มาดูว่า นักกลอนเขาเขียนกลอนไปเพื่ออะไร
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
11 พฤษภาคม 2024, 04:20:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 [2]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มาดูว่า นักกลอนเขาเขียนกลอนไปเพื่ออะไร  (อ่าน 20557 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
15 กุมภาพันธ์ 2012, 08:25:AM
..กุสุมา..
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 200
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 659

"ดอกคำหรือสีลาหรือกุสุมา"


kusuma_@windowslive.com
« ตอบ #20 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 08:25:AM »
ชุมชนชุมชน

               ข้าพเจ้าเข้ามาในบ้านกลอนทำให้ได้รู้จักมิตรมากมาย
   >>..จากตัวอักษรที่ท่านทั้งหลายได้บันทึกลงบนกระดานบ้านกลอนไทยแห่งนี้
     ..ทำให้มองเห็นตัวตนที่อยู่ข้างในจิตใจของแต่ละคนได้ชัดเจน
      ว่านิสัยที่แท้จริงของคนนั้นเป็นเยี่ยงใด อารมณ์อยู่ ณ จุดไหน
      บางคน อาจจะหยาบ ละเอียด อ่อนไหว เยือกเย็น สนุกสนาน
      ทุกตัวอักษรที่วางลงบนกระดานนี้..
    ได้เขียนออกมาจากหัวใจ ..มิได้เขียนออกมาจากปาก บทกลอนที่เขียนจากหัวใจ
     จึงไพเราะทำนองจะเสนาะรับกันแบบลงตัวบน ๐ตัวอักษร๐
     สิ่งที่เขียนออกมา ตัวอักษรจะงดงามสามารถมองเห็นภาพบนตัวอักษรได้เลยทีเดียว
  >>..เมื่อวัยเยาว์คุณแม่ชอบให้ข้าพเจ้าอ่านหนังสือให้ท่านฟังร้อยแก้วร้อยกรอง
     กาพย์ โคลง ฉันท์ ให้อ่านเป็นทำนองเสนาะ เมื่อข้าพเจ้าอ่านผิดท่านก็จะสอน
     ให้อ่านให้ถูกต้อง เมื่อข้าพเจ้าเติบโต ก็ได้ห่างไป กระทั่งได้เข้ามาที่บ้านกลอน
     ไทยนี้ ทำให้นึกถึงคุณค่าของเอกลักษณ์ไทย ว่าเป็นสิ่งที่สวยงามควรอนุรักษ์
     ไว้ให้ชนรุ่นหลังต่อไปเจ้าค่ะ
              ด้วยความเคารพในมิตรทุกท่าน
                     ..กุสุมา.. เคารพรัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : เฮยอิง, ♥หทัยกาญจน์♥, แป้งน้ำ, D, พี.พูนสุข, Music, บูรพาท่าพระจันทร์, addy, กามนิต, สะเลเต, ปู่ริน, sunthornvit, ช่วงนี้ไม่ว่าง, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, สุนันยา, สล่าผิน, amika29, ลมหนาว, พ่อค้าพเนจร, รพีกาญจน์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 23 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 กุมภาพันธ์ 2012, 09:22:AM
addy
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 26
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 100



_108_1009_JING_JAI_
« ตอบ #21 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 09:22:AM »
ชุมชนชุมชน


 

ที่ผมเขียนเพราะเหตุว่า
  1.ต้องการรอยยิ้ม(ทุกครั้งที่เขียน ผมจะยิ้มตลอด)
  2.อยากหัวเราะ(อ่านกลอนเพื่อนๆ และ อ่านกลอนเราแล้วหัวเราะ)
  3.สบายใจ
  4.ให้ย้อนกลับไปอ่า ข้อ 1. 2. 3.
  5.................ช่วยบอกทีผมเพี้ยนมั้ย(เอิ๊กๆ)
         addy
    หัวเราะยิ้มๆ


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Prapacarn ❀, D, พี.พูนสุข, Music, บูรพาท่าพระจันทร์, กามนิต, สะเลเต, ปู่ริน, แป้งน้ำ, sunthornvit, yaguza, ..กุสุมา.., สล่าผิน, เฮยอิง, ช่วงนี้ไม่ว่าง, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, สุนันยา, amika29, ลมหนาว, รพีกาญจน์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 23 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เคยท้อแต่..ไม่เคยถอย
15 กุมภาพันธ์ 2012, 09:45:AM
D
นักรบทุกบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 3313
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 3,894


ขอขอบพระคุณทุกภาพจาก Internet & Youtube ค่ะ


sasa.yai
เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 09:45:AM »
ชุมชนชุมชน

อายจัง

ดินยังหาเหตุผลที่แท้จริงไม่ได้เลย
ที่รู้ๆขออ่านเขียนไปเรื่อยก่อนนะคะ
(งงกับตัวเองอ่ะ) ยิ้มให้จ้ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, Music, บูรพาท่าพระจันทร์, addy, กามนิต, สะเลเต, แป้งน้ำ, sunthornvit, ..กุสุมา.., สล่าผิน, เฮยอิง, ช่วงนี้ไม่ว่าง, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, สุนันยา, amika29, ลมหนาว, รพีกาญจน์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 20 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

15 กุมภาพันธ์ 2012, 10:53:AM
ดาว อาชาไนย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 394
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,472



poem.archanai?fref=ts
« ตอบ #23 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 10:53:AM »
ชุมชนชุมชน


๔. เขียนเพื่อเอาชนะตนเอง เอาชนะความไม่รู้ของตนโดยหัดเขียนกลอนกระนั้นพอเราเขียนกลอนได้ก็จะมี โคลง,กาพย์,กลอน,ฉันท์ มาให้เรียนรู้อีก พิมพ์วาสขายหน้าเมื่อคราวันสุนทรภู่ตอนประถม ๕ เลยหันมาเขียนกลอนตอนนั้นเข้ามาในบ้านกลอนใหม่ๆ ครามาครั้งแรกก็โดนท่านสมาชิคติชมกลอนขอยอมรับนะคะว่าเขียนกลอนไม่ได้ไม่เป็นจริงๆในขณะนั้นขนาดผังก็ยังต้องเอามาดูเลยสัมผัสระหว่างบทก็ยังไม่รู้จัก หรือแม้แต่สัมผัสใน สัมผัสสระเป็นอย่างไร สัมผัสอักษรเป็นอย่างไรยังไม่ทราบเลค่ะ ถึงว่าไปย้อนอ่านกลอนตัวเองดูถึงรู้ว่าตลก หรือจะพูดได้ว่าเขียนไม่เป็นเลย เขียนไม่ได้เลยก็ว่าได้ค่ะ ประมาณกระทู้ที่ ๓๐๐ กว่าๆถึงจะรู้ตัวว่าเขียนไม่ได้เรื่องเลยข้อความแต่ละขอความที่ส่งมาพิมพ์วาสขอยอมรับนะคะว่าอ่วมใจเลยจนเต็มไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ต้องกราบขอบพระคุณค่ะ พิมพ์วาสว่า พิมพ์วาสไม่ได้เขียนเพื่อะไรทั้งนั้นหละคะเขียนเพราะมันติดมากกว่ากระมังคะ เพราะว่าพอเขียนบ่อยๆแล้วมันจะจำได้จากนั้นสิ่งที่เรารู้เราก็จะรู้มากขึ้นจากนั้นก็จะแผ่ขยายความรู้แตกออกไปอีก แล้วพอเราหยุดทำมันก็จะลืม ที่ว่าติดนี่หมายถึงว่าเมื่อคราไม่ได้เขียนแล้วมันจะ รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะเขียนขึ้นมาเฉยๆก็ประมาณนี้ค่ะ เขียนเพราะว่าเราชอบค่ะเรามีความสุขกับมันก็เขียนไปเถอะค่ะ ประมาณนั้นกระมังคะ

กาพย์กลอนฉันลิลิตรวิจิตรบท
งามถ้อยรสพจน์คำแสนล้ำศิลป์
เจรียงความงามถ้อยนำร้อยสิ้น
ให้เป็นถิ่นรินกลอนอักษรไทย

หนูพิมพ์วาสจ๋า  ช่วงหลังๆนี่อา  เอ๊ย  พี่สังเกตว่าฝีมือหนูพัฒนามากขึ้นทีเดียว  จะว่าไปมันเป็นสิ่งที่ดี ในการที่เราได้ครูหรือบุคคลที่มีความรู้มาเป็นผู้แนะนำนั้น
ตลอดถึงมีตัวอย่างหลากหลายให้ศึกษา ช่วยให้ฝีมือเราก้าวหน้าขึ้นเยอะ   ผิดกับอา อ๊ยพี่  สมัยที่แต่งกลอนใหม่ๆนั้น(นานมากแล้ว ราวยี่สิบปีเห็นจะได้)
การฝึกกลอนนั้นผงผัง หรือผู้แนะนำไม่มีหรอก ก็เราไม่ได้ศึกษามาทางนี้  ไม่ว่าจะผัง  คู่มือแนะนำการแต่ง  ล้วนไม่มีทั้งนั้น
แม้แต่กลอนที่จะหามาเป็นแบบอย่างสักบทมันช่างยากเย็นเต็มที  กลอนที่หาได้ก็อาจจะเป็นตามหนังสือธรรมะ ที่พระท่านแต่งเป็นคติธรรมคำกลอนแจกบ้าง
จากหนังสืองานศพ ที่เขาพิมพ์กลอนคติธรรมแจกบ้าง   แหล่งกลอนที่ถือว่ามีกลอนเยอะพอสมควรก็เห็นจะเป็นหนังสือ ศาลาคนเศร้า ซึ่งต้องเสียเงินซื้อ(ซึ่งถือว่ามีกลอนมากหน่อย)
กับอีกเล่มหนึ่งที่ลงกลอนระดับคุณภาพแต่ลงแค่ฉะบับละสองบท นั่นก็คือ วารสารตราไปรษณียากร
ฉะนั้นการแต่งโคลง กาพย์  กลอน  จึงเป็นอะไรที่นับคำ ชนิดเทียบกันแบบคำต่อต่อคำกันเลยทีเดียว กว่าจะจับแนวทางได้ก็นานพอดู
อีกอย่างสมัยก่อนแต่งเองอ่านเอง จึงไม่ได้แต่งบ่อยเหมือนเดี๋ยวนี้  นานๆถ้ามีอารมณ์แต่งถึงจะแต่งขึ้นมาสักครั้ง  
แล้วเวลาที่แต่งแล้วจะไปให้ใครอ่านเขาก็มองว่าเป็นพวกบ้ากลอน  นอกจากไม่ได้แสดงความชื่นชมยินดี แล้วหนำซ้ำยังจะดูถูกอีกต่างหาก
นี่มันเป็นชีวิตจริง  มันเหมือนกระทิงหลงฝูง หรือไผ่นอกกอ  ข้าวนอกนาอะไรประมาณนั้นแหละ
ฉะนั้นพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ไอ้ที่แต่งๆนี่ไม่ว่าจะเป็นกลอน  กาพย์ โคลง  แกะมาเองทั้งนั้นแหละ  คล้ายๆพวกนักโบราณแกะศิลาจารึกอะไรประมาณนั้น
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ครูกลอนที่แท้จริงของอา เอ๊ย พี่ ก็คือ บทกลอนที่ใช้ศึกษานั่นเอง หรือถ้าจะนับเป็นบุคคลก็ได้แก่ตัวผู้แต่งกลอนนั้นๆ
ฉะนั้นรุ่นหลังๆนี่จึงถือว่าโชคดีเป็นอย่างมาก ที่มีแหล่งกลอนให้ศึกษา  มีผู้รู้คอยให้คำแนะนำ  มีแผนผัง  มีกลอนตัวอย่างให้อ่านให้ศึกษากันอย่างมากมาย
อะไรที่ไม่เข้าใจ ถามอากู๋ เดี๋ยวเดียวก็ได้

เคล็ดลับสำคัญสำหรับการแต่งบทกลอนให้ดีนอกจากจะอาศัยแค่แผนผังกับวิธีการแต่งอย่างเดียวไม่ได้
จำเป็นจะต้องมีบทกลอนบทใดบทหนึ่งหรือหลายๆบท ที่แต่งดี แต่งถูกต้องตามฉันทลักษณ์มาเป็นแบบอย่างสำหรับท่องจำให้รู้จักท่วงทำนอง จังหวะจะโคนเสียก่อน
ถ้าอาศัยดูแต่แผนผังอย่างเดียวมักจะอยู่ไม่นาน  พอปล่อยแผนผังก็เป๋  การดูแค่แผนแล้วแต่งได้นั้นเป็นเรื่องของผู้ที่เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น
ฉะนั้น  กลอนตัวอย่างหรือบทครูนั้นจะสำคัญมาก  ถ้าได้ตัวอย่างที่ดี เราก็จะดีตามไปด้วย  ถ้าได้ตัวอย่างที่ไม่ดี เราก็จะพลอยแย่  คล้ายๆพ่อปูสอนลูกปูแบบนั้น

เสริมอีกข้อ เป็นข้อ ๕  คือ  แต่งเพื่อถ่ายทอดศิลปะ  การแต่งเพื่อถ่ายทอดศิลปะก็คือการแต่งกลอนด้วยใจรักในศิลปะนั่นเอง
ดังนั้น กลอนที่สื่อออกมาจึงเป็นบทกลอนที่มีคุณภาพ  มีความละเอียดอ่อน ตามความตั้งใจของผู้แต่ง






นักกลอนเพื่อน ๆ ของผมมีครูกันทั้งนั้น เป็นครูพักลักจำ  คือท่านสุนทรภู่  พวกเรานับถือท่านเป็นครูกันทุกคน
จึงศึกษาและสังเกตงานของท่าน และจดจำมาเป็นแบบอย่างเท่าที่จะทำได้  เพราะจะให้เหมือนครูเป๊ะ ๆ คงทำไม่ได้
ได้สังเกตการเล่นสัมผัสของท่าน  ท่านจะไม่มี"สัมผัสเลือน"เลย  ขอแนะนำว่าอย่าไปเรียนกับงานของคนอื่น
แม้แต่บางคนที่เขายกย่องกันว่าเป็น"กวี"  ยังเขียนผิดฉันทลักษณ์เลย

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, ปู่ริน, กามนิต, แป้งน้ำ, sunthornvit, yaguza, บูรพาท่าพระจันทร์, ..กุสุมา.., เฮยอิง, ช่วงนี้ไม่ว่าง, สะเลเต, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, สุนันยา, สล่าผิน, amika29, ลมหนาว, รพีกาญจน์, อริญชย์, Music

ข้อความนี้ มี 21 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เสี้ยวอารมณ์จากใจใครคนหนึ่ง
คงไม่ซึ้งจับใจใครทั้งหลาย
แค่มีใครคนหนึ่งซึ้งไม่คลาย
ก็สมหมายใครคนหนึ่งซึ่งรักกลอน
15 กุมภาพันธ์ 2012, 12:58:PM
..กุสุมา..
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 200
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 659

"ดอกคำหรือสีลาหรือกุสุมา"


kusuma_@windowslive.com
« ตอบ #24 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 12:58:PM »
ชุมชนชุมชน

                 บทกลอนของท่าน..บูรพา ท่าพระจันทร์ ส่วนมากที่ได้อ่านผ่านมา
                 เวลาอ่านเสียงเสนาะไพเราะมากเจ้าค่ะ
                 ข้าพเจ้ากำลังจะนำมาเป็นครูพักลักจำเจ้าเจ้าค่ะ ณ โอกาสนี้
                 ขอให้ท่านบูรพาท่าพระจันทร์อนุญาตด้วยน่ะเจ้าค่ะ
                 ตัวอย่าง.....บทกลอนท่านบูรพา ท่าพระจันทร์เจ้าค่ะ
                 บทเพลงแรก แปลกปร่า มาปลอบขวัญ
                 บทเพลงนั้น สรรค์สร้าง จากปางไหน
                 ช่างคุ้นหู หรูเสนาะ เพราะกระไร
                 แม่กล่อมให้ ได้ฟัง กระทั่งนอน

                 ตราบแม่สิ้น กลิ่นอาย มิหายจาก
                 ฦๅจะพราก ยากนัก ถ่ายรักถอน
                 ทุกวันคืน ตื่นมา ยังอาวรณ์
                 มิแคลนคลอน รอนรัก สักนิดเดียว.../
                      ด้วยความนับถือ                 
                               ..กุสุมา..

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : กามนิต, พี.พูนสุข, ...สียะตรา.., บูรพาท่าพระจันทร์, เฮยอิง, ช่วงนี้ไม่ว่าง, sunthornvit, สะเลเต, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, สุนันยา, สล่าผิน, amika29, ลมหนาว, รพีกาญจน์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 17 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 กุมภาพันธ์ 2012, 01:20:PM
...สียะตรา..
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 396
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,049


.


« ตอบ #25 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 01:20:PM »
ชุมชนชุมชน




 ยิ้มให้จ้ะ

......คงเป็นเพราะเป็นคนซึมซับรายละเอียดของสิ่งต่างๆรอบตัว..แล้ว...อยากสื่อสิ่งนั้นให้คนอื่นๆได้ร่วมรับรู้..ไม่ว่าดอกไม้เล็กๆบานแล้วสักดอก...น้องหมาตายแล้วหนึ่งตัว..บรา..บรา..บรา..อื่นๆอีกมากมาย...



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : กามนิต, พี.พูนสุข, ดาว อาชาไนย, บูรพาท่าพระจันทร์, เฮยอิง, ช่วงนี้ไม่ว่าง, สะเลเต, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, สุนันยา, สล่าผิน, amika29, Prapacarn ❀, ลมหนาว, รพีกาญจน์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 17 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 กุมภาพันธ์ 2012, 03:42:PM
บูรพาท่าพระจันทร์
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 848
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,717


ผู้นิยม..ชมรส..บทกานท์กลอน./


« ตอบ #26 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 03:42:PM »
ชุมชนชุมชน

                 บทกลอนของท่าน..บูรพา ท่าพระจันทร์ ส่วนมากที่ได้อ่านผ่านมา
                 เวลาอ่านเสียงเสนาะไพเราะมากเจ้าค่ะ
                 ข้าพเจ้ากำลังจะนำมาเป็นครูพักลักจำเจ้าเจ้าค่ะ ณ โอกาสนี้
                 ขอให้ท่านบูรพาท่าพระจันทร์อนุญาตด้วยน่ะเจ้าค่ะ
                 ตัวอย่าง.....บทกลอนท่านบูรพา ท่าพระจันทร์เจ้าค่ะ
                 บทเพลงแรก แปลกปร่า มาปลอบขวัญ
                 บทเพลงนั้น สรรค์สร้าง จากปางไหน
                 ช่างคุ้นหู หรูเสนาะ เพราะกระไร
                 แม่กล่อมให้ ได้ฟัง กระทั่งนอน

                 ตราบแม่สิ้น กลิ่นอาย มิหายจาก
                 ฦๅจะพราก ยากนัก ถ่ายรักถอน
                 ทุกวันคืน ตื่นมา ยังอาวรณ์
                 มิแคลนคลอน รอนรัก สักนิดเดียว.../
                      ด้วยความนับถือ                 
                               ..กุสุมา..



จะว่าไปแล้วยังไม่อยู่ในฐานะที่จะเรียกกันว่า"ครู"ได้หรอกครับ เป็นเพียงผู้ที่มีความรักความชอบในเรื่องบทกลอนเสียมากกว่า คงจะไม่เชื่อ
ถ้าจะบอกว่า เพิ่งมาเขียนกลอนอย่างจริงจังเป็นเรื่องเป็นราวก็เมื่อมาสมัครเป็นสมาชิกบ้านกลอนไทยนี่แหละ ก่อนหน้านี้เคยเขียนที่ราชดำเนิน
มาก่อนเริ่มเขียนประมาณปี 50 ซึ่งก็ไม่จริงจังอะไรนัก จากนั้นก็หยุดไปนาน มาเริ่มที่บ้านกลอนไทยเป็นที่ฝึกฝน เนื่องจากเป็นแหล่งรวมของ
ผู้ที่มีรสนิยมตรงกัน


บ้านกลอนไทยนี่แหละคือที่ฝึกฝนอย่างแท้จริง เนื่องจากมีผู้ที่เป็นแบบอย่างในเรื่องโคลงกลอนอยู่มาก ก็ได้อาศัยท่านเหล่านี้เป็นครูมาตลอด
ตราบทุกวันนี้ ซึ่งก็ขอขอบคุณอยู่ในใจมาตลอดครับ


                                      เคารพรัก

                                   บูรพาท่าพระจันทร์ 

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, เฮยอิง, sunthornvit, ช่วงนี้ไม่ว่าง, สะเลเต, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, สุนันยา, amika29, ลมหนาว, รพีกาญจน์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

"สั้น-ตรงเป้า-เร้าใจ"
15 กุมภาพันธ์ 2012, 04:38:PM
somkan
LV3 นักเลงกลอนประจำซอย.
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 19
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 29



« ตอบ #27 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 04:38:PM »
ชุมชนชุมชน

*แก้นิสัยใจร้อนด้วยกลอนเกลา
แก้ความเหงาง่วงหงอยค่อยคลายหาย
แก้ยามโกรธกรองร้อยค่อยสบาย
มิเคยหมายมุ่งใดให้ไกลเกิน.

 เคารพรัก... ได้ผลค่ะ..ใจเย็นขึ้นเยอะค่ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สะเลเต, ช่วงนี้ไม่ว่าง, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, บูรพาท่าพระจันทร์, สุนันยา, Prapacarn ❀, พี.พูนสุข, ลมหนาว, รพีกาญจน์, sunthornvit, อริญชย์, amika29, กามนิต

ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 กุมภาพันธ์ 2012, 04:47:PM
สะเลเต
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1101
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,335


ขอขอบคุณ..ภาพจากอินเตอร์เน็ต


« ตอบ #28 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 04:47:PM »
ชุมชนชุมชน

ได้พักผ่อน(ทั้งในที่ทำงาน-บ้าน)...ได้พูดคุยหยอกล้อกับตัวหนังสือ...(ปกติไม่ค่อยมีใครคบ)

---สะเลเต---

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ช่วงนี้ไม่ว่าง, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, บูรพาท่าพระจันทร์, สุนันยา, สล่าผิน, Prapacarn ❀, พี.พูนสุข, ลมหนาว, รพีกาญจน์, sunthornvit, อริญชย์, amika29

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 กุมภาพันธ์ 2012, 04:50:PM
ช่วงนี้ไม่ว่าง
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 358
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 792



« ตอบ #29 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 04:50:PM »
ชุมชนชุมชน


๔. เขียนเพื่อเอาชนะตนเอง เอาชนะความไม่รู้ของตนโดยหัดเขียนกลอนกระนั้นพอเราเขียนกลอนได้ก็จะมี โคลง,กาพย์,กลอน,ฉันท์ มาให้เรียนรู้อีก พิมพ์วาสขายหน้าเมื่อคราวันสุนทรภู่ตอนประถม ๕ เลยหันมาเขียนกลอนตอนนั้นเข้ามาในบ้านกลอนใหม่ๆ ครามาครั้งแรกก็โดนท่านสมาชิคติชมกลอนขอยอมรับนะคะว่าเขียนกลอนไม่ได้ไม่เป็นจริงๆในขณะนั้นขนาดผังก็ยังต้องเอามาดูเลยสัมผัสระหว่างบทก็ยังไม่รู้จัก หรือแม้แต่สัมผัสใน สัมผัสสระเป็นอย่างไร สัมผัสอักษรเป็นอย่างไรยังไม่ทราบเลค่ะ ถึงว่าไปย้อนอ่านกลอนตัวเองดูถึงรู้ว่าตลก หรือจะพูดได้ว่าเขียนไม่เป็นเลย เขียนไม่ได้เลยก็ว่าได้ค่ะ ประมาณกระทู้ที่ ๓๐๐ กว่าๆถึงจะรู้ตัวว่าเขียนไม่ได้เรื่องเลยข้อความแต่ละขอความที่ส่งมาพิมพ์วาสขอยอมรับนะคะว่าอ่วมใจเลยจนเต็มไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ต้องกราบขอบพระคุณค่ะ พิมพ์วาสว่า พิมพ์วาสไม่ได้เขียนเพื่อะไรทั้งนั้นหละคะเขียนเพราะมันติดมากกว่ากระมังคะ เพราะว่าพอเขียนบ่อยๆแล้วมันจะจำได้จากนั้นสิ่งที่เรารู้เราก็จะรู้มากขึ้นจากนั้นก็จะแผ่ขยายความรู้แตกออกไปอีก แล้วพอเราหยุดทำมันก็จะลืม ที่ว่าติดนี่หมายถึงว่าเมื่อคราไม่ได้เขียนแล้วมันจะ รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะเขียนขึ้นมาเฉยๆก็ประมาณนี้ค่ะ เขียนเพราะว่าเราชอบค่ะเรามีความสุขกับมันก็เขียนไปเถอะค่ะ ประมาณนั้นกระมังคะ

กาพย์กลอนฉันลิลิตรวิจิตรบท
งามถ้อยรสพจน์คำแสนล้ำศิลป์
เจรียงความงามถ้อยนำร้อยสิ้น
ให้เป็นถิ่นรินกลอนอักษรไทย

หนูพิมพ์วาสจ๋า  ช่วงหลังๆนี่อา  เอ๊ย  พี่สังเกตว่าฝีมือหนูพัฒนามากขึ้นทีเดียว  จะว่าไปมันเป็นสิ่งที่ดี ในการที่เราได้ครูหรือบุคคลที่มีความรู้มาเป็นผู้แนะนำนั้น
ตลอดถึงมีตัวอย่างหลากหลายให้ศึกษา ช่วยให้ฝีมือเราก้าวหน้าขึ้นเยอะ   ผิดกับอา อ๊ยพี่  สมัยที่แต่งกลอนใหม่ๆนั้น(นานมากแล้ว ราวยี่สิบปีเห็นจะได้)
การฝึกกลอนนั้นผงผัง หรือผู้แนะนำไม่มีหรอก ก็เราไม่ได้ศึกษามาทางนี้  ไม่ว่าจะผัง  คู่มือแนะนำการแต่ง  ล้วนไม่มีทั้งนั้น
แม้แต่กลอนที่จะหามาเป็นแบบอย่างสักบทมันช่างยากเย็นเต็มที  กลอนที่หาได้ก็อาจจะเป็นตามหนังสือธรรมะ ที่พระท่านแต่งเป็นคติธรรมคำกลอนแจกบ้าง
จากหนังสืองานศพ ที่เขาพิมพ์กลอนคติธรรมแจกบ้าง   แหล่งกลอนที่ถือว่ามีกลอนเยอะพอสมควรก็เห็นจะเป็นหนังสือ ศาลาคนเศร้า ซึ่งต้องเสียเงินซื้อ(ซึ่งถือว่ามีกลอนมากหน่อย)
กับอีกเล่มหนึ่งที่ลงกลอนระดับคุณภาพแต่ลงแค่ฉะบับละสองบท นั่นก็คือ วารสารตราไปรษณียากร
ฉะนั้นการแต่งโคลง กาพย์  กลอน  จึงเป็นอะไรที่นับคำ ชนิดเทียบกันแบบคำต่อต่อคำกันเลยทีเดียว กว่าจะจับแนวทางได้ก็นานพอดู
อีกอย่างสมัยก่อนแต่งเองอ่านเอง จึงไม่ได้แต่งบ่อยเหมือนเดี๋ยวนี้  นานๆถ้ามีอารมณ์แต่งถึงจะแต่งขึ้นมาสักครั้ง  
แล้วเวลาที่แต่งแล้วจะไปให้ใครอ่านเขาก็มองว่าเป็นพวกบ้ากลอน  นอกจากไม่ได้แสดงความชื่นชมยินดี แล้วหนำซ้ำยังจะดูถูกอีกต่างหาก
นี่มันเป็นชีวิตจริง  มันเหมือนกระทิงหลงฝูง หรือไผ่นอกกอ  ข้าวนอกนาอะไรประมาณนั้นแหละ
ฉะนั้นพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ไอ้ที่แต่งๆนี่ไม่ว่าจะเป็นกลอน  กาพย์ โคลง  แกะมาเองทั้งนั้นแหละ  คล้ายๆพวกนักโบราณแกะศิลาจารึกอะไรประมาณนั้น
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ครูกลอนที่แท้จริงของอา เอ๊ย พี่ ก็คือ บทกลอนที่ใช้ศึกษานั่นเอง หรือถ้าจะนับเป็นบุคคลก็ได้แก่ตัวผู้แต่งกลอนนั้นๆ
ฉะนั้นรุ่นหลังๆนี่จึงถือว่าโชคดีเป็นอย่างมาก ที่มีแหล่งกลอนให้ศึกษา  มีผู้รู้คอยให้คำแนะนำ  มีแผนผัง  มีกลอนตัวอย่างให้อ่านให้ศึกษากันอย่างมากมาย
อะไรที่ไม่เข้าใจ ถามอากู๋ เดี๋ยวเดียวก็ได้

เคล็ดลับสำคัญสำหรับการแต่งบทกลอนให้ดีนอกจากจะอาศัยแค่แผนผังกับวิธีการแต่งอย่างเดียวไม่ได้
จำเป็นจะต้องมีบทกลอนบทใดบทหนึ่งหรือหลายๆบท ที่แต่งดี แต่งถูกต้องตามฉันทลักษณ์มาเป็นแบบอย่างสำหรับท่องจำให้รู้จักท่วงทำนอง จังหวะจะโคนเสียก่อน
ถ้าอาศัยดูแต่แผนผังอย่างเดียวมักจะอยู่ไม่นาน  พอปล่อยแผนผังก็เป๋  การดูแค่แผนแล้วแต่งได้นั้นเป็นเรื่องของผู้ที่เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น
ฉะนั้น  กลอนตัวอย่างหรือบทครูนั้นจะสำคัญมาก  ถ้าได้ตัวอย่างที่ดี เราก็จะดีตามไปด้วย  ถ้าได้ตัวอย่างที่ไม่ดี เราก็จะพลอยแย่  คล้ายๆพ่อปูสอนลูกปูแบบนั้น

เสริมอีกข้อ เป็นข้อ ๕  คือ  แต่งเพื่อถ่ายทอดศิลปะ  การแต่งเพื่อถ่ายทอดศิลปะก็คือการแต่งกลอนด้วยใจรักในศิลปะนั่นเอง
ดังนั้น กลอนที่สื่อออกมาจึงเป็นบทกลอนที่มีคุณภาพ  มีความละเอียดอ่อน ตามความตั้งใจของผู้แต่ง



จะพี่หรือจะอา เอาให้แน่

สับสนทางวัยหรือไงลุง

--ณัชชา--


 งง....


วัยของตัวเองไม่สับสน   แต่กำลังสับสนวัยของคนที่กำลังพูดด้วย  เลยไม่รู้ว่าจะวางตัวเองไว้ในฐานะอะไร  ขำขี้แตกขี้แตน
(ยังสงสัยว่าแม่หนูนั้นอยู่ป.๖ดังเอ่ยอ้างจริงหรือ โฮ่ะ ๆๆๆ  )



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, บูรพาท่าพระจันทร์, สุนันยา, สล่าผิน, amika29, พี.พูนสุข, ลมหนาว, รพีกาญจน์, sunthornvit, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 กุมภาพันธ์ 2012, 04:52:PM
ช่วงนี้ไม่ว่าง
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 358
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 792



« ตอบ #30 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 04:52:PM »
ชุมชนชุมชน

ได้พักผ่อน(ทั้งในที่ทำงาน-บ้าน)...ได้พูดคุยหยอกล้อกับตัวหนังสือ...(ปกติไม่ค่อยมีใครคบ)

---สะเลเต---



หวัดดีพี่  ไม่มีใครคบ คบกับเพลิงสิ หัวเราะยิ้มๆ



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สะเลเต, กังวาน, Thammada, ดุลย์ ละมุน, บูรพาท่าพระจันทร์, สุนันยา, สล่าผิน, Prapacarn ❀, พี.พูนสุข, ลมหนาว, รพีกาญจน์, sunthornvit, อริญชย์, amika29

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 กุมภาพันธ์ 2012, 05:04:PM
กังวาน
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 904
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,505



« ตอบ #31 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 05:04:PM »
ชุมชนชุมชน

เขียนกลอนไว้หลอกผู้หญิง แต่โดยมากจะโดนผู้หญิงหลอกครับ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Thammada, panthong.kh, ดุลย์ ละมุน, บูรพาท่าพระจันทร์, สุนันยา, สล่าผิน, ช่วงนี้ไม่ว่าง, amika29, Prapacarn ❀, พี.พูนสุข, ลมหนาว, รพีกาญจน์, sunthornvit, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ถ้ารู้สึกพอ ก็เป็นสุขทันที
15 กุมภาพันธ์ 2012, 05:56:PM
พิมพ์วาส
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 422
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


Pretending is the beginning of changes.


profile.php?id=100002905344846
« ตอบ #32 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 05:56:PM »
ชุมชนชุมชน

วัยของตัวเองไม่สับสน   แต่กำลังสับสนวัยของคนที่กำลังพูดด้วย  เลยไม่รู้ว่าจะวางตัวเองไว้ในฐานะอะไร ขำขี้แตกขี้แตน 
(ยังสงสัยว่าแม่หนูนั้นอยู่ป.๖ดังเอ่ยอ้างจริงหรือ โฮ่ะ ๆๆๆ)

พิมพ์วาสใกล้ขึ้น มัธยม ๑ แล้วนะคะ ตื่นเต้น ตื่นเต้น
ใกล้จะสอบ O-NET วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ นี้แล้วหละคะ ต้องอัดหนังสือ
ไว้ให้เต็มสมองก่อน กลอนเขียนบ้างเล่นบ้าง
ถ้าพิมพ์วาสท่อง สูตรเลขเป็นกลอนได้คงจะดีนะคะแต่คึงจะยุ่งยากน่าดู อิอิ..
ขำแบบกระแดะหน่อยๆ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Thammada, สุนันยา, สล่าผิน, ช่วงนี้ไม่ว่าง, บูรพาท่าพระจันทร์, amika29, Prapacarn ❀, พี.พูนสุข, ลมหนาว, กังวาน, รพีกาญจน์, sunthornvit, อริญชย์, กามนิต

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความผกผันของเวลา  เฉือนเจตนาของอารมณ์
15 กุมภาพันธ์ 2012, 05:57:PM
Thammada
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 342
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 229


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


« ตอบ #33 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 05:57:PM »
ชุมชนชุมชน

เพราะเรามิใช่...อริยชน
ยังย่างเหยียบอยู่บนทางปรารถนา
ร้อยหลากมากมุ่งปรุงแต่งเติมทางอย่างมายา
และ ค้นหาค่าบางสิ่งวิ่งตามลมร้ายมาหายใจ
มวลมิตรสิทธิ์เสรีที่สรรค์สร้างอย่างยิ่งใหญ่ในอักษร
สู่สะท้อนทุกทำนองของชีวิตความคิดฝันวันวาดไว้
ด้วยรู้สึกนึกน้อมพร้อมแบ่งปันแห่งวันวัย
ศาสตร์ศิลป์ใส่หัวใจตนบนความกล้าพยายาม

เขียนเพราะ อยาก จะเขียนนะครับ
ไม่อยาก เขียนก็ไม่เขียนครับ แค่นั้น
เรามองความหวังเป็นกำไร???
หรือความตั้งใจบนความจริง
 เคารพรัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สุนันยา, สล่าผิน, ช่วงนี้ไม่ว่าง, บูรพาท่าพระจันทร์, amika29, Prapacarn ❀, พี.พูนสุข, ลมหนาว, กังวาน, รพีกาญจน์, sunthornvit, อริญชย์, กามนิต

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 กุมภาพันธ์ 2012, 10:40:PM
ลมหนาว
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 185
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 326


พลิ้วไหวไปตามลม , นักกลอนสมัครเล่น


« ตอบ #34 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2012, 10:40:PM »
ชุมชนชุมชน

ความรู้สึกลึกลึกนึกสรรสร้าง
ไม่แตกต่างเพื่อนพ้องน้องพี่ท่าน
เขียนไปตามงามศิลป์จินตนาการ
สุขสำราญยามว่างพลางผ่อนคลาย
เพิ่งฝึกเรียนเขียนกลอนตอนสมัคร
ชักหลงรักลานวจีที่เฉิดฉาย
แม้ไม่เก่งเจ๋งแจ๋วแนวแต่งร่าย
เฝ้าเวียนว่ายเขียนไปตามใจตน
ยินปี่กลองก้องดังได้ฟังแล้ว
ต้องออกแนวรำป๋อจ้อทุกหน
ว่างเมื่อไรใฝ่หาสาละวน
คอยคิดค้นถักถ้อยร้อยบทกลอน


ส่งจูบจ้ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ช่วงนี้ไม่ว่าง, Thammada, พี.พูนสุข, กังวาน, รพีกาญจน์, sunthornvit, อริญชย์, บูรพาท่าพระจันทร์, amika29, กามนิต

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
16 กุมภาพันธ์ 2012, 11:34:AM
รพีกาญจน์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 3482
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,752


ทุกคนมีเครดิต แต่ทำลายได้ง่าย สร้างขึ้นใหม่ได้ยาก


« ตอบ #35 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2012, 11:34:AM »
ชุมชนชุมชน


ชอบตีเคาะ เพราะมือ ไม่อยู่สุข
ชอบสนุก เฮฮา ประสาเถื่อน
ชอบทำตรม ขมเขรอะ แสร้งเลอะเลือน
ชอบแหย่เพื่อน นินทา ด่าเจ้านาย

เพราัะเสบย เคยได้ รับใช้วัด
เพราะถนัด รับจ้าง ร่างจดหมาย
เพราะใจซื่อ มืออ่อน รำฟ้อนฟาย
เพราะเดินสาย แบกกลอง ร้องรำวง

จึงรู้คำ นำคล้อง-จองสัมผัส
จึงรู้จัด ข้อความ ตามประสงค์
จึงรู้รับ ขับถอย ลอยขึ้นลง
จึงเขียนโคลง ชงกานท์ อ่านทุกวัน

 ชอบใจๆ

รพีกาญจน์ 59

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : sunthornvit, Prapacarn ❀, พี.พูนสุข, อริญชย์, ช่วงนี้ไม่ว่าง, ลมหนาว, กังวาน, Thammada, บูรพาท่าพระจันทร์, amika29, กามนิต

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s