ชื่นชมจากใจ ให้ "นายขนมต้ม"
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
19 เมษายน 2024, 07:48:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชื่นชมจากใจ ให้ "นายขนมต้ม"  (อ่าน 13414 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
07 พฤศจิกายน 2011, 01:14:PM
JesteR Cry
LV3 นักเลงกลอนประจำซอย
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2011, 01:14:PM »
ชุมชนชุมชน



อันตัวผม ชื่นชมนาย ขนมต้ม
เพราะตัวผม ชื่นชอบ ในมวยไทย
ผมเห็นท่าน ฝีมือ เก่งกราดไว้
ขจัดภัย เมืองไทย ให้ลูกหลาน

ในสมัย กรุงศรี อยุธยา
มีพม่า ฆ่าคนไทย ให้เกลื่อนกล่าน
แต่โชคดี มีนักมวย ที่กล้าหาญ
ในตำนาน เขาชื่อ ขนมต้ม

มีเพียงเชิง มวยไทย เป็นอาวุธ
ช่างสะดุด เตะตา น่าระงม
ใช้เชิงมวย ฆ่าพม่า ชั่วโสมม
ที่มาปล้น สะดม บ้านเมืองไทย

เรื่องเชิงมวย ท่านเก่ง เป็นไหนๆ
จะหน้าใส ตัวเล็ก หรือตัวใหญ่
ผมเห็นท่าน สู้ศัตรู อย่างสุดใจ
ด้วยแม่ไม้ มวยไทย อันสวยงาม

บุญกุศล ที่ท่าน ทนทำไว้   
ช่างยิ่งใหญ่ บุญคุณ ไกลล้นหลาม
ชื่อของท่าน จะสถิต อยู่ในนาม
เรื่องความงาม ในแม่ ไม้มวยไทย

     
      JesteR Cry

ปล. ใครชื่นชมบรรพบุรุษคนไหน ก็ขานไขออกมาเป็นกลอนได้นะครับ เอ้อ..จริงว่ะ เอ้อ..จริงว่ะ 

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : อริญชย์, ♥หทัยกาญจน์♥, สุวรรณ, Design with love ᵔᴥᵔ, สล่าผิน, TKDee~P2k_02, รพีกาญจน์, รัตนาวดี, Thammada, คนกันเอง.., พี.พูนสุข, hathaichanok, ธันวาคม, บูรพาท่าพระจันทร์

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รักเขาแล้วเขาไม่รู้ ดีกว่าเขารู้แล้วเขาไม่รัก = ="
07 พฤศจิกายน 2011, 02:58:PM
Design with love ᵔᴥᵔ
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 186
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 288


~Eyerything I See~


KhwAn TK Dee
« ตอบ #1 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2011, 02:58:PM »
ชุมชนชุมชน



หอมดอกไม้อบอวลมวลพฤกษา
จึงนำมาถักถ้อยเป็นร้อยขาน
แด่หญิงหนึ่งซึ้งใจในห้วงกาล
แรงบันดาลหวานไหวให้คำนึง

มั่นในสัจวาจาที่ว่ากล่าว
มั่นเรื่องราวเล่าไปใจคิดถึง
มั่นในสิทธิ์เสรีภาพวาดใจพึง
มั่นในพี่น้องซึ่งพึ่งพิงกาย

มั่นในสันติสุขมนุษย์ชาติ
มั่นในกาจเก่งกู้รู้ทั้งหลาย
มั่นในธรรมฝั่งร่างเยี่ยงอย่างชาย
มั่นในเรื่องเลวร้ายว่ากลายดี

จึงยกย่องปองใจดังได้กล่าว
ดังยอดหญิงพริ้งพราวในวิถี
ใจงดงามยามสู้ไปในเสรี
นาม ออง ซาน ซูจี ที่ยลยิน

เผด็จการเกลื่อนกลาดอยู่ดาษพื้น
เธอจะฟื้นลมหายใจให้เป็นสิน
หยาดน้ำตาที่ว่าไหลไปทุกถิ่น
แลสายเลือดที่เปื้อนดินจะสิ้นไป

เธอลบวันฝันร้ายกลับหายหมด
เธอลบมันเลือดทุกหยดที่หลากไหล
เธอลบมันน้ำตาร่ำที่ช้ำใจ
เธอลบมันเปลวไฟในกลางเมือง

ณ แผ่นดินพื้นถิ่นกลิ่นพม่า
อารยะธรรมเล่อค่ามาลือเลื่อง
ฉาบแผ่นดินถิ่นเก่าเล่ารุ่งเรือง
โลกใบสวยงามเรื่องอยู่เนืองนิตย์

ดอกไม้หนึ่งพึงบานกลางประชา
ดอกไม้นั้นล้ำค่าน่าเชิดจิต
ดอกไม้หนึ่งล้อมกรอบรอบด้วยพิษ
ดอกไม่นั้นเชิดชีวิตให้ผู้คน

                               Design with love"

*ขอบคุณรูปภาพจากInternetค่ะ ^/\^
**กลอนบทนี้อาจไม่ใช่บรรพบุรุษคนไหน แต่ขอขานไขออกมาเป็นกลอน ด้วยคนนะคะ^^"
   

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, สล่าผิน, อริญชย์, TKDee~P2k_02, รพีกาญจน์, รัตนาวดี, สุวรรณ, panthong.kh, Thammada, คนกันเอง.., hathaichanok, ธันวาคม, บูรพาท่าพระจันทร์

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

`°.•°•.★* Love Me Love My TK.DEE My Family Forever *★ .•°•.°´
07 พฤศจิกายน 2011, 03:46:PM
อริญชย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,568


ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว


« ตอบ #2 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2011, 03:46:PM »
ชุมชนชุมชน

     
         ๐ออง ซาน ซู จี๐
            
     ๐ยังไร้แสงสว่างบนทางฝัน
   ยังเงียบงันในโลกที่โศกเศร้า
   ยังมืดมนในหงสาฯฟ้าสีเทา
   ยังไร้เงาดาวจันทร์ตะวันพราย
   
      ๐ด้วยอำนาจยังครอบงำทางอำนาจ
   ด้วยไม่อาจมีใครต้านทัดทานได้
   ด้วยยังเป็นถิ่นอนาธิปตาย
   ด้วยห่างหายความห่วงหาประชาชน
               
       ๐เพราะกระบอกปืนยังเข้มขลังอยู่
   เพราะนักสู้หงส์ทองยังล่องหน
   เพราะกฎเถื่อนย้อมในหัวใจคน
   เพราะไม่สนเสียงเรียกร้องจากผองโลก
               
     ๐จึงยังไม่กระจ่างบนทางฝัน
   จึงเงียบงันในเงาความเศร้าโศก
   จึงมืดมนเหมือนฟ้าวิปโยค
   จึงรอโชคคลี่ม่าน... “ออง ซาน” ชู!ฯ           
                     
                               อริญชย์ 
                           ๗/๑๑/๒๕๕๔
       
              
                     
 




                                 

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Design with love ᵔᴥᵔ, TKDee~P2k_02, รพีกาญจน์, รัตนาวดี, สุวรรณ, Thammada, พี.พูนสุข, hathaichanok, ธันวาคม, บูรพาท่าพระจันทร์

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม
เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
07 พฤศจิกายน 2011, 04:50:PM
อริญชย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,568


ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว


« ตอบ #3 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2011, 04:50:PM »
ชุมชนชุมชน

        ๐บทไหว้ครู “นายขนมต้ม”๐

อินทรวิเชียรฉันท์

๐ท่านครูขนมต้ม           กิติข่มพม่าหมอง
เชิงมวยมิเป็นรอง           ปะทะเดือดดุเชือดเฉือน

๐สิบมวยพม่าร้าย            มุทลายมิเอ่ยเตือน
ล้อมแจกขนมเถื่อน         ทะลุหมายขนมต้ม

๐แต่ครูก็หาญสุด             วรยุทธเทพชม 
ห้ำหั่นประจัญคม            ผิวมอญทะลวงมา

๐"ตาเถรค้ำฝัก              จระเข้ประลองท่า 
พร้อมดับชวาลา             และอิเหนาลุปลายคาง"       (ดูชื่อท่าแม้ไม้มวยไทยข้างล่างประกอบ)

๐สิบมวยพม่าหม่น          มนจนมิรู้ทาง
สู้ต่อสิวายวาง               ตละนางจะตรอมตรม

๐สิบมวยพม่ายอม          ศิระค้อมขนมต้ม
จารึกพม่าชม               วรยุทธเกรียงไกร!ฯ

                                อริญชย์
                              ๗/๑๑/๒๕๕๔



*เห็นนักกวีแต่งฉันท์กันหลายคน เลยลองฉันท์อินทรเชียรดู เพราะดูแล้วคล้ายกาพย์ยานี ๑๑ 

ต้องการแต่งยกย่อง “นายขนมต้ม”  แต่หากใช้คำผิด ขอผู้รู้ติติง แนะนำด้วยจ้ะ      
ขอบคุณทุกท่าน


ใช้ตัวหนังสือสีแดง  หมายถึงชาติ เลือดรักชาติ (ไม่เกี่ยวกับการเมืองไทยเน้อ)
 



http://www.oknation.net/blog/nun2504/2010/10/10/entry-5

ศิลปะแม่ไม้มวยไทย
แม่ไม้มวยไทย หมายถึง ท่าของการผสมผสานการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก เพื่อการรุกหรือรับในการต่อสู้ด้วยมวยไทย การจะใช้ศิลปะไม้มวยไทยได้อย่างชำนาญ จะต้องผ่านการฝึกเบื้องต้นในการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก แต่ละอย่างให้คล่องแคล่วก่อน จากนั้นจึงจะหัดใช้ผสมผสานกันไปทั้งหมัด เท้า เข่า ศอกและศิลปะการหลบหลีก ซึ่งขึ้นอยู่กับครูมวยที่จะคิดดัดแปลงพลิกแพลงเพื่อนำไปใช้ให้ได้ผลแล้วตั้งขื่อท่ามวยนั้นๆ ตามลักษณะท่าทางให้จดจำได้ง่าย เมื่อมีท่ามวยมากขึ้นจึงจัดแบ่งเป็นหมวดหมู่ หรือตั้งชื่อให้เรียกขานคล้องจองกันเพื่อลูกศิษย์จะได้ท่องจำและไม่ลืมง่าย ในอดีตมวยไทยไม่ได้ใส่นวมจะชกกันด้วยมือเปล่า หรือใช้ผ้าดิบพันมือจึงสามารถใช้มือจับคู่ต่อสู้เพื่อทุ่ม หัก หรือบิดได้ นักมวยจึงใช้ชั้นเชิงในการต่อสู้มากกว่าการใช้พละกำลังจึงเกิดท่ามวยมากมาย ต่อมามีการกำหนดให้นักมวยไทยใส่นวมในขณะขึ้นชกแข่งขันเช่นเดียวกับมวยสากล และมีการออกกฎกติกาต่างๆ เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่นักมวย และง่ายต่อการตัดสินท่ามวยที่มีมาแต่อดีตบางท่าจึงไม่สามารถนำมาใช้ในการแข่งขันได้ ถือว่าผิดกติกา และบางท่านักมวยก็ไม่สามารถใช้ได้ถนัดเนื่องจากมีเครื่องป้องกันร่างกายมาก ท่ามวยบางท่าจึงถูกลืมเลือนไปในที่สุด
โบราณาจารย์และผู้ทรงคุณวุฒิได้แบ่งประเภทของไม้มวยไทยไว้ต่างกัน ขึ้นอยู่กับครูมวยแต่ละท่าน แม้บางท่าจะมีชื่อเรียกต่างกันก็ตาม ไม้มวยไทยที่มีการกล่าวถึงในตำรามวยหลายตำรา และแบ่งลักษณะไว้ชัดเจน คือแบ่งตามลักษณะการแก้ทางมวยและการจู่โจม เรียกชื่อว่า กลมวย แบ่งตามลักษณะการใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก เรียกว่าเชิงมวย บางตำราแบ่งเป็นแม่ไม้ลูกไม้ หรือแบ่งเป็นไม้ครู ไม้เกร็ด ซึ่งไม้ครูหมายถึงไม้สำคัญเป็นไม้หลักที่ครูมวยเน้นให้ลูกศิษย์ทุกคนต้องทำให้ได้ ทำให้ดี และทำให้ชำนาญ เพราะเมื่อรู้และชำนาญเรื่องไม้ครูแล้ว จะสามารถแตกไม้ครูแต่ละแบบออกเป็นไม้เกร็ดอีกมากมาย

แม่ไม้มวยไทย
แม่ไม้มวยไทย หมายถึงท่าของการใช้ศิลปะมวยไทยที่สำคัญที่สุด อันเป็นพื้นฐานของการใช้ไม้มวยไทย ซึ่งผู้ฝึกมวยไทยจะต้องเรียนรู้และปฏิบัติให้ได้ก่อนที่จะฝึกลูกไม้ซึ่งถือ ว่าเป็นการใช้ไม้มวยไทยที่ละเอียดขึ้น
โบราณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิได้จัดแบ่งแม่ไม้มวยไทยเป็น 15 ไม้ ดังนี้

แม่ไม้ 15 ไม้
1. สลับฟันปลา
2. ปักษาแหวกรัง
3. ชวาซัดหอก
4. อิเหนาแทงกริช
5. ยอเขาพระสุเมรุ
6. ตาเถรค้ำฝัก
7. มอญยันหลัก
8. ปักลูกทอย
9. จระเข้ฟาดหาง
10. หักงวงไอยรา
11. นาคาบิดหาง
12. วิรุฬหกกลับ
13. ดับชวาลา
14. ขุนยักษ์จับลิง
15. หักคอเอราวัณ

ข้อมูลจาก  muaythai-institute




ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, รัตนาวดี, สุวรรณ, Thammada, คนกันเอง.., พี.พูนสุข, hathaichanok, ธันวาคม

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม
เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
07 พฤศจิกายน 2011, 05:03:PM
อริญชย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,568


ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว


« ตอบ #4 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2011, 05:03:PM »
ชุมชนชุมชน



อันตัวผม ชื่นชมนาย ขนมต้ม
เพราะตัวผม ชื่นชอบ ในมวยไทย
ผมเห็นท่าน ฝีมือ เก่งกราดไว้
ขจัดภัย เมืองไทย ให้ลูกหลาน

ในสมัย กรุงศรี อยุธยา
มีพม่า ฆ่าคนไทย ให้เกลื่อนกล่าน
แต่โชคดี มีนักมวย ที่กล้าหาญ
ในตำนาน เขาชื่อ ขนมต้ม

มีเพียงเชิง มวยไทย เป็นอาวุธ
ช่างสะดุด เตะตา น่าระงม
ใช้เชิงมวย ฆ่าพม่า ชั่วโสมม
ที่มาปล้น สะดม บ้านเมืองไทย

เรื่องเชิงมวย ท่านเก่ง เป็นไหนๆ
จะหน้าใส ตัวเล็ก หรือตัวใหญ่
ผมเห็นท่าน สู้ศัตรู อย่างสุดใจ
ด้วยแม่ไม้ มวยไทย อันสวยงาม

บุญกุศล ที่ท่าน ทนทำไว้   
ช่างยิ่งใหญ่ บุญคุณ ไกลล้นหลาม
ชื่อของท่าน จะสถิต อยู่ในนาม
เรื่องความงาม ในแม่ ไม้มวยไทย

     
      JesteR Cry

ปล. ใครชื่นชมบรรพบุรุษคนไหน ก็ขานไขออกมาเป็นกลอนได้นะครับ เอ้อ..จริงว่ะ เอ้อ..จริงว่ะ 




เปิดแนวคิดได้ดี จึงบวกให้หนึ่งจ้ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, รัตนาวดี, สุวรรณ, Thammada, hathaichanok, ธันวาคม

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม
เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
07 พฤศจิกายน 2011, 06:44:PM
JesteR Cry
LV3 นักเลงกลอนประจำซอย
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« ตอบ #5 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2011, 06:44:PM »
ชุมชนชุมชน

อันมวยไทย เก่งกาจ ดั่งล่ำลือ
พิษสงค์คือ เข่าศอก หมัดและเท้า
ช่างภูมิใจ ศิลปะ ของไทยเรา
ไม่โศกเศร้า ที่เรา เกิดเป็นไทย

อันมวยไทย มีพิษ สงค์เหลือหลาย
อาจถึงตาย ถ้าโดน อัดเข้าใส่
เผลอโดนเข่า และศอก คงบรรลัย
จาลึกไว้ มวยไทย คือที่หนึ่ง          (ต่างชาติยอมรับว่า มวยไทย คือศิลปะที่1ของโลกครับ)                                              

อันวิชา มวยไทย มีสี่ภาค
มีหลายหลาก มากสาย ดูให้ซึ้ง
แต่ผู้ใช้ ควรจำ ไว้ตราตรึง
อย่าหยิบดึง วิชาไป รังแกใคร

มวยโคราช ต่อยหนัก ภาคอีสาน
มวยรุกราน ลพบุรี ต่อยเร็วไว้         
มวยภาคเหนือ เตะไว เกินกว่าใคร
ภาคใต้ไทย มวยรัดกุม คือไชยา

 ย๊าก...เบ่งพลัง พลังหมัดพันมือ !!!

  JesteR Cry


อ้างถึง
เปิดแนวคิดได้ดี จึงบวกให้หนึ่งจ้ะ

^^ ขอบคุณครับ  เอ้อ..จริงว่ะ เอ้อ..จริงว่ะ

ปล.กลอนบทนี้ มีคน"อริญชย์" ช่วยดัดแปลงให้บางบท เพื่อให้ไพเราะขึ้นครับ    เอ้อ..จริงว่ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สุวรรณ, รพีกาญจน์, อริญชย์, Thammada, รัตนาวดี, hathaichanok, ธันวาคม

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รักเขาแล้วเขาไม่รู้ ดีกว่าเขารู้แล้วเขาไม่รัก = ="
26 พฤศจิกายน 2011, 09:16:AM
rit sriduang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 65
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 39



« ตอบ #6 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2011, 09:16:AM »
ชุมชนชุมชน

ขอร่วมแจมด้วยครับ

นายขนมต้ม
๑.อโยธยาธานินทร์คงสิ้นแล้ว…….
ยินเสียงแผ่วกระพรวนกับตรวนโซ่   
เศษซากเรือนดำดั่งตอตะโก   
กับเสียงโห่เหยียดหยามอย่างย่ามใจ

เชลยเอ๋ยอกร้าวเมื่อคราวล้ม
ขนมต้ม..กล้ำกลืนสะอื้นไห้
มองวัดวาถูกเผาเป็นเถ้าไอ
จากจัญไรพม่าผู้สามานย์

เรือนที่สืบเชื้อสายแต่ยายย่า
กลับต้องมาสิ้นบุญในรุ่นหลาน
ตกเป็นข้ารามัญอันธพาล
จะเนิ่นนานแค่ไหนยังไม่รู้

ศพเพื่อนพ้องน้องพี่เป็นขี้เถ้า
วันที่เราทั้งหมดต้องอดสู
วันหน้าแม้ถ้ามีเป็นทีกู
มึงทุกผู้ทั้งหมดต้องชดใช้….
…………………..............…

๒.ช่วงเวลาทารุณช่างหมุนช้า
อาจนำพาบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่
เมื่ออังวะกษัตริย์ยกฉัตรชัย
จึงโปรดให้เปรียบมวยไปด้วยกัน

ว่ามวยไทยขึ้นชื่อฝีมือกล้า
มวยพม่าชาติเสือก็เหนือชั้น
มาเถิดมาเฉลิมวางเดิมพัน
เลือกพนันพม่าหรือว่าไทย

เสียงโห่ร้องตะโกนดั่งโจรป่า
จนพลับพลาราชันย์สนั่นไหว
มวยพม่าเชิงคล่องและว่องไว
ได้เปรียบใหญ่ยืนกร่างกลางเวที

ขนมต้มเผยร่างที่บางกว่า
แต่ใช่ว่าสีเลือดจะเผือดสี
ยังแดงเข้มและมีอย่างเคยมี
ยังไหลปรี่แน่นอัดในมัดเนื้อ 

แล้วคาดเชือกสองแขนจนแน่นหนา
สองดวงตาคมดุประดุจเสือ
ภาพเพื่อนถูกฆ่าเข่นตายเป็นเบือ
ไม่เคยเจือจากฝันแม้วันเดียว

พม่าสาวหมัดสาดก็พลาดเป้า
ต้องคมเข่าจนเคล็ดแหละเข็ดเขี้ยว
เข่านี้แทนข้าวอุ่นแหละคุณเคียว
ข้าวที่เคี้ยวจนใหญ่แต่ไรมา

เพลงแม่ไม้มวยไทยของไพร่หนึ่ง
จะพรั่นพรึงพิศวงถึงหงสา
จะหยุดเสียงคุยโวและโห่ฮา
จะเยียวยาหัวใจที่ไร้รัง

อีกหนึ่งมวยพม่าจึงปรากฏ
หยาดเหงื่อหยดชุ่มแขนถึงแผ่นหลัง
ว่ามวยไทยรู้มือกูหรือยัง
อย่าโอหังมาท้าพญายม

แต่เชิงมวยที่ผิดกันลิบลับ
การโต้กลับของนายขนมต้ม
หมัดศอกสับกับเท้าและเข่าคม
โถมถล่มพม่าจนตาค้าง

แด่ซากศพสหายที่ตายเกลื่อน
แต่ซากเรือนเคยอยู่จนตรู่สาง
แด่วัดวาเทียนธูปสถูปปรางค์
แด่ความฝันเลือนลางและจางล้า

จากยอดมวยคนหนึ่งไปถึงสิบ
ชั่วตาพริบเอวังสิ้นกังขา
มิทันน้ำจะล้นรูกะลา
คาวเลือดปร่ากระเด็นจนเหม็นดิน

เจ้าอังวะจึงทรงตบพระหัตถ์
หยุดปะหมัดได้ไหมกูอายสิ้น
มึงขืนสู้มิใช่จะได้กิน
เพราะมึงหมิ่นศัตรูด้วยดูเบา

อ้ายคนไทยนี่หรือฝีมือนัก
พิษสงหนักรอบจัดทั้งหมัดเข่า
ชัยชนะสิบหนแก่คนเรา
หัวใจเจ้า..กษัตริย์ยังศรัทธา

ถ้าคนไทยรู้รักจะยากแพ้
มิใช่แค่คอยคิดแต่อิจฉา
สามัคคีคงเส้นและคงวา
อโยธยาจะอับปางได้อย่างไร
……….................…………


๓.อิสรภาพเมื่อสาบสิ้น
จะได้กลิ่นว่าหอมกว่าหอมไหน
จะเห็นค่าเมื่อวันเสียมันไป
และอาจไม่มีวันได้มันคืน

รอเพียงแสงสายรุ้งวันพรุ่งนี้
อาจจะมีคนกล้าลืมตาตื่น
เพื่อกู้กรุงย่อยยับให้กลับยืน
เพื่อจะฟื้นดินปู่เป็นผู้นำ

ฟ้ายามเย็นยามนี้เป็นสีส้ม
ขนมต้มบอกลาขอบฟ้าค่ำ
ปราบพม่าราบคาบจนหลาบจำ
เขาได้ทำหน้าที่อย่างดีแล้ว….
…………………….

กลอนเก่า ๑๑  ตุลาคม ๒๕๕๑
เกลาใหม่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : panthong.kh, Prapacarn ❀, Thammada, คนกันเอง.., รัตนาวดี, อริญชย์, รพีกาญจน์, พ่อค้าพเนจร, yaguza, พี.พูนสุข, hathaichanok, ธันวาคม, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
03 ธันวาคม 2011, 10:22:PM
rit sriduang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 65
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 39



« ตอบ #7 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2011, 10:22:PM »
ชุมชนชุมชน

เคยได้ยินเรื่องราวของ มหาเทพ ตั้งแต่ยังเด็ก
ประทับใจมากและไม่เคยลืม

มหาเทพ วีรบุรุษผู้ถูกลืม

๑.ผ่านมาหลายสิบปีแล้วพี่น้อง
ชเวดากองเจดีย์ถูกฟ้าผ่า
แผ่นทองคำจารึกหล่นลงมา
เป็นเรื่องของผู้กล้าแห่งชาติไทย
……………………...........…

๒.มหาเทพจึงมุ่งจากกรุงศรีฯ
หลังถูกตีพ่ายแพ้เกินแก้ไข
รวมทหารดาบคู่ที่รู้ใจ
แล้วฝ่าไปมุ่งออกนอกประตู

ตีพม่าที่รุมเข้าล้อมจับ
จนตายยับราบคาบด้วยดาบคู่
หนึ่งทหารกำจัดสิบศัตรู
กลิ่นเลือดผู้รุกด้าวจึงคาวดิน

ยิ่งถาโถมทะลุทะลวงด่าน
ผู้รุกรานยิ่งยับยิ่งดับดิ้น
คราสองดาบคมจัดตวัดบิน
ก็ดื่มกินเลือดปร่าแห่งรามัญ

มือที่จับศาสตราอย่างสามารถ
เคยตักบาตรหวานคาวทั้งข้าวฉัน
บัดนี้ต้องปราบถ่อยเป็นร้อยพัน
คนหยิบมือจะยันได้ฉันใด

เหงื่อรินอาบดาบชุ่มชโลมเลือด
จะแห้งเหือดสักคราก็หาไม่
พอล้าโรยแรงแล้วทแกล้วไทย
ก็พลาดให้ตีกลับจนอับจน

มิอาจต้านทานทัพคนนับหมื่น
ธนูปืนซัดมาเป็นห่าฝน
ยังยืนหยัดจนหมดแรงอดทน
แต่ละคนร่วงไปเหมือนใบไม้

เหลือเพียงมหาเทพทหารแกร่ง
แหวกกำแพงวงล้อมออกมาได้
รีบมุ่งหน้ากลับบ้านแห่งวานวัย
ที่อาศัยเกิดมาจนหย่านม

เห็นเรือนชานบ้านไหม้เพราะไฟเผา
วันที่เขามายืนอย่างขื่นขม
วันที่เขาถูกผลักลงปลักตรม
แหละจะจมรามัญผู้จัณฑาล

มาเถิด..พม่าชะตาดับ
จะชั่วกัปถึงกัลปาวสานต์
กูจะป้องอโยธยา..ขอสาบาน
ต่อหน้าดวงวิญญาณวีรชน…


๓.ควันไฟไหววับพยับแดด
เสียงแผดพม่าโกลาหล
เมื่อไพร่ไพรีและรี้พล
ตามจนจวนติดประชิดตัว

มหาเทพยืนพิงกำแพงวัด
จะยืนหยัดสู้ตายถวายหัว
ขอพระผู้พิสุทธิ์ดุจดอกบัว
โปรดเป็นรั้วป้องกันอันตราย

สามคืนวันผ่าน ณ ลานร้าง
ก็ถมร่างนับร้อยไพรีร้าย
ทุกขยับคมดาบอันปลาบปลาย
เรียกความตายพม่าทุกคราฟัน

ศพขุนทัพนายกองก็กองเกลื่อน
ข่าวสะเทือน..หนึ่งชื่อก็ลือลั่น
ดั่งไฟลามทุ่งทองสู่สองกรรณ
ของราชันย์นักรบ..บุเรงนอง
………………………...........

๔.บุเรงนองหยุดม้าที่หน้าวัด
เงียบสงัดไร้นกจะผกร้อง
ศพพม่ามากมายนอนก่ายกอง
เกิดจากสองคมดาบกำราบฤๅ

เหลือทหารสองนายยังกายสั่น
เขาหวาดหวั่นกลัวใครที่ไหนหรือ
บุรุษนั่นหรือเปล่าที่เล่าลือ
ดาบสองมือสองแขนยังแน่นกำ

ดาบข้างหนึ่งปลายชี้ไปที่ฟ้า
ราวบอกว่าข้าน้อยผู้ต้อยต่ำ
ทำหน้าที่ครบถ้วนอย่างควรทำ
เหมือนดั่งคำวาจาที่สาบาน

อีกหนึ่งดาบปลายชี้ไปที่พื้น
ราวบอกคืนร่างกายนายทหาร
กลับสู่พื้นแผ่นดินเมื่อสิ้นปราณ
ตลอดกาลใต้พระธรณี

ดาบยังยันร่างไว้มิให้ล้ม
สองตาคมยังจ้องสุรีย์สี
ราวอาลัยในพื้นปฐพี
หวังกรุงศรีฯหลุดพ้นจากโพยภัย

พลธนูเล็งง้างที่ร่างนั้น
หวังรางวัลหากยิงผู้ยิ่งใหญ่
บุเรงนองฟันควับอย่างฉับไว
หัวคนไพร่หล่นพื้นพสุธา

ฟังคำกูให้ดีพวกขี้ขลาด
ใครบังอาจทำร้ายร่างชายกล้า
หัวมึงจะถูกบั่นในทันตา
กูจะจารึกเขาในเจดีย์

กูจะเผาร่างเขาราวขุนศึก
กูยังนึกหวาดหวั่นท่านผู้นี้
หากมีแค่ร้อยคนในธานี
คงไม่มีวันกูจะกำชัย….


กลอนเก่า ๒๘ เมษายน ๒๕๕๐
เกลาใหม่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๔

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Thammada, amika29, hathaichanok, รัตนาวดี, ธันวาคม, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s