O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
20 เมษายน 2024, 05:03:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O  (อ่าน 3502 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
07 กรกฎาคม 2014, 09:53:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2014, 09:53:PM »
ชุมชนชุมชน

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2009&date=09&group=11&gblog=151







O และแล้วก็มองเห็นความเป็นจริง
ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง..เพียงร่างฝัน
ปรากฎขึ้นเป็นโจทก์..ชี้โทษทัณฑ์
เพื่อสุมใส่โศกศัลย์..เข้าพันธนา
O ถวิลถึงก็วิตกสะทกสะท้อน
ฑิฆัมพร..เฝ้าแต่เหลียวแลหา
ลอยเด่นกลางสรวงนั่น..คือจันทรา
จนเกินมือเอื้อมหา..เพื่อคว้าดึง !
O เคว้งคว้างอยู่กลางคลื่นที่ตื่น..คลั่ง
คลื่นเทวษที่ลึกดั่ง..เกินหยั่งถึง
รอวิญญาณไร้สิทธิ์..ลงติดตรึง-
อยู่ก้นบึ้งโศกศัลย์..ในบั้นปลาย
O อีกครั้ง..และอีกครา-ความอาวรณ์-
ต้องขาดตอนขาดช่วงจนล่วงหาย
อีกครั้งที่อาลัยจากใจชาย-
ต้องวอดวายล่มคา .. รูปปรารมภ์
O แล้วอีกหนึ่งใจชายก็คล้ายว่า-
จะต้องทัณฑ์ทรมาจนสาสม
เมื่องามหนึ่งรูปละม่อมเคยจ่อมจม
ต้องมาล่มลับหายกับสายกาล
O รูปเอยรูปงามเยาว์..ดั่งเงาล้อม
เคยฤๅจะห่างห้อม..งำหอมหวาน
เคยหลั่งหลอม-เสพรับอยู่นับนาน
จะล่วงลาญฤๅสิ้นจากถิ่นทรวง
O เสียเจ้า-เยาวรูป..ราวสูบสั่ง-
จากเทพทวงเปล่งปลั่ง-คืนฝั่งสรวง
มอบเปล่าเปลี่ยวสุมสั่ง..ใจทั้งดวง
เป็นภาพลวงรองรับความอับปรา
O จะมีหรือกาลหวนให้จวน-จบ
แต่นี้ตราบผืนภพ..ดินกลบหน้า
คงรอคอยเงียบเหงาให้เจ้ามา-
ฉุดลากอาดูรถวิล..ให้สิ้นลง
O นี่หรือ..ปวดร้าว..เจ็บ..อันเหน็บหนาว
ในทุกก้าวย่างรุดเหมือนสุดบ่ง
นี่หรือ..ความขมขื่นที่ยืนยง
คล้ายสืบส่งสมสั่ง..จนคั่งคา
O จะเจ็บจำฝังใจจนได้เห็น-
ใจที่เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า
เพื่อปลดปล่อยโทษทัณฑ์ให้บรรดา-
ชายอื่นรอเยี่ยมหน้าด้วยสาใจ
O เทพผู้กอปรฤทธีทั้งสี่โลก
พึงอวยโศกครอบอก-จนหมกไหม้
เอื้อดวงจิตหลอมเหลวด้วยเปลวไฟ
เผาผลาญให้มอดสิ้นทั้งจินตา
O จะเกิดดับกี่วัฏฏะวงรอบ
จักนบนอบด้วยเล่ห์เสน่หา
ยอมให้เหยียบย่ำเล่นเหมือนเป็นมา
ในทุกกาละภพที่พบกัน
O อย่าได้คลายอาวรณ์ที่เคยมี
ในทุกที่ทางเที่ยวจะเหลียว-หัน
จะรอคอยย่ำเหยียบ..อย่างเงียบงัน
รอเท้าเรียวคู่นั้น..เหยียบ-หยันเทอญ


ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 กรกฎาคม 2014, 06:43:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #1 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2014, 06:43:PM »
ชุมชนชุมชน

O สิ้นสวาท .. O


O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 กรกฎาคม 2014, 06:51:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #2 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2014, 06:51:PM »
ชุมชนชุมชน

O ใบไม้ .. ที่ร่วงหล่น O


O ผ่านหนาวจะเข้าร้อนอีกตอนแล้ว
เพื่อพร่างแพร้วครองหาวอีกคราวหน
จะชวาลโชติช่วงถึงดวงมน
หรือหมองหม่นให้เผชิญก็เกินรู้
O จะถึงกาลไม้ปวง .. ใบร่วงหล่น
ขณะที่ใจคน .. วกวนอยู่
รอสินะ .. รูปเห็นให้เอ็นดู
รอวกเวียนความสู่ให้รู้นัย
O ใจเอย .. หัวใจคน
ฤๅอาจพ้นขีดขั้น .. ความหวั่นไหว
เมื่อเสพหอมหวานนั้น .. ทุกวันไป
จะอย่างไรมิใช่หิน .. ย่อมยินดี
O รับรู้และรับทราบว่าภาพฝัน-
จักห่างร้างไกลกัน .. แต่วันที่-
เห็นการตอบร่วมนัย .. รับไมตรี
จึงวันนี้เส้นทาง .. ยอม-ห่างไกล
O เช่นใบไม้หล่นคว้างที่กลางป่า
ลมผ่านพาพลิ้วพลิกระริกไหว
เกิดขึ้นมา .. ดำรง .. ปลิดปลงไป
ฤๅมิใช่รอบเวียนการเปลี่ยนแปลง
O ใจเอย .. หัวใจคน
จะหมองหม่น .. เปล่าเปลี่ยว .. หรือเหี่ยวแห้ง
ยังต้องก่อคมคำทุกสำแดง
ยังเสแสร้งทำไป .. นะใจเอย
O ที่ไม่รู้ .. ดูไปย่อมไม่เห็น
เถิด-ซ่อนเร้น .. เอาไว้อย่าได้เผย
อย่างไรเสียเหนี่ยวหน่วงให้ล่วงเลย
อย่าได้เอ่ย .. ให้ทราม .. ภาพงามนั้น
O เมื่อถึงกาลคุณค่าหนึ่งพร่าไหว
จนรอบแรงอาลัยเริ่มไหวสั่น
เสียงนก .. ใบไม้ร่วง .. ลม .. ดวงวัน
ราวกล่อมขวัญให้สดับ..ยอม- รับรู้-
O -ว่า .. สายหยุด .. หยุดกลิ่นแต่สิ้นสาย
คือความหมายสุดขืนให้คืนสู่
จะค่อยห่างร้างเห็น .. ห่างเอ็นดู
ห่างนัยชู้ .. เคยกระชับอยู่กับใจ
O ย่อมไม่อาจเป็นดาวเที่ยวล้อมเดือน
ไม่อาจเคลื่อนคล้อยตาม .. งดงามได้
ลำดวนเอ๋ยมาจะร้าง .. จนห่างไกล
เหลือเก็บให้ - ละห้อย, ถวิล .. ตราบสิ้นลม !

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 กรกฎาคม 2014, 06:55:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #3 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2014, 06:55:PM »
ชุมชนชุมชน

O เพียงเพื่อจะเลือนลับ .. O

-1-
O จาก-สองใจสบกันแต่วัน-เห็น
วันนี้เส้นทางขนานตัดผ่านฝัน
คล้ายชั่วยาม .. ชื่นบานแห่งวานวัน
คลี่โอบขวัญ-ก่อนลับเลือนกับลม
O ไร้ร่องรอย-เจ็บปวด, ความรวดร้าว
ทุกเรื่องราวจำเพาะต่าง .. เหมาะสม
รอบด้านยัง-สดชื่น, ยังรื่นรมย์
คล้าย-ไม่เศร้ารันทม .. นขมเลย

-2-
O ร้างสิ้นเสียงออดอ้อน, ทอดถอนใจ
หมดสิ้นข้อสงสัย-จะใคร่เอ่ย
มอดดับแล้ว .. แสงวิจิตร, ให้ชิดเชย
จะล่วงเลยลับร้างจนห่างไกล
O คืนจังหวะมัวหมองทำนองฝน
ผ่านฟากฟ้าอึงอล .. ก่อนหล่นไหล
หยาดน้ำเย็นหยดเนื้อ-ล้างเยื่อใย
ล้าง .. คราบไคลอาวรณ์ให้ผ่อนเบา
O ท่วงทำนองคร่ำครวญในส่วนฟ้า
ฤๅเปรียบท่าทีครวญ .. กำสรวลเศร้า
รันทดด้วยอ้างว้าง-แต่ร้างเงา-
ผู้ใฝ่เฝ้าจดจ่อ .. มุ่งรอคอย
O และคล้ายโลกแหลกลง .. ที่ตรงหน้า
ทรมาโหมแล้ว .. ใช่แผ่วค่อย
เมื่อดวงวันสิ้นผกาย .. ให้หมายรอย
เตือนเศร้าสร้อย, ชอกช้ำ-เร่งทำนอง
O คล้ายคล้ายในอกทรวง .. มา-กลวงเปล่า
เมื่องามเงาตาเหมือน-คล้ายเลือนล่อง
เงาในตาเคยระยับให้จับจอง
เคยสาดส่องนำวิถี .. แห่งชีวิต
O เหมือนสูญเสียตัวตน .. ให้หม่นหมอง
ขุ่น, ขัดข้อง-เหน็บหน่วงทั้งดวงจิต
ดวงตาและดวงใจเคยใกล้ชิด
มาจะบิดเบือนร้าง .. จืดจางรอย
O สีเอย .. สีสันในวันเก่า
มาซีดซึมทึมเทา .. จนเศร้าสร้อย
ร้างสิ้นรูปใฝ่ฝัน .. ให้มั่นคอย
เหลือเงียบหงอยรุมประชิดทั้งจิตใจ

-3-
O ควรมีหรือ .. เงื่อนไข-เมื่อใจรัก
เห็นแต่ควร-แน่นหนัก .. รู้จักให้
เหมือนผ่าวผ่านสายน้ำ, ลมร่ำไอ
ก่อระลอกระริกไหลอยู่ในยาม
O ดังสายน้ำหลากไปยากไหลกลับ
ระลอกทับโถมรุดก็สุดห้าม
เหมือนสุดคิดไขว่คว้า-พยายาม
แต่เนตรวามวาบเชื้อ .. สิ้นเยื่อใย
O เปลี่ยนได้หรือ-เยี่ยงไรจะได้เล่า?
บิดร้อนเร่ากำสรด-เป็นสดใส
ท่วงทีแห่งวันวานเมื่อผ่านไป
ต้องยื้อฉุดเยี่ยงไร .. จึงได้คืน

-4-
O แม้นช่วงร้อนค่ำคืน .. จำกลืนเก็บ
ความหนาวเหน็บแทรกสู่ .. สุดรู้-ขืน
ก็ควรแล้วชอกช้ำ .. ให้กล้ำกลืน
ควรว่าตื่นใจร่ำ .. รู้อำลา
O จาก-สองใจสบกันแต่วันก่อน
จนสุมซ่อนร่างเงา .. ให้เฝ้าหา
ชั่วแสงทอด .. รูปนิมิตเคยติดตา
กลับดูคล้ายกับว่า .. ไม่เคยมี !

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 กรกฎาคม 2014, 07:00:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #4 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2014, 07:00:PM »
ชุมชนชุมชน

O ฤๅจะเช่น .. หยาดน้ำค้าง ? O



O ร่ำหลอมหวานระคน .. เสียข้นเข้ม
ตราบเติบเต็มล้นล่วง .. ทาบทวงขวัญ
เนิ่นนานที่แรมใจของใคร-พลัน-
เช่นเสี้ยวจันทร์ซ่อนเร้น .. ยอมเพ็ญดวง
O จันทร์เมื่อเพ็ญพร่างพร้อย .. ย่อม .. คล้อยแรม
หากใจแจ่มเพียบเพ็ญ .. สุดเร้นล่วง
จะยอแสงละมุนทาบ .. ลงฉาบทรวง
ผ่านนัยน์ตาระยับยวง .. เฝ้าช่วง .. ชาย
O เกรงม่านหมอก, อำพราง .. ตอนสางตรู่
บดบังรู้ .. บริสุทธิ์แห่งจุดหมาย
เมื่อหยาดแก้วเกล็ดรื้นถูกกลืน, กลาย
ค่อยค่อยร้างระเหยหาย .. กับสายลม
O ฉ่ำชื้นบนยอดหญ้า .. จะพร่าเลือน
สิ้นดาวเดือน, งามระยับ-จะลับล่ม
งามเอย .. งามละม่อมเคยจ่อมจม
มาจะล้มลงวายเมื่อปลายคืน
O ระเหิดระเหย-ร้าง .. น้ำค้างหยาด
ก่อน .. บำราศดินแดนทั้งแผ่นผืน
เกรง .. ระเหยห่างภพ .. จนกลบกลืน-
คือหยาดน้ำใจรื้น .. เคยตื่นรับ
O เกรง .. จะเช่นน้ำค้าง .. ตอนสางรุ่ง
เพียงเรื่อรุ้งแสงพลอดก็มอดดับ
สิ้นผกายเกล็ดแก้ว .. เคยแวววับ
เหลือหม่นหมองโจมจับ .. ลำดับนั้น
O ลมอุษาพลิ้วผ่าน .. ฝ่าลานหญ้า
เมื่อรูปรอยคุณค่า .. เริ่มพร่า-สั่น
จะเริดร้างรูปตระการแห่งวานวัน
เพื่อจะโอนหวาดหวั่น .. ลงสัญญา
O พร้อมวิหคครวญคร่ำ .. ลมร่ำสาย
ก็กลับคล้ายรอคอย .. ละห้อยหา
ยังวก-วน .. เวียนอยู่ .. ไม่รู้ลา
ทรมาทรมานอยู่ .. นานครัน
O เกรง .. ถึงคืนวันพระจันทร์เพ็ญ
จะลอบเร้นภาคแรม .. เข้าแซมฝัน
เกรง .. เมื่อความมั่นใจห่างไกลกัน
จะลบเลือนผูกพัน .. นิรันดร !

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 กรกฎาคม 2014, 08:53:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #5 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2014, 08:53:PM »
ชุมชนชุมชน

O คนละโลก O


O ให้คลั่งแค้นแน่นอกนรกสุม
เหมือนเพลิงรุมดวงจิตยากคิดหนี
เอ่ยคำให้เป็นสัตย์ต่อปฐพี
ตราบวันนี้ .. ทุกชาติให้ขาดกัน
O หากเจ้านั้นร่อนเร่ทะเลกว้าง
ขอยอมร้างห่างไปอยู่ไพรสัณฑ์
หากเจ้าอยู่ใต้ช่วงแสงดวงวัน
ขออยู่ใต้เงาจันทร์นิรันดร์ไป
O หากเจ้าขึ้นสวรรค์ไปชั้นหก
ขอยอมเล็ดลอดนรก .. จม-หมกไหม้
หากว่าเจ้ารายล้อมด้วยหอมใด
ขอยอมไร้ฆานประสาททั้งชาตินั้น
O แม้นเสียงเจ้าไพเราะรินเซาะสู่
ขอช่องหูบอดดับ .. รำงับสั่น
หากโฉมเจ้าเผยรูปเพียงวูบ, พลัน-
ให้ตานั้นบอดสิ้นด้วยยินดี
O แม้นเจ้าพันผูกใจด้วยไพรกว้าง
ขอแรมร้างทางมุ่งสู่กรุงศรี
แม้เจ้าแรมรอนฝ่าห้วงวารี
ขอหลีกลี้ไปบกทุกศกยาม
O หากเป็นเจ้าสูงศักดิ์ คนรักใคร่
ขอเป็นไพร่อบร่ำด้วยคำหยาม
หากเจ้าเป็นครุฑกล้ากลางฟ้าคราม
ไม่ครั่นคร้ามขอข้าเป็นนาคี
O แล้วตั้งจิตปรารถนาให้ปรากฏ-
ความใจคดงอหัก .. ด้วยศักดิ์ศรี
กรีดมีดตัดชายสไบ .. ตัด-ไมตรี
นานจนกี่ชาติภพ .. อย่าพบพาน ! 
ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s