำต้องเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตอยู่ในโลกคู่ขนานนี้
ไปจนกว่าจะเกิดแสงสว่าง แห่งโลกุตระปัญญา
ที่สว่างมากพอจะสลัดทิ้งพันธนาการ
แห่งสังสารวัฏอันยาวนานไม่มีที่สิ้นสุดนี้ได้

     แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น…
ความรู้สึกของฉันบอกฉันว่า

   ไม่ว่าสรรพสิ่งทั้งหลายจะเปลี่ยนแปลง
หรือเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาอย่างไรนั้น
มันมิได้ทำให้คุณค่าของมันลดน้อยถอยลงเลย
เพราะมันยังคงผนึกแนบแน่น
อยู่ในความทรงจำของเราเสมอ…

คืนวันนับเคลื่อนคล้อย......นานปี
มิอาจแม้นาที................กลับย้อน
สูงต่ำสุขทุกข์ดี-........….…เลวผ่าน
เพียงหนึ่งทรวงสะท้อน.......เก็บไว้ในคะนึง





     Inspired by a Quote from Movie: 5 to 7
“...I had a long time to consider the value of memory, and the idea that just because something doesn't last forever doesn't mean its worth is diminished...”



Soul Searcher
Inspired to write 6/8/2023



หน้า: 1 ... 6 7 8 9 [10]

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s