O ฟ้าคร่ำ .. ฝนครวญ .. O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
01 พฤศจิกายน 2024, 06:35:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: O ฟ้าคร่ำ .. ฝนครวญ .. O  (อ่าน 7205 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
10 กุมภาพันธ์ 2019, 10:43:AM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2019, 10:43:AM »
ชุมชนชุมชน






O หยุดยืนเหม่อเคว้งคว้างในทางน้อย
สืบร่องรอยก้าวย่างไปข้างหน้า
เมฆดำคลุ้มลมกรูเสียงอู้มา
แล้วคลื่นฟ้าห่าฝนก็หล่นโปรย
O ละเม็ดคว้าง, คว้างหล่นแตกบนพื้น
เป็นช่อชื้นเม็ดแก้ว .. ก่อนแผ่วโผย
เซาะเส้นทาง-ขุ่นดิน, น้ำรินโรย
ลมช้าโชยแสงวันก็พลันลับ
O หม่นครึ้มอับหลัว .. ไปทั่วทิศ
เพ่งพิศก็คล้ายหวัง-จะพังดับ
เห็นแต่วิชชุแลบอยู่แวบวับ
และใจหนึ่งโจมจับความอับจน
O ไร้สิ้นแสงนำทางให้ย่างก้าว
เมื่อเดือนดาวลับลา .. เหลือห่าฝน-
ถมเส้นทางย่างยก-ที่วก-วน
ให้อดทนสืบก้าว .. อยู่ยาวนาน
O กระหน่ำเม็ดลิ่วล่าง .. ในหว่างเม็ด-
คล้ายสร้อยเพชรหล่นเส้น .. ก่อนเร้นผ่าน
ท่ามปลายทางมืดมน .. อนธกาล
รอห้าวหาญใจหมายมุ่งปลายจร
O กลางกระแสลมโหม .. ฝนโถมถั่ง
ราวจะรั้งหล้าโลกให้โยกถอน
ถมหม่นมัวมืดดำทั้งอัมพร
อำพรางซ่อนสดใสสู่นัยน์ตา
O พบเจอ-ในเส้นทางท่ามกลางฝน
พลันเบื้องบนเรื่อแดงด้วยแสงจ้า
ราวโคมสรวงช่วงผกายส่องฉายมา
กลบร่องรอยเหว่ว้าในตาคน
O พบเจอ-คล้ายมืดมนจะป่นดับ
คืนระยับชุติมาแทนห่าฝน
เส้นทางจรสู่ปลาย, ใจว่าย-วน
ถึงคราวค้นพบเห็น .. ว่าเส้นเดียว
O แวบเดียววาบระยับแล้วดับล่วง
ยังโชติช่วงงามควรทุกส่วนเสี้ยว
ยังหรอกฝน-พร่างพรู, ลมกรูเกรียว
และมืดเปลี่ยวล้อมกรอบอยู่รอบทิศ
O คล้ายเป็นหวังแทนหวังที่พังพาบ
เข้าแทรกสาป .. อบอวลทุกส่วนจิต
พริบตาชั่วอึดใจที่ได้พิศ
ก็ชั่วคิดวาบชัดในบัดดล
O เมฆคลุ้มลมคลั่งฝนหลั่ง-สาย
ราวสลาย .. สูญลับความอับหม่น
จึงชั่วยามแสงจ้า, แทงตาตน
ชั่วสับสน .. เงียบเสียง .. ลงเพียงพอ
O ให้เติมเต็มมุ่งมั่นความฝันใฝ่
เพื่อสดใสบรรเจิด-ได้เกิดก่อ
และเมื่อทางมืดมนมีคนรอ
ก็ราวแสงทอดทอ .. ขึ้นรอคน
O ลมเคยพัด-ผ่านริ้วบาดผิวเนื้อ
ก็อับ-เอื้อม่านแสงส่องแห่งหน
ละทอดทอป่นปรับความอับจน
ละก้าววนวกอยู่-ก็รู้ปลาย
O ครั้นครั่นครืน-ฝนหลั่งแรงถั่งโถม
ราวกับโคมกลางสรวงขึ้นช่วงฉาย
มืดหม่นที่ห่มครอบอยู่รอบกาย
ก็กลับคล้ายแสงช่วงถึงดวงตา
O เป็นหวังที่ทอดทอ-ลออระยับ
เพื่อสำหรับก้าวย่างไปข้างหน้า
สืบก้าวตามมุ่งมั่นที่บัญชา
ขวากขวางบรรดา .. ก็ล้าเลือน
O แสงเดียววาบสว่างที่กลางฝน
ก็อำพนราศี .. ยากมีเหมือน
หม่นมัวทั่วทิศ-จำบิดเบือน
คลายเคลื่อนสูญสลายที่ปลายจร
O ริ้วเส้นฝนลมร่ำ .. ในค่ำผ่าน
จึงละลานงามตาเกินกว่าซ่อน
คล้ายยินกระซิบเบา - คำเว้าวอน
นั้นออดอ้อน-ว่ารัก .. สุดหักใจ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2013&date=23&group=11&gblog=453

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Mr.music, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ไผ่เดียวดาย, masapaer

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
16 กุมภาพันธ์ 2019, 01:44:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #1 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2019, 01:44:PM »
ชุมชนชุมชน




O คอยเจ้า .. O





O เหมือนว่าความเงียบงันแห่งวันวาน
จะคล้อยผ่านล่วงลับจนดับหาย
ลมอ่อยเอื่อย, นกร้อง, วันผ่องพราย
แต่งความหมายว่อนวาง .. ลงกลางใจ
O จึง-อบอุ่นละมุนอยู่จนรู้สึก
ว่าส่วนลึก-อาวรณ์ .. นั้น-อ่อนไหว-
จากเผยความผ่านสู่ .. ของผู้ใด-
โดยพลั้งเผลอเลศนัย .. ออกให้รู้
O ยิ้มรับภาพงดงาม .. อยู่ท่ามกลาง-
การเร้นพรางอาวรณ์ .. แอบซ่อนอยู่
วันแล้วและวันเล่า-ที่เฝ้าดู-
ความนัยชู้ .. จากชาย .. ผู้หมายเชย
O คล้ายว่าแรงสุมซ่อน .. อาวรณ์นั้น-
จะไหวสั่นรูปรอย .. ให้ค่อยเผย-
ผ่านแววตาอ่อนละมุน .. แสนคุ้นเคย
แทนการเอ่ยถ้อยความออกตามใจ
O แววตากอปรคำนึงหวานซึ้งอยู่
ก็ทอดทอนัยสู่ .. จนรู้ได้-
ว่า-วงรอบเสน่หาความอาลัย
ค่อยเวียนรอบวนไหว .. ที่ใจคน
O ร้างรูปดาวบนฟ้า .. กล่อมราตรี
เพียงเรื่อยรี้ลมล่วง .. โลมห้วงหน
เหลือจันทร์แรมลอยเรียว -โดดเดี่ยวบน-
ฟ้า, ใจคน .. กลับช่วงกว่าดวงวัน
O เหมือนงดงามเรื่อเรื้อง .. ที่เบื้องหน้า
หยัดหยั่งบางคุณค่า .. เบื้องหน้านั่น
แล้วยอบทบาทสู่ .. ให้รู้กัน
ลบเงียบงันวันวานให้ผ่านพ้น
O หลัง-ม่านหมอกบังพราง .. พ้นสางตรู่
ความนัยชู้ทั้งปวง .. ก็-ร่วงหล่น
หลัง-วันเลื่อนลอยดวง, ในทรวงคน-
ความนัยอบอุ่นล้น .. ก็หล่นรอ
O พร้อม-สายลมอุ่นอ้อนแสนอ่อนโยน,
ดอกมาลย์โอนหอมยิ่งทุกกิ่งช่อ
รูปธรรม .. ใจแนบลงแอบ-ออ
ก็อยู่ล้ออาลัย .. คอยไขว่คว้า
O เตรียบความหมายนัยคำ .. หวังทำให้-
บางอกใจวนวิ่งเสียยิ่งกว่า-
เมื่ออกอุ่นอ้อมแขนห้อมแหนมา
เนตรพรายพร่าสั่นไหว .. ด้วยนัยนั้น
O รื่นรมย์อยู่ดีไหม .. หัวใจเจ้า
กับยั่วเย้าอารมณ์ให้ซมสั่น
รื่นรมย์ทั้งหัวใจ-ของใครกัน ?
กับรำพันเร้ารัว .. หยอกยั่วใจ
O เถิด-ให้เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว
เก็บทุกแววหวานซ่อน .. อย่าอ่อนไหว
อย่าพลั้งเผยแววตา .. ความอาลัย-
เผลอออกให้เขาเห็น .. ความ เป็น มี
O ให้รับรู้ความนัย .. แต่ในฝัน
ด้วยว่านั่น-คือหลักแห่งศักดิ์ศรี-
ของอาวรณ์เชิงชู้ .. กุล-ผู้ดี
จากใจที่แฝงเร้น .. ขีดเส้นทาง
O โอ – ลวดลายชาติภพ .. บนคบสูง
จะเหมือนยูงอกแอ่นรำแพนหาง-
อยู่กับฝูง .. งดงามอยู่ท่ามกลาง-
การลอบเร้นอำพราง .. ได้อย่างไร ?
O ยิ้มรับใจวุ่นวาย .. ที่คล้ายว่า-
เผลอเผยอาวรณ์นั้น .. ด้วยหวั่นไหว
รอการแกว่งสั่นรัว .. บางหัวใจ-
จะแว่วให้รับรู้ .. ให้ดูแล
O แว่ว .. มาเถิดอกใจผู้ใฝ่ฝัน
หากมุ่งมั่นร่วมเคียง .. อย่าเพียงแค่-
เก็บซ่อนไว้ปิดกั้น .. ให้ผันแปร-
แล้วเฝ้าแต่ซ่อนเร้น .. ความเป็นไป
O เพียงเพื่อความเงียบงันแห่งวันวาน
จัก-เคลื่อนผ่านหวานหอม .. รายล้อมให้-
การเผยรูป, สั่นรัวแห่งหัวใจ-
ค่อยสั่นไหวเผยรอบ .. ให้ปลอบโยน !
O กลางสายลมโผแผ่ว .. เหมือน-แว่วดัง-
เสียงกดข่ม, เหนี่ยวรั้ง .. ค่อยพัง-โค่น
รอบอาวรณ์, แหนหวง .. ใคร-ช่วงโชน-
ก่อน-ถ่ายโอนโอบแน่น .. ด้วยแขนเรียว !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2015&date=08&group=11&gblog=610

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ระนาดเอก, พี.พูนสุข, ไผ่เดียวดาย, masapaer

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
22 กุมภาพันธ์ 2019, 06:04:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #2 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2019, 06:04:PM »
ชุมชนชุมชน



O จันทร์เจ้า .. O





O และแล้วความเยียบเย็นก็เร้นหาย
หลังอุ่นอายทิวากาลได้ผ่าน .. เผย
ความมืดหม่นทั้งปวง .. ย่อมล่วงเลย
ให้ชิดเชยระยับช่วง .. แห่งดวงวัน
O กรุ่นกลิ่นช่อกุสุมาแห่งป่าฝน
จึงเหมือนปรนเปรอหอมเข้าล้อมขวัญ
ให้เสพรสปรีดิ์เปรม .. แห่งเขมพรรณ
จนงามนั้นทอทาบลงฉาบทรวง
O ค่อยค่อยเผยภาพพิจิตรให้พิศเพ่ง
ค่อยค่อยเปล่งรอบรุจีราศีสรวง
โอนงดงามเข้าประดัง .. ใจทั้งดวง
ก็สุดใจจะแล้วล่วง .. พ้นห่วงใย
O รับรู้ถึงจินตภาพที่ทาบทับ
ผ่านแววเนตรงามระยับ .. เจ้าขับไข
เอื้อรูปรอยความคิดห้วงจิตใจ
คอยบ่มไล้ความสะคราญอยู่นานวัน
O แต่เผยรูปเผยรอยมาคอยล้อม
ก็ถึงพร้อมแช่มชื่นทั้งตื่นฝัน
ปีกผึ้งภู่เร่งรุด .. ล้อมบุษบัน
เฉกเช่นนั้นหวานหอม .. รายล้อมใจ
O เกสรหอมโกสุมเร้ารุมภู่
เมื่อแรงชู้โหมผ่านเกินต้านไหว
หลังมองเห็นต้นเหตุ .. แห่งเลศนัย-
หวานล้ำใครพร่างแพร้ว .. ที่แววตา
O เริ่มต้นแล้วคาบยาม .. แห่งความละห้อย
เมื่อเนตรใครเฝ้าแต่คอยชะม้อยหา
โลมลูบใจล้อมขวัญคอยบัญชา
ปรารถนาห่วงเห็น .. อยู่เช่นนั้น
O แต่นี้ลมคงร่ำ .. เสียงคร่ำครวญ
พร้อมทั้งส่วนเสี้ยวใจ .. ที่ไหวหวั่น
เสียงนกร้องก้องป่าพนาวัลย์
เช่นใจสั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
O คอยเถิด..ความห่วงหา .. ความอาวรณ์
จักแทรกซ้อนรุมรัดเกินปัดหาย
เมื่อไมตรีเยื่อใยแห่งใจชาย
ถักทอดสายโอบฉุดจนสุดยั้ง
O กำแพงใดใครสร้างขึ้นขวางคั่น
ที่จะกั้นกีดไว้ .. อย่าได้หวัง
ต่อให้สูงใหญ่ล้ำเหลือกำลัง
ถูกซอนเซาะซ้ำครั้ง .. ย่อมพังครืน
O เมื่อนั้นแหละทั้งปวง .. ความห่วงหา
จะโหมฤทธิ์เข้ามาทั้งตาตื่น
ประโลมหวานหยาดย้ำ .. เช้าค่ำคืน
จนสุดขืนขัดห้าม .. งดงามนั้น
O ย่อมรุมเร้าในอกสุดยกย้าย
จักรุมว่ายวนใจ .. พาไหวสั่น
ย่อมรายล้อมความคำ .. ถ้อยรำพัน-
มากล่อมขวัญสุมทรวง .. ด้วยห่วงใย
O จักละห้อยคอยเห็น .. ด้วยเป็นห่วง
ยามเลยล่วงลับกันก็หวั่นไหว
เจ้าเอยกลางราตรีจะมีใคร
ร่วมเผยรูปอำไพที่นัยน์ตา
O ย่อมมาดหมายร่นฟ้า .. เข้ามาใกล้
โอบร่างไว้แนบทรวงด้วยห่วงหา
จะชวนชี้ดาวสวรรค์ .. ชมจันทรา
กล่อมคีตาให้สดับอยู่กับใจ
O ถึงต่างฟ้าทางไกลจนไพศาล
จนต่างกาล .. ดวงจิตกลับชิดใกล้
ถักทอแล้วแน่นเหลือสายเยื่อใย
จะทอดให้ก้าวย่าง .. มากลางทรวง
O ใจเอยนั่นจันทร์เพ็ญลอยเด่นฟ้า
ชมเถิดราศีโสมเมื่อโลมสรวง
ย่อมยอแสงแจ่มจ้าสู่หล้าปวง
จะเลยล่วงลับใจอย่างไรกัน
O ชื่นเอย .. แต่เมื่อโฉมประโลมเล่น
ครั้นห่างเห็น .. คร่ำครวญแต่นวลขวัญ
เกินอักษรกรองคำจักจำนรรจ์
ร้อยรำพันความนัยออกใกล้เคียง
O เจ้าเอยแต่เมื่อเห็น .. เกินเร้นห่วง
จะเลือนล่วง .. อาลัยก็ให้เสียง
มาทักทายอยู่ล้อ .. จนพอเพียง
ก่อนบ่ายเบี่ยงหลบให้ .. ห้วงใจคอย
O เบื้องบนนั่น .. จันทร์พร่างอยู่กลางฟ้า
ลมวูบฝ่าค่ำแล้วอย่างแผ่วค่อย
เมื่อเยียบเย็นเริดร้างจืดจางรอย
จากแววเนตรใครชม้อย .. เฝ้าคอยชะม้าย !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2015&date=12&group=11&gblog=619

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ไผ่เดียวดาย, masapaer

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s