Re: O ฟ้าคร่ำ .. ฝนครวญ .. O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
19 เมษายน 2024, 02:56:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: O ฟ้าคร่ำ .. ฝนครวญ .. O  (อ่าน 6064 ครั้ง)
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2019, 06:04:PM »



O จันทร์เจ้า .. O





O และแล้วความเยียบเย็นก็เร้นหาย
หลังอุ่นอายทิวากาลได้ผ่าน .. เผย
ความมืดหม่นทั้งปวง .. ย่อมล่วงเลย
ให้ชิดเชยระยับช่วง .. แห่งดวงวัน
O กรุ่นกลิ่นช่อกุสุมาแห่งป่าฝน
จึงเหมือนปรนเปรอหอมเข้าล้อมขวัญ
ให้เสพรสปรีดิ์เปรม .. แห่งเขมพรรณ
จนงามนั้นทอทาบลงฉาบทรวง
O ค่อยค่อยเผยภาพพิจิตรให้พิศเพ่ง
ค่อยค่อยเปล่งรอบรุจีราศีสรวง
โอนงดงามเข้าประดัง .. ใจทั้งดวง
ก็สุดใจจะแล้วล่วง .. พ้นห่วงใย
O รับรู้ถึงจินตภาพที่ทาบทับ
ผ่านแววเนตรงามระยับ .. เจ้าขับไข
เอื้อรูปรอยความคิดห้วงจิตใจ
คอยบ่มไล้ความสะคราญอยู่นานวัน
O แต่เผยรูปเผยรอยมาคอยล้อม
ก็ถึงพร้อมแช่มชื่นทั้งตื่นฝัน
ปีกผึ้งภู่เร่งรุด .. ล้อมบุษบัน
เฉกเช่นนั้นหวานหอม .. รายล้อมใจ
O เกสรหอมโกสุมเร้ารุมภู่
เมื่อแรงชู้โหมผ่านเกินต้านไหว
หลังมองเห็นต้นเหตุ .. แห่งเลศนัย-
หวานล้ำใครพร่างแพร้ว .. ที่แววตา
O เริ่มต้นแล้วคาบยาม .. แห่งความละห้อย
เมื่อเนตรใครเฝ้าแต่คอยชะม้อยหา
โลมลูบใจล้อมขวัญคอยบัญชา
ปรารถนาห่วงเห็น .. อยู่เช่นนั้น
O แต่นี้ลมคงร่ำ .. เสียงคร่ำครวญ
พร้อมทั้งส่วนเสี้ยวใจ .. ที่ไหวหวั่น
เสียงนกร้องก้องป่าพนาวัลย์
เช่นใจสั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
O คอยเถิด..ความห่วงหา .. ความอาวรณ์
จักแทรกซ้อนรุมรัดเกินปัดหาย
เมื่อไมตรีเยื่อใยแห่งใจชาย
ถักทอดสายโอบฉุดจนสุดยั้ง
O กำแพงใดใครสร้างขึ้นขวางคั่น
ที่จะกั้นกีดไว้ .. อย่าได้หวัง
ต่อให้สูงใหญ่ล้ำเหลือกำลัง
ถูกซอนเซาะซ้ำครั้ง .. ย่อมพังครืน
O เมื่อนั้นแหละทั้งปวง .. ความห่วงหา
จะโหมฤทธิ์เข้ามาทั้งตาตื่น
ประโลมหวานหยาดย้ำ .. เช้าค่ำคืน
จนสุดขืนขัดห้าม .. งดงามนั้น
O ย่อมรุมเร้าในอกสุดยกย้าย
จักรุมว่ายวนใจ .. พาไหวสั่น
ย่อมรายล้อมความคำ .. ถ้อยรำพัน-
มากล่อมขวัญสุมทรวง .. ด้วยห่วงใย
O จักละห้อยคอยเห็น .. ด้วยเป็นห่วง
ยามเลยล่วงลับกันก็หวั่นไหว
เจ้าเอยกลางราตรีจะมีใคร
ร่วมเผยรูปอำไพที่นัยน์ตา
O ย่อมมาดหมายร่นฟ้า .. เข้ามาใกล้
โอบร่างไว้แนบทรวงด้วยห่วงหา
จะชวนชี้ดาวสวรรค์ .. ชมจันทรา
กล่อมคีตาให้สดับอยู่กับใจ
O ถึงต่างฟ้าทางไกลจนไพศาล
จนต่างกาล .. ดวงจิตกลับชิดใกล้
ถักทอแล้วแน่นเหลือสายเยื่อใย
จะทอดให้ก้าวย่าง .. มากลางทรวง
O ใจเอยนั่นจันทร์เพ็ญลอยเด่นฟ้า
ชมเถิดราศีโสมเมื่อโลมสรวง
ย่อมยอแสงแจ่มจ้าสู่หล้าปวง
จะเลยล่วงลับใจอย่างไรกัน
O ชื่นเอย .. แต่เมื่อโฉมประโลมเล่น
ครั้นห่างเห็น .. คร่ำครวญแต่นวลขวัญ
เกินอักษรกรองคำจักจำนรรจ์
ร้อยรำพันความนัยออกใกล้เคียง
O เจ้าเอยแต่เมื่อเห็น .. เกินเร้นห่วง
จะเลือนล่วง .. อาลัยก็ให้เสียง
มาทักทายอยู่ล้อ .. จนพอเพียง
ก่อนบ่ายเบี่ยงหลบให้ .. ห้วงใจคอย
O เบื้องบนนั่น .. จันทร์พร่างอยู่กลางฟ้า
ลมวูบฝ่าค่ำแล้วอย่างแผ่วค่อย
เมื่อเยียบเย็นเริดร้างจืดจางรอย
จากแววเนตรใครชม้อย .. เฝ้าคอยชะม้าย !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2015&date=12&group=11&gblog=619

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

รพีกาญจน์, ไผ่เดียวดาย, MASAPAER

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s