...คิดถึงครูไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน...
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
27 เมษายน 2024, 08:52:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ...คิดถึงครูไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน...  (อ่าน 22634 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
15 มกราคม 2012, 09:35:AM
ส.เชื้อจันทร์
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 104
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 121


รักความจริง ความงาม ความสุนทรีย์ รักกวีรสบทกลอน


เว็บไซต์
« เมื่อ: 15 มกราคม 2012, 09:35:AM »
ชุมชนชุมชน

=======================================
คิดถึงครูไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน
=======================================

ก. คิดถึงครูไทยในอดีต
 
แสนคิดถึงครูไทยในอดีต
มีจารีตจรรยาน่าสรรเสริญ
กายกรรม วจีกรรม ล้วนจำเริญ
มโนกรรม ดำเนินตาม พระสัมมาฯ

   เขาจึงเปรียบครูเป็นเช่นประทีป
   เปรียบเป็นหีบสมบัติพัสถาน์
   เป็นแม่พิมพ์ควรเชิดชูควรบูชา
   เป็นนาวาขนศิษย์ไม่คิดตังค์

ครูคือผู้เปิดประตูทางความคิด
เฝ้าสอนศิษย์ทุกคนจนสมหวัง
ให้ความรู้ทุกชนิดไม่ปิดบัง
เพียรปลูกฝังให้ศิษย์ดีมีวิชา

   แม้เหนื่อยยากเพียงใดไม่เคยบ่น
   ครูอดทน เงินเดือนน้อย ด้อยยศฐาน์
   บางวันต้องขอข้าวจากหลวงตา
   พอประทังชีวา มาโรงเรียน

แสนคิดถึงครูไทยในอดีต
สอนประณีตน้ำจิตล้นจนเกษียณ
ร้อยมาลีอักษรามาเยี่ยมเยียน
ยกเหนือเศียรน้อมบูชา..ค่าของครู.






ข. คิดถึงครูไทยในปัจจุบัน

หวนคิดถึงครูไทยสมัยนี้
ยังพอมีสิ่งใดให้อ้างถึง
คุณธรรมข้อใดให้คำนึง
พอจะซึ้งจดจำกับความดี

   มิอาจเอ่ยเหมือนเคยยกมาเปรียบ
   มิกล้าเทียบเมื่อกล่าวถึงซึ่งศักดิ์ศรี
   มิกล้ายกให้เป็นปูชนีย์
   ตราบใดที่ไม่เป็นครูด้วยวิญญาณ

มาเป็นครูด้วยเห็นเป็นอาชีพ
บ้างอยากถีบฐานะตนให้คนขาน
บ้างอยากได้ชื่อว่า “ข้าราชการ”
จึงมาเป็นครู-อาจารย์ สอนนักเรียน

   ที่แสดงความเห็นมาเช่นนี้
   หาใช่มีอคติแล้วขีดเขียน
   เพียงอยากเห็นครูเป็นเช่นแสงเทียน
   ส่องนักเรียนให้สว่างทางวิญญาณ์

เพราะความจริงยังมีครูผู้รักศิษย์
ยอมอุทิศตนเพื่องานการศึกษา
ไม่อยากเห็นครูยุคนี้ถูกตีตรา
“เป็นพ่อค้า-แม่ค้า ขายความรู้”.




...ส.เชื้อจันทร์...
๑๖ มกราคม ๒๕๕๕

ปล.
เนื้อหาในกลอนข้อ ข. อาจมองดู "แรง" ไปหน่อย แต่ผู้เขียนไม่ได้เหมารวมครูทั้งประเทศหรอก
แค่เคยเห็นเคยพบในบางส่วนเท่านั้น ทีระบายออกมาเช่นนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อเตือนสติตนเอง(ซึ่งเป็นครูด้วยเหมือนกัน)
อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อระบายความในใจให้ครูด้วยกันฟัง
หากว่า ทำให้ครูท่านใดรู้สึกไม่ดีก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ในใจลึกๆ แล้วผู้เขียนคิดถึงครูที่สอนเมื่อสมัยที่ตนเองยังเรียนชั้นประถมมาก
เพราะอะไรก็ไม่อาจทราบได้ แต่รู้สึกคิดถึงครูสมัยนั้นจริงๆ  บางทีอาจเพราะครูสมัยนั้นเป็นครูด้วยจิตวิญญาณจริงๆมั้ง
ส่วนครูในระดับมัธยมและระดับอุดมศึกษา คิดถึงเพียงบางท่านเท่านั้น....
อันที่จริงจะว่าไปแล้ว ผู้เขียนเองก็ยังไม่สามารถประพฤติให้เป็นครูได้ดีเท่าครูในอดีต..




ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บูรพาท่าพระจันทร์, sunthornvit, สุนันยา, พี.พูนสุข, Prapacarn ❀, พิมพ์วาส, Music, บ้านริมโขง, รพีกาญจน์, panthong.kh, amika29, กังวาน, unclekaew, ♥หทัยกาญจน์♥, ทอฝัน

ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

...สร้างความคุ้นเคยให้จิตใจ ด้วยเรื่องราว บทกวี และข้อคิดดีๆ...
15 มกราคม 2012, 10:00:AM
sunthornvit
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 777
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,076



« ตอบ #1 เมื่อ: 15 มกราคม 2012, 10:00:AM »
ชุมชนชุมชน

  ผมยังจำได้เมื่อตอนเป็นเด็ก ยังมีวิชาวรรณคดีที่นักเรียนต้องท่องบทกลอนทุกวัน
ไม่ว่าจะเป็น สังข์ทอง พระอภัยมณี อิเหนาฯลฯ ท่องจนติดปากกันทุกคน ปัจจุบันคง
ไม่มีแล้ว ใครเกิดทันและยังจำวรรณคดีเก่าเก่าได้ กรุณาเขียนออกมาให้อ่านรำลึก
ความหลังหน่อยครับ ไม่จำต้องต่อเนื่อง ไม่จำต้องต่อสัมผัสครับ มีใครจำได้บ้างครับ
ผมจะเริ่มด้วยสังข์ทองก่อนครับ ผิดพลาดบางคำขออภัยด้วย เพราะนานมากแล้วครับ

มาจะกล่าวบทไป
ถึงท้าวสหัสนัยน์ไตรตรึงษา
ทิพอาสน์คอยอ่อนแต่ก่อนมา
กระด้างดังศิลาประหลาดใจ

จะมีเหตุมั่นแม่นในแดนดิน
อมรินทร์เร่งคิดสงสัย
จึงสอดส่องทิพเนตรดูเหตุภัย
ก็แจ้งใจในนางรจนา

แม้นมิไปช่วยจะม้วยมอด
ด้วยสังข์ทองไม่ถอดรูปเงาะป่า
จำจะยกพลหลพลเทวา
ไปล้อมพาราสามลไว้(สังข์ทอง)

ต่อเป็นวรรณคดีเรื่องไหนตอนไหนก็ตามสะดวกหากมีผู้จำได้ช่วยทวนความหลังหน่อยครับ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บูรพาท่าพระจันทร์, ส.เชื้อจันทร์, สุนันยา, พี.พูนสุข, พิมพ์วาส, Music, บ้านริมโขง, panthong.kh, รพีกาญจน์, amika29, กังวาน, ♥หทัยกาญจน์♥

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 มกราคม 2012, 12:29:PM
sunthornvit
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 777
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,076



« ตอบ #2 เมื่อ: 15 มกราคม 2012, 12:29:PM »
ชุมชนชุมชน

ทุกวันนี้ผมยังนึกหน้าครูเมื่อตอนเรียนชั้นประถมได้หลายท่าน แต่ลืมชื่อไปเกือบหมดแล้วครับ
 ครูเมื่อชั้นมัธยมก็จำได้ทั้งหน้าตาชื่อสกุลได้หลายท่าน ลืมไปก็มาก แต่ครั้งหนึ่งมีโอกาสกลับ
ไปที่โรงเรียนเดิม รู้สึกตกใจมากครับ เพราะรู้สึกว่าโรงเรียนเล็กลงไปมาก  นั่นเป็นเพราะว่าผม
โตเป็นผู้ใหญ่นั่นเอง และยิ่งทำให้ผมเคารพครูอาจารย์ขึ้นอีกเมื่อรับรู้ว่าฐานะของแต่ละท่านแทบไม่มี
อะไรเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเลยครับ นอกจากเงินเดือนที่ขึ้นไม่ทันค่าครองชีพ  ขณะที่ลูกศิษย์
จำนวนไม่น้อยก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว  ผมเป็นนักเรียนที่เรียนไม่เก่ง ครูสอนให้เขียนกลอนตั้งแต่
อยู่ป.6 ตอนนั้นอายุ14 ถึงตอนนี้ก็ยังเขียนไม่ได้เรื่อง ฐานะก็ไม่ร่ำรวยเหมือนเพื่อนๆ แต่รายได้
ก็ดีกว่าการเป็นครู ผมจึงเห็นใจอาชีพครูเป็นอย่างมาก  ยกเว้นครูที่ไม่ดีนะครับ
ผมขอถือโอกาสนี้ลงกลอนเกี่ยวกับครูสักสำนวนหนึ่งครับ
อาชีพครู  ซึ่งฉัน  เฝ้าฝันใฝ่
                 เชื่อยิ่งใหญ่  พร้อมพรัก  เกียรติศักดิ์ศรี
             คนนับหน้า  ถือตา  บารมี
         ปูชนี-ยบุคคล  สร้างผลงาน

                     ฉันก้าวถึง  จุดหมาย  ดั่งใจหวัง
                          ด้วยพลัง  มุ่งมั่น  อันอาจหาญ
                      ได้ชื่นชม  สมญา  ครูอาจารย์
                  ปณิธาน  อุตสาหะ  สละตน

            ยี่สิบปี  ล่วงไป  นึกใจหาย
                 เป้าขวนขวาย  แท้เพียงครู  ผู้ขัดสน
             ประศาสน์ศิษย์  ก้าวหน้า  มาหลายคน
         ครูกลับจน   ซ้ำซาก  มากกว่าเดิม

                     แต่สำนึก  หน้าที่  ไม่มีเปลี่ยน
                          คงหมั่นเพียร  สอนสั่ง  ทั้งส่งเสริม
                      เคี่ยวเข็ญแก้  เด็กเก- เรทุกเทอม
                  หนี้ก็เพิ่ม  ลุกลาม  ตามทวี

            คำเปรียบครู  ว่าเรือจ้าง  ช่างเหมาะสม
                 ฝ่าคลื่นลม  พายุ  ยากสุขี
             รับลูกศิษย์  โดยสาร  ผ่านนที
         ปีแล้วปี  ทรหด  อดทนไป

                     เห็นศิษย์เก่า  หวนเยี่ยมกราบ  แสนปลาบปลื้ม
                          เหน็ดเหนื่อยลืม  สิ้นหมด  พลันสดใส
                      ศิษย์รู้รัก  กตัญญู  ครูชื่นใจ
                  สิ่งที่ได้  มีเท่านี้  ชีวิตครู
              
สุนทรวิทย์


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พิมพ์วาส, Music, บ้านริมโขง, รพีกาญจน์, ส.เชื้อจันทร์, บูรพาท่าพระจันทร์, amika29, กังวาน, unclekaew, ♥หทัยกาญจน์♥, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 มกราคม 2012, 02:03:PM
บ้านริมโขง
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 869
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,026



« ตอบ #3 เมื่อ: 15 มกราคม 2012, 02:03:PM »
ชุมชนชุมชน



ครูเป็นใครที่ไหนให้ประหลาด
ไม่ใช่ญาติไม่ใช่แซ่แต่แลเหลียว
เฝ้าห่วงหาอาวรณ์สอนนักเชียว
ถือไม้เรียวกำกับนับจำนวน

ไม่มาสายไม่หน่ายเรียนไม่เพียรลา
ให้ตั้งหน้าเรียนร่ำอย่าทำป่วน
สอนทุกอย่างอยากรู้สู่กระบวน
ยังทบทวนทุกครั้งหลังเลิกเรียน

ไม่เคยเหนื่อยเมื่อล้าในหน้าที่
สุดยินดีสอนคนวนขีดเขียน
ทั้งนอกห้องในห้องต้องพากเพียร
ไม่เคยเปลี่ยนทีท่าคำว่า “ครู”

จะเป็นใครก็พร้อมขอน้อมแล้ว
ท่านดุจแก้วแวววับจับสวยหรู
ในดวงใจ ใสซึ้งตรึงตราตรู
ความเป็น “ครู” คือญาติ..ไม่อาจลืม.

"บ้านริมโขง"



<a href="http://www.youtube.com/v/ztltnBogMaU&amp;rel=0&amp;fs=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/ztltnBogMaU&amp;rel=0&amp;fs=1</a>

เคารพรัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : panthong.kh, รพีกาญจน์, สุนันยา, พี.พูนสุข, sunthornvit, ส.เชื้อจันทร์, บูรพาท่าพระจันทร์, amika29, กังวาน, unclekaew, ♥หทัยกาญจน์♥

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

15 มกราคม 2012, 03:32:PM
panthong.kh
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2989
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 8,676



« ตอบ #4 เมื่อ: 15 มกราคม 2012, 03:32:PM »
ชุมชนชุมชน

  ผมยังจำได้เมื่อตอนเป็นเด็ก ยังมีวิชาวรรณคดีที่นักเรียนต้องท่องบทกลอนทุกวัน
ไม่ว่าจะเป็น สังข์ทอง พระอภัยมณี อิเหนาฯลฯ ท่องจนติดปากกันทุกคน ปัจจุบันคง
ไม่มีแล้ว ใครเกิดทันและยังจำวรรณคดีเก่าเก่าได้ กรุณาเขียนออกมาให้อ่านรำลึก
ความหลังหน่อยครับ ไม่จำต้องต่อเนื่อง ไม่จำต้องต่อสัมผัสครับ มีใครจำได้บ้างครับ
ผมจะเริ่มด้วยสังข์ทองก่อนครับ ผิดพลาดบางคำขออภัยด้วย เพราะนานมากแล้วครับ

มาจะกล่าวบทไป
ถึงท้าวสหัสนัยไตรตรึงษา
ทิพอาสน์คอยอ่อนแต่ก่อนมา
กระด้างดังศิลาประหลาดใจ

จะมีเหตุมั่นแม่นในแดนดิน
อมรินทร์เร่งคิดสงสัย
จึงสอดส่องทิพเนตรดูเหตุภัย
ก็แจ้งใจในนางรจนา

แม้นมิไปช่วยจะม้วยมอด
ด้วยสังข์ทองไม่ถอดรูปเงาะป่า
จำจะยกพลหลพลเทวา
ไปล้อมพาราสามลไว้(สังข์ทอง)

ต่อเป็นวรรณคดีเรื่องไหนตอนไหนก็ตามสะดวกหากมีผู้จำได้ช่วยทวนความหลังหน่อยครับ




เคยได้ท่องบทนี้คะ : รามเกียรติ์ ตอน "พระลักษมณ์ต้องหอกโมกขศักดิ์"

บัดนั้น
พระยาพิเภกยักษี
เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี
อสุรีกราบลงกับบาทา
ทูลว่าพระลักษณ์สุริยวงศ์
ยังไม่ปลงชีวังสังขาร์
อันโมกขศักดิ์อสุรา 
พรหมาประสิทธิ์ประสาทไว้
ทรงอานุภาพฤทธิรุทร 
ต้องใครจะฉุดนั้นไม่ไหว
แต่มียาคู่หอกชัย 
ให้ไว้สำหรับแก้กัน
แม้นละไว้จนรุ่งราตรี 
ต้องแสงพระระวีจะอาสัญ
ขอให้ลูกพระพายเทวัญ
ไปห้ามพระสุริยันในชั้นฟ้า
อย่าเพ่อรีบรถบทจร 
ข้ามยุคนธรภูผา
แล้วให้ไปเก็บตรีชวา 
ทั้งยาชื่อสังขรณี
ยังเขาสรรพยาบรรพต 
ปรากฏอยู่ยอดคีรีศรี
กับปัญจมหานที 
สรรพยาทั้งนี้มาให้ทัน
แม้นว่าได้บดชโลมลง 
องค์พระอนุชาไม่อาสัญ
จะดำรงคงชีพชีวัน 
หอกนั้นก็จะหลุดขึ้นมา
พันทอง
[/b][/font][/size][/color]

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, บูรพาท่าพระจันทร์, sunthornvit, amika29, กังวาน, ♥หทัยกาญจน์♥, รพีกาญจน์, ส.เชื้อจันทร์

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 มกราคม 2012, 03:54:PM
sunthornvit
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 777
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,076



« ตอบ #5 เมื่อ: 15 มกราคม 2012, 03:54:PM »
ชุมชนชุมชน



เคยได้ท่องบทนี้คะ : รามเกียรติ์ ตอน "พระลักษมณ์ต้องหอกโมกขศักดิ์"

บัดนั้น
พระยาพิเภกยักษี
เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี
อสุรีกราบลงกับบาทา
ทูลว่าพระลักษณ์สุริยวงศ์
ยังไม่ปลงชีวังสังขาร์
อันโมกขศักดิ์อสุรา 
พรหมาประสิทธิ์ประสาทไว้
ทรงอานุภาพฤทธิรุทร 
ต้องใครจะฉุดนั้นไม่ไหว
แต่มียาคู่หอกชัย 
ให้ไว้สำหรับแก้กัน
แม้นละไว้จนรุ่งราตรี 
ต้องแสงพระระวีจะอาสัญ
ขอให้ลูกพระพายเทวัญ
ไปห้ามพระสุริยันในชั้นฟ้า
อย่าเพ่อรีบรถบทจร 
ข้ามยุคนธรภูผา
แล้วให้ไปเก็บตรีชวา 
ทั้งยาชื่อสังขรณี
ยังเขาสรรพยาบรรพต 
ปรากฏอยู่ยอดคีรีศรี
กับปัญจมหานที 
สรรพยาทั้งนี้มาให้ทัน
แม้นว่าได้บดชโลมลง 
องค์พระอนุชาไม่อาสัญ
จะดำรงคงชีพชีวัน 
หอกนั้นก็จะหลุดขึ้นมา
พันทอง
[/b][/font][/size][/color]

[/quote]

เข้าไปในถ้ำโอ้ลูกเขย
พ่อเจ้าลูกเอ๋ยงามนักหนา
น้อยหรือรูปร่างเหมือนเทวดา
หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา

ผิวเนื้อเรื่อเรืองเหลืองอ่อน 
ดั่งทองธรรมชาติหล่อเหลา
ฟ้าผิอกเอ๋ยลูกเขยเรา
งามจริงแล้วเจ้านางมณฑา(สังข์ทอง)

น้องพันทองเก่งมากจำได้ยาว ผมจำได้แค่สั้นๆครับ

สุนทรวิทย์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บูรพาท่าพระจันทร์, กังวาน, ♥หทัยกาญจน์♥, panthong.kh, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 มกราคม 2012, 05:16:PM
unclekaew
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 57



« ตอบ #6 เมื่อ: 15 มกราคม 2012, 05:16:PM »
ชุมชนชุมชน

ค่าของครู

เมื่อมั่นใจมุ่งจิตไม่คิดเปลี่ยน
ส่องแสงเทียนนำทางเพื่อสร้างสรรค์
พากเพียรทนเพื่อทำงานสำคัญ
มุ่งหมายมั่นฟันฝ่าไม่ล้าไฟ

แม้เทียนที่ส่องแสงมีแรงน้อย
ยากรวมร้อยหลอมสิ่งที่ยิ่งใหญ่
เพียงเหล่าเทียนทุกแท่งร่วมแรงใจ
ย่อมก้าวไกลเคียงกันอย่างมั่นคง

วางแนวทางตามแนวธรรมนำหน้าที่
บนวิถีเพียงพอ “พ่อ” เสริมส่ง
ใช้ความรู้คู่คุณธรรมให้ดำรง
ทั้งซื่อตรงสุจริตในวิชชา

ในท่ามธารเวลาที่ว้าวุ่น
รุ่นสู่รุ่นอุดมการณ์ยังหาญกล้า
เสียสละยืนหยัดเปี่ยมศรัทธา
ให้สมค่าควรคู่เป็นครูคน

ความแน่วแน่นำหน้ามาหนุนเพิ่ม
จะส่งเสริมสอนศิษย์สัมฤทธิ์ผล
มุ่งสร้างเสริมสร้างสรรค์ปัญญาชน
สรรสร้างคนคู่ถิ่นแผ่นดินธรรม

ไม่เคยสายในด้านการศึกษา
ภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่าหมิ่นต่ำ
จรรยาบรรณสร้างครูเป็นผู้นำ
เมตตาธรรมเสริมค่าคำว่า "ครู"

แก้ว  กรุงเก่า 

ขอระลึกถึงพระคุณครูด้วยคน
เป็นบทกลอนที่แต่งให้ครู เนื่องในวันครูปี ๕๐ ครับ 


 เคารพรัก เคารพรัก เคารพรัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : sunthornvit, กังวาน, บ้านริมโขง, บูรพาท่าพระจันทร์, ♥หทัยกาญจน์♥, panthong.kh, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ส.เชื้อจันทร์

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

...ความสำเร็จหรือล้มเหลวที่ผ่านมา     ใช่วัดค่าดีทรามความเป็นคน...
15 มกราคม 2012, 07:09:PM
panthong.kh
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2989
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 8,676



« ตอบ #7 เมื่อ: 15 มกราคม 2012, 07:09:PM »
ชุมชนชุมชน



เคยได้ท่องบทนี้คะ : รามเกียรติ์ ตอน "พระลักษมณ์ต้องหอกโมกขศักดิ์"

บัดนั้น
พระยาพิเภกยักษี
เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี
อสุรีกราบลงกับบาทา
ทูลว่าพระลักษณ์สุริยวงศ์
ยังไม่ปลงชีวังสังขาร์
อันโมกขศักดิ์อสุรา 
พรหมาประสิทธิ์ประสาทไว้
ทรงอานุภาพฤทธิรุทร 
ต้องใครจะฉุดนั้นไม่ไหว
แต่มียาคู่หอกชัย 
ให้ไว้สำหรับแก้กัน
แม้นละไว้จนรุ่งราตรี 
ต้องแสงพระระวีจะอาสัญ
ขอให้ลูกพระพายเทวัญ
ไปห้ามพระสุริยันในชั้นฟ้า
อย่าเพ่อรีบรถบทจร 
ข้ามยุคนธรภูผา
แล้วให้ไปเก็บตรีชวา 
ทั้งยาชื่อสังขรณี
ยังเขาสรรพยาบรรพต 
ปรากฏอยู่ยอดคีรีศรี
กับปัญจมหานที 
สรรพยาทั้งนี้มาให้ทัน
แม้นว่าได้บดชโลมลง 
องค์พระอนุชาไม่อาสัญ
จะดำรงคงชีพชีวัน 
หอกนั้นก็จะหลุดขึ้นมา
พันทอง
[/b][/font][/size][/color]



เข้าไปในถ้ำโอ้ลูกเขย
พ่อเจ้าลูกเอ๋ยงามนักหนา
น้อยหรือรูปร่างเหมือนเทวดา
หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา

ผิวเนื้อเรื่อเรืองเหลืองอ่อน 
ดั่งทองธรรมชาติหล่อเหลา
ฟ้าผิอกเอ๋ยลูกเขยเรา
งามจริงแล้วเจ้านางมณฑา(สังข์ทอง)

น้องพันทองเก่งมากจำได้ยาว ผมจำได้แค่สั้นๆครับ

สุนทรวิทย์

[/quote]

[/ur

พระอภัยมณีเป่าปี่แสดงฝีมือให้พราหมณ์ทั้ง ๓ ฟัง (ครูให้ท่องทุกเช้าคะ)

พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม
จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข
อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป
ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช
จตุบาทกลางป่าพนาสิน
แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน
ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ
อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา
ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญา
จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง

แล้วหยิบปี่ที่ท่านอาจารย์ให้
เข้าพิงพฤกษาไทรดังใจหวัง
พระเป่าเปิดนิ้วเอกวิเวกดัง
สำเนียงวังเวงแว่วแจ้วจับใจ
ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย
ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย
จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย
พระจันทรจรสว่างกลางโพยม
ไม่เทียบโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย
ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน
เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงวะแว่วเสียง
สำเนียงเพียงการเวกกังวาลหวาน
หวาดประหวัดสตรีฤดีดาล
ให้ซาบซ่านเสียวสะดับจนหลับไป
พันทอง
จำได้ว่าประมาณชั้น ป.6 ค้า
[/ur

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : sunthornvit, รพีกาญจน์, บูรพาท่าพระจันทร์, พี.พูนสุข, ส.เชื้อจันทร์

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 มกราคม 2012, 07:38:PM
sunthornvit
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 777
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,076



« ตอบ #8 เมื่อ: 15 มกราคม 2012, 07:38:PM »
ชุมชนชุมชน

[/ur

พระอภัยมณีเป่าปี่แสดงฝีมือให้พราหมณ์ทั้ง ๓ ฟัง (ครูให้ท่องทุกเช้าคะ)

พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม
จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข
อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป
ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช
จตุบาทกลางป่าพนาสิน
แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน
ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ
อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา
ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญา
จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง

แล้วหยิบปี่ที่ท่านอาจารย์ให้
เข้าพิงพฤกษาไทรดังใจหวัง
พระเป่าเปิดนิ้วเอกวิเวกดัง
สำเนียงวังเวงแว่วแจ้วจับใจ
ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย
ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย
จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย
พระจันทรจรสว่างกลางโพยม
ไม่เทียบโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย
ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน
เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงวะแว่วเสียง
สำเนียงเพียงการเวกกังวาลหวาน
หวาดประหวัดสตรีฤดีดาล
ให้ซาบซ่านเสียวสะดับจนหลับไป
พันทอง
จำได้ว่าประมาณชั้น ป.6 ค้า
[/ur
[/quote]

อ่านแล้วจำได้ทันทีเคยท่องมาแล้วครับ นึกถึงตอนเด็กเลยครับ

ในลักษณ์นั้นว่าจรกา
รูปชั่วต่ำช้าทั้งศักดิ์ศรี
ทรลักษณ์พิกลอินทรีย์
จะดูไหนไม่เป็นที่จำเริญใจ

เกศานาสิกขนงเนตร
สมเพชวิปริตผิดวิสัย
เสียงแหบแสบสั่นเป็นพ้นไป
รูปร่างช่างกระไรเหมือนยักษ์มาร

เมื่อยิ้มเหมือนหลอกหยอกเหมือนขู่
ไม่ควรคู่เคียงภักดิ์สมัครสมาน
ดั่งกากาจชาติช้าสาธารณ์
มาประมาณหมายหงส์พงศ์พญา

แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย
อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า
พี่พลอยร้อนใจแทนทุกเวลา
ฤาวาสนาน้องจะต้องกัน

สุนทรวิทย์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, บูรพาท่าพระจันทร์, panthong.kh, พี.พูนสุข, ส.เชื้อจันทร์, ...สียะตรา..

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
17 มกราคม 2012, 09:41:AM
ส.เชื้อจันทร์
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 104
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 121


รักความจริง ความงาม ความสุนทรีย์ รักกวีรสบทกลอน


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 17 มกราคม 2012, 09:41:AM »
ชุมชนชุมชน

พูดถึงกลอนวรรณคดีนั้น ส.เชื้อจันทร์ เคยท่อง แต่ว่า จำไม่ได้เลยสักท่อนหรือสักเรื่อง
ที่จำได้แต่ไม่หมด คืออาขยานข้างล่างนี้


อย่าเกียจคร้านการเรียนเร่งอุตส่าห์
มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน
จะตกถิ่นฐานใดคงไม่แคลน
ถึงคับแค้นก็พอยังประทังตน

อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว
แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล
อาจจะชักเชิดชูฟูสกนธ์
ถึงคนจนพงศ์ไพร่คงได้ดี

เกิดเป็นชายชาวสยามตามวิสัย
หนังสือไทยก็ไม่รู้ดูบัดสี
ต้องอับอายขายหน้าทั้งตาปี
ถึงผู้ดีก็คงด้อยถอยตระกูล

จะต่ำเตี้ยเสียชื่อว่าโฉดช้า
จะชักพายศลาภให้สาบสูญ
ทั้งขายหน้าญาติวงศ์พงศ์ประยูร
จะเพิ่มพูนติฉินคำนินทา

หนึ่งหนังสือหรือตำรับฉบับบท
เป็นของล้วนควรจดจำศึกษา
บิดาปู่สู้เสาะสะสมมา
หวังให้บุตรนัดดาได้ร่ำเรียน

จะได้ทราบบาปบุญทั้งคุณโทษ
ปะบุตรโฉดต่ำช้าก็พาเหียร
ไม่สมหวังดังบิดาปู่ตาเพียร
เป็นจำเนียรแพลงพลัดกระจัดกระจาย.

(พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย))






...ส.เชื้อจันทร์...
๑๗ มกราคม ๒๕๕๕

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ...สียะตรา.., Prapacarn ❀, รพีกาญจน์, sunthornvit, พี.พูนสุข, บูรพาท่าพระจันทร์

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

...สร้างความคุ้นเคยให้จิตใจ ด้วยเรื่องราว บทกวี และข้อคิดดีๆ...
17 มกราคม 2012, 12:28:PM
sunthornvit
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 777
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,076



« ตอบ #10 เมื่อ: 17 มกราคม 2012, 12:28:PM »
ชุมชนชุมชน




อาขยานที่คุณ ส.เชื้อจันทร์ ลงมานี้ผมเคยท่องครับ บางทีครูก็ออกเป็นข้อสอบด้วยครับ
ตอนเด็กผมชอบท่องกลอนในวรรณคดีครับ จึงพอจำได้บ้างครับ
ถ้าไกลไปกว่านั้นก็จะเป็นบทด้อยสร้อยซึ่งไม่รู้ว่าปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้วหรือยัง เช่น

เด็กเอ๋ย  เด็กน้อย
ความรู้เรายังด้อยเร่งศึกษา
เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา
เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน

ได้ประโยชน์หลายสถานเพราะการเรียน
จงพากเพียรไปเถิดจะเกิดผล
ถึงลำบากตรากตรำก็จำทน
เกิดเป็นคนควรหมั่นขยันเอย

สุนทรวิทย์



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, yaguza, บูรพาท่าพระจันทร์, ส.เชื้อจันทร์, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
17 มกราคม 2012, 12:51:PM
ส.เชื้อจันทร์
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 104
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 121


รักความจริง ความงาม ความสุนทรีย์ รักกวีรสบทกลอน


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 17 มกราคม 2012, 12:51:PM »
ชุมชนชุมชน




อาขยานที่คุณ ส.เชื้อจันทร์ ลงมานี้ผมเคยท่องครับ บางทีครูก็ออกเป็นข้อสอบด้วยครับ
ตอนเด็กผมชอบท่องกลอนในวรรณคดีครับ จึงพอจำได้บ้างครับ
ถ้าไกลไปกว่านั้นก็จะเป็นบทด้อยสร้อยซึ่งไม่รู้ว่าปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้วหรือยัง เช่น

เด็กเอ๋ย  เด็กน้อย
ความรู้เรายังด้อยเร่งศึกษา
เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา
เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน

ได้ประโยชน์หลายสถานเพราะการเรียน
จงพากเพียรไปเถิดจะเกิดผล
ถึงลำบากตรากตรำก็จำทน
เกิดเป็นคนควรหมั่นขยันเอย

สุนทรวิทย์






บทอาขยานที่ท่านสุนทรวิทย์ นำมา ก็เคยท่องนะ แถมยังนำมาใช้พูดให้เด็กๆฟังบ่อยๆ เมื่อเรื่องปะเหมาะกันพอดี
บทอาขยานเหล่านี้ ดูเหมือนเด็กๆ ยุคปัจจุบันจะไม่ค่อยได้ท่องนะ ครูด้านภาษาไทยเก่งๆ เขา "แต่ง" สำนวนใหม่ให้เด็กท่องกัน
ความจริงจะว่า อาขยานเก่าๆ ก็ดูมีเสน่ห์ไม่น้อยนะ และฟังแล้วก็ "ปลุกเร้ากำลังใจ" ให้ขยันเรียนขยันขยันศึกษาไม่น้อย



...ส.เชื้อจันทร์...

๑๗ ม.ค. ๕๕

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บูรพาท่าพระจันทร์, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, sunthornvit

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

...สร้างความคุ้นเคยให้จิตใจ ด้วยเรื่องราว บทกวี และข้อคิดดีๆ...
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s