จิตวิทยา-พัฒนาตนเอง
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
28 เมษายน 2024, 01:12:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จิตวิทยา-พัฒนาตนเอง  (อ่าน 8325 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
18 พฤษภาคม 2013, 08:46:PM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2013, 08:46:PM »
ชุมชนชุมชน

กล่อมเกลาและขัดเกลาตัวตน ด้วย"จิต"
(สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนตัวเอง หรือชื่นชอบ
ในการพัฒนาตนเองครับ)

ก่อนนอน และตื่นนอน (และเวลาว่างๆเงียบๆก็ได้)
ให้บอกตัวเอง (ก่อนนอนถ้าเปิดเพลงโมสาร์ทนั่นฟังด้วย
จะทำให้สงบและผ่อนคลายได้มากเลยทีเดียว)
บอกตัวเองว่า ..
อันแรก เพื่อความเชื่อมั่นในตนเองอย่างมาก (สำคัญมาก)
ในทุกวันต่อไปนี้ เรามีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก
มีความเชื่อมั่นในทุกสิ่งที่ตัวเองทำ มั่นใจในตัวเองอย่างแท้จริง
และมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในทุกวัน ในทุกวันต่อไปนี้
เรามีความเชื่อมั่นมาก และสามารถประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่หวัง
ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ทำ สมความปรารถณาทุกประการ

อันที่สอง เรื่องการเรียน (เรียนรู้อย่างรวดเร็ว)
ในทุกวันต่อไปนี้ เรารักเรียน และเรียนด้วยความรัก
มีความตั้งใจ มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ และขยันหมั่นเพียรอย่างมาก
เราสามารถเรียนรู้ทุกสิ่ง ทุกเรื่องได้อย่างรวดเร็ว
มีความคิดดี คิดสร้างสรรค์ คิดได้อย่างถูกต้องในทุกสิ่ง ทุกเรื่อง
ในทุกวันต่อไปนี้ เรามีสมาธิและความจำที่ดีขึ้นอย่างมาก
เราสามารถเลือกเก็บเลือกใช้ข้อมูลได้อย่างเหมาะสม
และจัดสรรค์เวลาได้เป็นอย่างดี ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง
เลือกทำในสิ่งที่ควรทำอย่างมุ่งมั่น
และประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ทำ ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

อันที่สาม เพิ่มพลังสมาธิและความสงบให้จิตใจเรา
ในทุกวันต่อไปนี้ จิตใจของเราเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความสงบ
จิตใจและร่างกายของเราสงบและผ่อนคลายมาก
ความเครียด ความวิตกกังวล และความคิดในเชิงลบทั้งหมด
หายไปจากทุกส่วนในจิตใจเรา ทุกวันนี้เรามีความสุข สงบ สบาย
จิตใจที่สงบสุขและผ่อนคลายของเรา ดึงดูดแต่สิ่งดีเข้ามาในชีวิต
ความสุขสงบของเรานั้นถ่ายทอดไปถึงทุกคนรอบตัวเรา
เรามีความสงบ และผ่อนควาย มีความสุขมากขึ้นในทุกทุกวัน

อันที่สี่ ดึงดูดคนดีๆเข้ามาในชีวิต (เนื้อคู่ !?)
ทุกวันต่อไปนี้ เรามีความคิดที่ดีงาม เราปลดปล่อยความคิดดีๆ
ความรัก ความอบอุ่น ความปรารถณาดี ต่อทุกคนในครอบครัว
ต่อเพื่อนทุกคน และต่อทุกคนในสังคม
ทุกคนสัมผัสได้ถึงความรัก ความอบอุ่นในจิตใจส่วนลึกของเรา
จิตใจที่ดีงามของเรา ดึงดูดคนดีและสิ่งดีเข้ามาในชีวิตเสมอ
จิตใจของเราล้วนเต็มเปี่ยมด้วยความปรารถณาให้ทุกคนมีความสุข
ปรารถณาให้ทุกคนพ้นจากทุกข์ ใจเรายินดีกับสิ่งดีที่ทุกคนได้รับ
และวางเฉยได้ในทุกเรื่องอย่างเข้าใจ

อันที่ห้า เพิ่มพลังความเชื่อมั่นในจิตใจของเรา (ตัวเสริมแรง)
ทุกวันต่อไปนี้ เรามีความเชื่อมั่นในจิตสำนึก จิตใต้สำนึก
และจิตเหนือสำนึกของเรา ว่าสามารถกล่อมเกลาและขัดเกลา
ตัวตนของเรา ให้เป็นไปตามที่เราวางแผน และวาดภาพไว้ในจิต
เป็นได้อย่างรวดเร็ว เป็นได้อย่างมั่นคง และเป็นในสิ่งที่ดีงาม
เราเชื่อมั่น ว่าจิตสำนึก จิตใต้สำนึก และจิตเหนือสำนึกของเรา
ล้วนดึงดูดแต่สิ่งที่ดี และคนที่ดีเข้ามาในชีวิตของเรา
และเป็นพลังที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้ตามที่หวังทุกประการ

บอกอย่างน้อยสามรอบ ทุกรอบให้ชมตัวเองต่อท้ายเสมอๆ เช่น
ดีมากเลย เราเลือกคิดในสิ่งที่ดีกับตัวเอง หรืออื่นๆตามใจชอบ
หรือจะให้รางวัลตัวเองเป็นอย่างอื่นนอกจากคำชมด้วยก็ดีมากเลย

แรกแรกอาจเจอแรงต้านจากจิตใจอยู่บ้าง
เพราะจิตใต้สำนึกของเราพยายามจะรักษาตัวตนเดิมไว้
แต่ทำไปสักพัก บวกกับคำชม แรงต้านนั้นก็จะหายไปโดยง่าย
และกลับกลายเป็นแรงขับดันอันมหาศาลแทน

ภายในเจ็ดวันก็จะเห็นผลแล้ว ในสิ่งที่ตัวเองบอก
และควรทำต่อเนื่องกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน
ค่อยเปลี่ยนไปทำในเรื่องอื่นที่อยากทำหรืออยากเป็นต่อไป
แต่ถ้าเคยทำมาบ้างแล้ว
ระยะเวลาที่คำพูดจะฝังตัวที่จิตใต้สำนึกก็จะเริ่มสั้นลงเรื่อยๆ

ลองดูนะครับ และขอบคุณมากที่ลอง

เจออะไรแปลกใหม่ อยากเล่าให้ฟังก็เล่าได้เลยนะครับ
มันยังอยู่ในขั้นพัฒนาอยู่น่ะครับ

ตอนแรกตั้งใจจะเขียนให้เพื่อนกับน้องตัวเองแค่สองคน
แต่เห็นว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว นำมาโพสต์ที่เพจ
คงเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นมากเช่นกัน

ป.ล. ควรคัดลอกข้อความที่ใช้กล่อมเกล่าจิตใจไว้
เพื่อให้ตัวเราได้เห็นได้บ่อยๆด้วยนะครับ
ป.ล. 2 ความเชื่อมั่นที่แท้จริงจะไม่ปฏิเสธเสียงเชิงลบในหัวเรา
แต่จะเรียนรู้และเข้าใจความคิดลบนั่นด้วย ว่าจิตใจเราลึกลึก พยายามเตือนอะไรเรา

http://www.youtube.com/watch?v=NicMZ589snY (External Embedding Disabled)

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พยัญเสมอ, panthong.kh, รัตนาวดี, ชลนา ทิชากร, ไพร พนาวัลย์, อริญชย์, ...สียะตรา.., พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, choy

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
18 พฤษภาคม 2013, 08:48:PM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2013, 08:48:PM »
ชุมชนชุมชน

"อดีต ปัจจุบัน และอนาคต"

คงเคยได้ยินกันสินะ

" ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วไปทำเวรกรรมอะไรไว้
ชาตินี้ชีวิตมันถึงได้แย่ขนาดนี้ "
พอพูดเสร็จก็ทำหน้าบูดบึ้ง หรือไม่ก็เบื่อโลก

ผมก็เคยคล้อยตามไอคำพูดแบบนี้อยู่เหมือนกันนะ
" ชาติที่แล้วฉันไปทำเวรกรรมอะไรกับเธอไว้กันนะ! "
(เธอถึงได้หลอกกัน และทิ้งกันไป..)--> อันนี้เอาฮาครับ

แต่พอผมมานึกย้อน ไตร่ตรองดูดีดีแล้ว
ผมคิดว่า การบ่นแบบนี้นั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไรเลย

เพราะว่ามันเป็นการสื่อสารกับตัวเราเอง
ว่าลึกลึกแล้ว เราควบคุมสถานการณ์ไม่ได้
ว่าเหตุที่เกิดขึ้น ต้นเหตุ หรือสิ่งที่จะทำให้เรื่องดีขึ้น
มันอยู่ที่อดีตนู่น ถึงทำอะไรไปตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก
และเป็นการบอกตัวเองให้ทิ้งปัจจุบัณขณะไปด้วย
และอื่นๆที่ยังไม่ได้กล่าวอีกมากมายครับ

ซึ่งบางทีผมก็ตั้งข้อสงสัยแปลกๆขึ้นมาเหมือนกัน
ว่าการเวียนว่ายตายเกิดที่เรายึดถือกันอยู่ทุกวันนี้
จะเป็นคติของทางพราห์ม มากกว่าพุทธ
หรือไม่ก็เป็นปริศนาธรรมที่เราขบกันไม่แตก
(แต่ผมก็ไม่ขอตัดสินชี้ขาดอะไรกับเรื่องนี้ครับ
คงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปตัดสินใครหรืออะไร)

แต่ก็ช่างมันเถิดครับ นั่นเป็นเรื่องของปรัชญา
เป็นเรื่องของความเชื่อ ซึ่งผมก็ขอยกให้เป็นเรื่องปัจเจก

แต่ผมก็อยากจะเตือนน่ะครับ
ว่าให้กลับมามองที่ชีวิตนี้กันให้มากหน่อย
ชาตินี้ ชาติหน้าน่ะเว้นๆไว้บ้าง
มันไม่สำคัญเท่ากรรม(การกระทำ)ของเราขณะนี้หรอกครับ

สิ่งที่ดึงดูดปัญญามา ดึงดูดคนไม่ดีมาคือใจเรา
คือความคิด คำพูด การกระทำของเรา ในขณะนี้ครับ
และในทางกลับกัน สิ่งที่จะดึงดูดสิ่งดีดีเข้ามา
ก็คือความคิด คำพูด และการกระทำของเราเช่นกันครับ

เปลี่ยนที่ปัจจุบัณขณะสิครับ

เริ่มจากตรงไหนดีน่ะหรือ ??

เริ่มจากการรู้จักตัวเองก่อนก็ดีครับ
หรือเริ่มจากการนำแนวคิดที่มีชื่อว่า " พรหมวิหารสี่ "
ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีมากครับ
(คือพยายามให้กรรมของเราตั้งอยู่บนความปรารถณา
ให้ผู้อื่นมีความสุข ให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์
ยินดีในสิ่งดีดีของตนและผู้อื่น และวางเฉยอย่างเข้าใจ)

หรือไม่ก็ลองเปลี่ยนคำบ่นดูฮะ
" ตอนนี้ฉันควรเปลี่ยนแปลงตรงไหนของตัวเองนะ
เพื่อจะได้มีสิ่งดีดีเข้ามาในชีวิต "
ถึงจะบ่นไป หน้าบูดหน้าเบี้ยวแค่ไหนก็ไม่ทำร้ายใคร
แถมคนอื่นได้ยิน เขาก็ได้สติกับการบ่นของเราด้วย
Win - Win เลยครับเห็นไหม

ขอให้ทุกคนกล้าที่จะมีความสุขนะครับ
ทุกวันเป็นวันดีครับ

ป.ล. พรหมวิหารสี่ ควรเริ่มใช้กับตัวเราเองก่อน
จะเห็นผลในเร็ววัน สามวันเจ็ดวันเลยเทียวครับ
ป.ล.2 เริ่มที่การตั้งจิตอธิษฐานด้วยก็ดีครับ
จะทำให้เราเปลี่ยนตัวเราได้ง่ายขึ้น อาจบอกตัวเองว่า
"ทุกวันนี้ฉันเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ฉันยึดถือหลักพรหมวิหารสี่เป็นที่ตั้งของการกระทำ
ฉันดึงดูดแต่สิ่งดีเข้ามาในชีวิต"
บอกก่อนนอน และตอนตื่นนอน หรือไม่ก็
ตอนอยู่เงียบเงียบคนเดียวก็ได้ครับ
หรือหลังจากทำความดีนั่นก็ดีมากครับ
เคล็ดลับคือความสงบครับ และความถี่ครับ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พยัญเสมอ, รัตนาวดี, ชลนา ทิชากร, ไพร พนาวัลย์, อริญชย์, ...สียะตรา.., พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, choy

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
18 พฤษภาคม 2013, 08:50:PM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2013, 08:50:PM »
ชุมชนชุมชน

ก่อนนอน ลองอ่านบทความดีดีให้คนที่คุณรักฟัง
ลองพูดถึงสิ่งดีดีให้เขาฟัง บอกเขาว่าเขาน่ารักแค่ไหน
บอกเขาว่าเรารักเขามากแค่ไหน
สิ่งที่คุณพูดบอก จะเข้าสู่จิตใจเบื้องลึกของเขา
กำลังใจ กำลังกาย ความรักที่อบอุ่น
หล่อหลอมได้อย่างง่ายดายจากจุดนี้

และแม้ว่าเขาหลับไปแล้ว
เขาก็จะยังได้ยินและสัมผัสได้
ถึงสิ่งที่คุณกล่าวต่อเขา

กล่าวต่อเขาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอบอุ่น
กล่าวด้วยความรักอย่างจริงใจ

" ขอให้คุณนอนหลับอย่างสบาย
นอนหลับอย่างมีความสุข หลับสนิทตลอดคืน
ขอให้คุณได้พบกับฝันที่ดีงามเมื่อคุณหลับ
ขอให้วันพรุ่งนี้เป็นวันที่ดี
ขอให้คุณลืม และอภัยในสิ่งที่บางคนเคยทำผิดต่อคุณ
เพื่อหัวใจที่สดใส งดงาม อบอุ่น และมีความสุข
เพื่อที่หัวใจของเราจะได้ดึงดูดแต่สิ่งดีและคนดี
และขอให้ทุกวันเป็นวันดี "

เลือกใช้ในทางดี คุณก็จะพบสิ่งดีงาม
ตามที่หัวใจคุณเป็นนั้น

แต่หากใช้ในทางไม่ดี
คุณก็จะมีความสุขได้เช่นกัน
แต่เพียงชั่วครู่
และจากนั้น คุณจะเจ็บปวด
ไม่ใช่เพราะคนอื่น
แต่เพราะตัวคุณเองเลือกทำ

ความคิด คำพูด การกระทำของเรา
ส่งพลังงานบางอย่างไปยังสิ่งต่างต่างรอบตัวเราเสมอ

และสิ่งที่เราส่งออกไปนั้น
มอบผลลัพธ์กลับเข้ามาเสมอ

ขอให้หัวใจเต็มเปลี่ยนไปด้วยรัก

'ทุกวันเป็นวันดี' .. เขียน"ชีวิต"

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พยัญเสมอ, รัตนาวดี, ชลนา ทิชากร, ไพร พนาวัลย์, อริญชย์, ...สียะตรา.., พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, choy

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
18 พฤษภาคม 2013, 09:03:PM
พยัญเสมอ
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 674
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,044


ไม่มีเหตุจำเป็นห้ามรบกวน


« ตอบ #3 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2013, 09:03:PM »
ชุมชนชุมชน



อ่านดูจากกระทู้แรกแล้ว  เข้าใจว่าเป็นคำพูดชักจูงโน้มน้าวจิตให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง
และออกคำสั่งกับจิตสำนึกของตนเองให้ปฏิบัติตามที่ต้องการครับ  ศาสตร์หรือวิชาแขนงนี้มีสามระดับคือ

-การสะกดจิต  ซึ่งต้องทำโดยนักสะกดจิต ทำการสะกดจิตให้หลับจนอยู่ในสะภาวะจิตใต้สำนึกพร้อมรับคำสั่งเสียก่อน
  จากนั้นจึงป้อนคำสั่งที่ต้องการลงไป เช่นให้เลิกเหล้า เลิกการพนัน ให้ขยัน  ให้เลิกกลัวบางสิ่งบางอย่าง
   แต่ต้องทำโดยนักสะกดจิตหรือจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
-การสะกดจิตตนเอง  โดยบันทึกประโยคคำพูดที่ต้องการลงไปในเทป  แล้วเปิดให้ฟังเสียงในขณะใกล้หลับจนกว่าจะหลับ
  วิธีนี้ง่ายกว่าวิธีแรกตรงที่ไม่ต้องมีการสะกดจิตให้หลับเสียก่อน  แค่อาศัยการหลับตามธรรมชาติมาเป็นตัวช่วย
   วิธีนี้นอกจากสะกดตนเองแล้ว  พ่อแม่ยังอาจใช้พูดกับลูกขณะหลับ เพื่อให้เลิกเกเร  ให้ตั้งใจเรียนหนังสือฯลฯ
-การพูดชักจูงจิตใจตนเองเพื่อปลูกพลังศรัทธา  วิธีนี้  ไม่ต้องสะกดจิต  ไม่ต้องอัดเทปเปิดให้ฟังขณะหลับ
  แต่เป็นการพูดกับตนเองย้ำๆแบบเดิมทุกๆวันขณะตื่นเลย  การใช้วิธีนี้ เมื่อพูดกับตนเองทุกๆวัน ย่อมก่อให้เกิดความเชื่อ
   และการเปลี่ยนแปลงไปตามที่พูดชักจูงได้




ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : panthong.kh, เขียนชีวิต, รัตนาวดี, ชลนา ทิชากร, ไพร พนาวัลย์, อริญชย์, ...สียะตรา.., พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, choy

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

๐นามแฝงผู้เขียน Orion264(มือขวา),มือขวา,บูรพาทรนง-ตงฟางข้วงแขะ,สิงสู่,ต๊กโกม้อเกี่ยม-มารกระบี่เดียวดาย,
เทพเจ้าไก่
18 พฤษภาคม 2013, 09:18:PM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2013, 09:18:PM »
ชุมชนชุมชน



อ่านดูจากกระทู้แรกแล้ว  เข้าใจว่าเป็นคำพูดชักจูงโน้มน้าวจิตให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง
และออกคำสั่งกับจิตสำนึกของตนเองให้ปฏิบัติตามที่ต้องการครับ  ศาสตร์หรือวิชาแขนงนี้มีสามระดับคือ

-การสะกดจิต  ซึ่งต้องทำโดยนักสะกดจิต ทำการสะกดจิตให้หลับจนอยู่ในสะภาวะจิตใต้สำนึกพร้อมรับคำสั่งเสียก่อน
  จากนั้นจึงป้อนคำสั่งที่ต้องการลงไป เช่นให้เลิกเหล้า เลิกการพนัน ให้ขยัน  ให้เลิกกลัวบางสิ่งบางอย่าง
   แต่ต้องทำโดยนักสะกดจิตหรือจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
-การสะกดจิตตนเอง  โดยบันทึกประโยคคำพูดที่ต้องการลงไปในเทป  แล้วเปิดให้ฟังเสียงในขณะใกล้หลับจนกว่าจะหลับ
  วิธีนี้ง่ายกว่าวิธีแรกตรงที่ไม่ต้องมีการสะกดจิตให้หลับเสียก่อน  แค่อาศัยการหลับตามธรรมชาติมาเป็นตัวช่วย
   วิธีนี้นอกจากสะกดตนเองแล้ว  พ่อแม่ยังอาจใช้พูดกับลูกขณะหลับ เพื่อให้เลิกเกเร  ให้ตั้งใจเรียนหนังสือฯลฯ
-การพูดชักจูงจิตใจตนเองเพื่อปลูกพลังศรัทธา  วิธีนี้  ไม่ต้องสะกดจิต  ไม่ต้องอัดเทปเปิดให้ฟังขณะหลับ
  แต่เป็นการพูดกับตนเองย้ำๆแบบเดิมทุกๆวันขณะตื่นเลย  การใช้วิธีนี้ เมื่อพูดกับตนเองทุกๆวัน ย่อมก่อให้เกิดความเชื่อ
   และการเปลี่ยนแปลงไปตามที่พูดชักจูงได้






ใช่แล้วครับ ที่ผมพูดมาคือการสะกดจิตครับ
แต่ไม่ได้เข้าภวังค์ที่ลึกมาก เป็นภวังค์อ่อนๆ สงบสบาย ที่ใครก็สามารถทำได้
เว้นตอนที่พูดข้างหูตอนที่เขาหลับนะครับ อันนั้นเป็นภวังค์ลึกหน่อย (คลื่นสมองสงบมากกว่าปรกติ)
เราสะกดจิตตัวเองเสมอครับ(และถูกสะกดจิตอยู่เสมอๆอีกด้วย) เราคาดหวังกับตัวเราเองเสมอทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว
 เราเป็นในสิ่งที่เราบอกและฝึกตัวเองให้เป็นครับ

วิธีการหลักๆก็คือ หนึ่ง จิตใต้สำนึกเรามีแนวโน้มจะยอมรับสิ่งที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเป็นจริงเสมอ
สองคือ การบอกตัวเองซ้ำๆ จะทำให้จิตใต้สำนึกเก็บเอาสิ่งนั้นไปสร้างตัวตนของเราครับ
สามความสงบ ทั้งจากดนตรี ทั้งในช่วงเวลาที่เหมาะสม ทำให้จิตใจเรามีแนวโน้มจะพัฒนาไปในทางด้านดีได้ง่ายครับ
ประมาณนี้ล่ะครับ ส่วนที่เหลือ ก็คงเป็นความตั้งใจที่จะพัฒนาตนเองของบุคคลนั้นๆครับ

ลองดูครับ คาดหวัง และฝึกตัวเองให้เป็นในสิ่งที่ดีงาม  ฉลองกัน

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พยัญเสมอ, รัตนาวดี, ชลนา ทิชากร, ไพร พนาวัลย์, อริญชย์, ...สียะตรา.., รพีกาญจน์, choy

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
18 พฤษภาคม 2013, 09:38:PM
รัตนาวดี
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 977
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 3,130


❤ ลองล้มลงดูบ้าง แล้วจะรู้ว่าใครยังอยู่ข้างๆเรา*¨♥


bai.bun.1
« ตอบ #5 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2013, 09:38:PM »
ชุมชนชุมชน


 เต้นบัลเลย์ เต้นบัลเลย์ เต้นบัลเลย์


 สาวน้อยหัวเราะ ได้อ่านทั้งหมด แล้วชอบมากค่ะ

เทคนิค วิธีการตามหลักจิตวิทยา ที่มีผลให้เกิดในทางบวก

ซึ่งทุกท่านน่าจะลองดูนะคะ

เพราะรัตนา ก็ฝึกเป็นนิสัยแล้ว อยากบอกว่า

ให้ของขวัญสำหรับตัวเองด้วยสิ่งมีค่าอันนี้ เป็นวิธีที่ดีง่ายๆจริงๆค่ะ

ขอขอบคุณ ท่านเขียนชีวิต มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ที่มีสิ่งดีงามมาแบ่งปันให้ค่ะ  เคารพรัก

จากใจ

รัตนาวดี
 ส่งจูบจ้ะ ส่งจูบจ้ะ ส่งจูบจ้ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ไพร พนาวัลย์, เขียนชีวิต, อริญชย์, ...สียะตรา.., พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, choy, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

..อสงไขย..ใน..ใจ..คุณ...❤... สาวน้อยเซย์ ฮาโหล.....
☆★*•.¸All You Need Is  ℒƠѵℯ ✫*¸.•*¨♥¸.•*★☆
18 พฤษภาคม 2013, 11:01:PM
พยัญเสมอ
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 674
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,044


ไม่มีเหตุจำเป็นห้ามรบกวน


« ตอบ #6 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2013, 11:01:PM »
ชุมชนชุมชน




เรื่องของการสะกดจิตนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

-ข้อดีก็คือทำให้เราโปรแกรมความคิดของเราได้ตามต้องการ  อยากคิด  อยากฝัน  อยากเชื่อมั่นไปให้ถึงสิ่งใดย่อมมีดอกาสเป็นไปได้
-ข้อเสีย  ทั้งผู้ที่ถูกสะกดจิต  และผู้ที่ฝึกหัดทางสะกดจิต  มักขาดสติ ใจลอย  ป้ำๆเป๋อๆ ขี้หลงขี้ลืม
  เนื่องจากการสะกดจิตนั้นคือต้องการให้ผู้ถูกสะกด หมดความรู้สึก ขาดความเป็นตัวของตัวเอง
  แม้ตัวผู้ทำการสะกดจิตก็เช่นกัน  ต้องฝึกในทางสะกดตัวเองเสียก่อนจึงไปสะกดผู้อื่นได้  ซึ่งขัดกับหลักทางพุทธศาสนาที่ต้องการให้คนมีสติ
 (อันนี้ผมจำจากหนังสือมาพูด)
   แม้ในผู้ที่สวดมนตร์นั่งสมาธก็เช่นกัน  ถ้าไม่ทำให้ถูกวิธี(คือฝึกให้เกิดสติ) บางคราวนั่นสมาธิก็กลายเป็นสะกดตัวเองให้หลับ
  แล้วก็หมดความรู้สึกไปในที่สุด  ระหว่างคนมีสมาธิ กับคนฝึกสมาธิจนสะกดตัวเองนั้นสังเกตง่าย
  คนมีสมาธิ ต้องมีสติรู้ตัวตลอดเวลา  จะไม่มีอาการหลงๆลืม  ในขณะที่คนที่สวดมนตร์นั่งสมาธิและเผลอสะกดตัวเองนั้นจะเป็นตรงข้าม
  คือนั่งสมาธิแล้วจะง่วง  กลายเป็นคนป้ำๆเป๋อๆ  ขี้หลงขี้ลืมบ่อยๆ  สาเหตุหลักคือสวดมนตร์และนั่งสมาธิพร้อมสะกดจิตตัวเองโดยไม่รู้ตัว

การปลูกฝังความเชื่อ  ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

-ข้อดีก็คือ ทำให้มีความมั่นใจในตนเอง  กล้าคิด กล้าทำ  กล้าแสดงออก
-ข้อเสีย   เชื่อมั่นตัวเองมากเกินไป คิดว่าตัวเองทำได้ทุกสิ่งโดยไม่ดูเหตุผล และปัจจัยแวดล้อม

ทุกสิ่งล้วนมีสองด้านเสมอ  ดังนั้นความกล้ากับสติปัญญาจึงต้องมาคู่กัน
การสะกดจิตตัวเอง  เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น   แต่ความเชื่อมั่นก็ต้องอิืงเหตุผลความเป็นจริงและความเป็นไปได้


 เธอนั่นแหละจ้ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : เขียนชีวิต, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, รัตนาวดี, choy, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

๐นามแฝงผู้เขียน Orion264(มือขวา),มือขวา,บูรพาทรนง-ตงฟางข้วงแขะ,สิงสู่,ต๊กโกม้อเกี่ยม-มารกระบี่เดียวดาย,
เทพเจ้าไก่
18 พฤษภาคม 2013, 11:44:PM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2013, 11:44:PM »
ชุมชนชุมชน


เรื่องของการสะกดจิตนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

-ข้อดีก็คือทำให้เราโปรแกรมความคิดของเราได้ตามต้องการ  อยากคิด  อยากฝัน  อยากเชื่อมั่นไปให้ถึงสิ่งใดย่อมมีดอกาสเป็นไปได้
-ข้อเสีย  ทั้งผู้ที่ถูกสะกดจิต  และผู้ที่ฝึกหัดทางสะกดจิต  มักขาดสติ ใจลอย  ป้ำๆเป๋อๆ ขี้หลงขี้ลืม
  เนื่องจากการสะกดจิตนั้นคือต้องการให้ผู้ถูกสะกด หมดความรู้สึก ขาดความเป็นตัวของตัวเอง
  แม้ตัวผู้ทำการสะกดจิตก็เช่นกัน  ต้องฝึกในทางสะกดตัวเองเสียก่อนจึงไปสะกดผู้อื่นได้  ซึ่งขัดกับหลักทางพุทธศาสนาที่ต้องการให้คนมีสติ
 (อันนี้ผมจำจากหนังสือมาพูด)
   แม้ในผู้ที่สวดมนตร์นั่งสมาธก็เช่นกัน  ถ้าไม่ทำให้ถูกวิธี(คือฝึกให้เกิดสติ) บางคราวนั่นสมาธิก็กลายเป็นสะกดตัวเองให้หลับ
  แล้วก็หมดความรู้สึกไปในที่สุด  ระหว่าคนมีสมาธิ กับคนฝึกสมาธิจนสะกดตัวเองนั้นสังเกตง่าย
  คนมีสมาธิ ต้องมีสติรู้ตัวตลอดเวลา  จะไม่มีอาการหลงๆลืม  ในขณะที่คนที่วดมนตร์นั่งสมาธิและเผลอสะกดตัวเองนั้นจะเป็นตรงข้าม
  คือนั่งสมาธิแล้วจะง่วง  กลายเป็นคนป้ำๆเป๋อๆ  ขี้หลงขี้ลืมบ่อยๆ  สาเหตุหลักคือสวดมนตร์และนั่งสมาธิพร้อมสะกดจิตตัวเองโดยไม่รู้ตัว

การปลูกฝังความเชื่อ  ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

-ข้อดีก็คือ ทำให้มีความมั่นใจในตนเอง  กล้าคิด กล้าทำ  กล้าแสดงออก
-ข้อเสีย   เชื่อมั่นตัวเองมากเกินไป คิดว่าตัวเองทำได้ทุกสิ่งโดยไม่ดูเหตุผล และปัจจัยแวดล้อม

ทุกสิ่งล้วนมีสองด้านเสมอ  ดังนั้นความกล้ากับสติปัญญาจึงต้องมาคู่กัน
การสะกดจิตตัวเอง  เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น   แต่ความเชื่อมั่นก็ต้องอิืงเหตุผลความเป็นจริงและความเป็นไปได้


 เธอนั่นแหละจ้ะ


นั่นเป็นภาพลักษณ์ของการสะกดจิตในทางไม่ดีที่เราเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นครับ
ลองมองในแง่ อธิษฐานบารมีสิครับ พระพุทธเจ้าเองก็ต้องอธิษฐานมามากมายหลายชาติกว่าจะเป็นได้
มองในแง่กฎแห่งกรรมสิครับ ความคิด คำพูด การกระทำของเรามีผลเสมอ
แล้วก็ คนที่ทำสมาธิจะรู้ดีครับ ว่ามันคือธรรมชาติของจิตเรา ถ้าเราสงบมากจิตก็จะมีพลังมาก
อธิษฐานสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น และความคาดหวังแบบนี้เกิดขึ้นกับมนุษย์ตลอดเวลา ความคิดของเรามีพลังเสมอครับ
มันไม่ใช่การขาดสติหรอกครับ แต่เป็นการโดดมาจับตัวความคิดเลยอย่างลัด ซึ่งคนเรามักไม่ค่อยและไม่เคยทำ
จึงรู้สึกว่ามันแตกต่างออกไป จากวิถีปฏิบัติแบบเดิมๆของเรา มันคือการทำความรู้จักกับตัวตนของเราครับ
ส่วนเรื่องความเชื่อมั่นที่มากเกินไปนั้น อยู่ที่เราจะบอกว่าอะไร อยู่ที่ว่าเราจะคาดหวังอะไรกับตนเองด้วยครับ
แท้จริงเราใช้คำว่าสะกดก็ไม่ถูกนัก มันคือการภาวนา หรือการตั้งจิตอธิษฐาน คือธรรมชาติของจิต
แต่แน่นอนครับว่ามีบางคน ที่พอรู้วิธีแล้วนำไปใช้ในทางไม่ดี ทำให้ผู้รับ มึนเบลอ สับสน ทำร้ายตัวเอง
และก็แน่นอน เขาเองก็รับผลของการกระทำของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ เขาเองสื่อสารกับจิตใต้สำนึกของเขา
ว่าตัวเขาไม่มีค่าพอที่จะถูกรัก ตัวเขาไม่เก่งพอที่จะเป็นคนดี ถึงเขามีความสุขอยู่บ้างแต่ลึกๆในใจเขาก็จะทำร้ายตัวเองเสมอๆ
ลองมองกฎแห่งกรรม มองอธิษฐานบารมี หรืออื่นๆให้ดีครับ มองตัวเองให้ดี ทำความรู้จักกับตัวเองให้มากครับ
ที่จริงมันก็ไม่ต่างกับการสวดมนต์มากนักหรอกครับ และการกล่อมเกลาจิตแบบนี้ พุทธก็มีเยอะแยะครับ
ต้องศึกษาดีๆทั้งสองอย่าง ทั้งจิตวิทยา ทั้งพุทธ ทั้งสองต่างอธิบายซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดีครับ
แล้วการทำสมาธิ ถ้าเราไม่ฝักใฝ่ทางคุณไสยฯล่ะก็ ไม่มีทางเป็นบ้า ป้ำๆป๋อๆแน่นอนครับ ทำอย่างเข้าใจ และไม่ยึดติด
ชีวิตเราคือความเชื่อ เชื่ออย่างไรเป็นอย่างนั้น และความเชื่อเป็นทางเลือก สิ่งที่ผมพูดมาคือการรู้จักตนเอง เท่านั้นเอง
ทุกสิ่งมีสองด้านเสมอ ในดีมีร้ายในร้ายมีดี ตอนนี้คุณเข้าใจและรับรู้ถึงพลังและตัวตนของคุณแล้ว
คุณจะเลือกทำสิ่งไหนนั้นเป็นเรื่องของคุณ และถึงอย่างไร ทุกการกระทำมีผลลัพธ์เสมอ
และเรื่องความเป็นเหตุผลที่ว่านั้น หลายครั้งไม่ได้เป็นตามนั้นเสมอไป ลองกลับไปมองที่กาลมาสูตรดูครับ
ความจริงและความเป็นไปได้ที่ว่านั้นก็มีมากมายกว่าที่เรารู้มากนัก ลองนึกภาพครับ ว่าถ้าไม่มีคนทำเครื่องบิน
เราก็คงคิดว่าการเดินทางในอากาศเป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องเพ้อฝัน หรืออีกหลายๆเรื่องครับ

เราเป็นในสิ่งที่เราบอก และฝึกตัวเองให้เป็นครับ และเราถูกปลูกฝังความเชื่ออยู่ตลอดเวลาครับ
สติปัญญาที่แท้ ไม่ได้อยู่แค่ที่ตรรกะนะครับ อยู่ที่ความรู้จัก เข้าใจตนเอง เข้าใจธรรมชาติด้วยใจนั่นด้วย

พุทธคือการรู้จักตัวเองครับ ก่อนอื่นรู้จักความคิด ความคาดหวังของตัวเราเองเสียก่อน มองสติในมุมกว้างด้วย
และสิ่งที่ผมนำมาพูด คือส่วนขยายของพุทธนะครับ ไม่ใช่ส่วนแย้ง

ส่วนเรื่องการรับการสะกดจิต คนสะกดจิตจะรู้ตัวนะครับ ว่าตัวเองกำลังรับข้อมูลอะไรเข้าไป
เว้นแต่เราจะไปเจอคนไม่ดี ซึ่งจะเจอได้ก็ด้วยใจที่ไม่ดีของเรานั่นเองแหละครับ
แล้วคนที่ทำการสะกดจิต หรือเข้าใจมัน ต้องเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดกันทุกคนอยู่แล้วครับ ไม่ต้องกังวลไป

หรือถ้าจะทำ ก็ควรเลือกคนที่ใบรับรองจากหลายๆสถาบันนะครับ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พยัญเสมอ, Prapacarn ❀, รัตนาวดี, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, choy, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
23 พฤษภาคม 2013, 01:05:AM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2013, 01:05:AM »
ชุมชนชุมชน

หากพิจารณาต่อให้ดี ก็จะพบได้ด้วยใจเลยว่า
ตัวตนที่เรายึดถือว่าเป็นจริงอยู่นี้นั้น มัน อนิจจัง ทุขขัง อนัตตา เสียเหลือเกิน

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, รพีกาญจน์, Shumbala, choy, ชลนา ทิชากร, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
23 พฤษภาคม 2013, 06:08:AM
Lจ้าVojกaoนบทนี้*
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 270
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 757



« ตอบ #9 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2013, 06:08:AM »
ชุมชนชุมชน

หากพิจารณาต่อให้ดี ก็จะพบได้ด้วยใจเลยว่า
ตัวตนที่เรายึดถือว่าเป็นจริงอยู่นี้นั้น มัน อนิจจัง ทุขขัง อนัตตา เสียเหลือเกิน


ปัญหามันอยู่ที่เราตกเป็นทาส

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, รพีกาญจน์, Shumbala, เขียนชีวิต, choy, ชลนา ทิชากร, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

23 พฤษภาคม 2013, 03:09:PM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2013, 03:09:PM »
ชุมชนชุมชน

หากพิจารณาต่อให้ดี ก็จะพบได้ด้วยใจเลยว่า
ตัวตนที่เรายึดถือว่าเป็นจริงอยู่นี้นั้น มัน อนิจจัง ทุขขัง อนัตตา เสียเหลือเกิน


ปัญหามันอยู่ที่เราตกเป็นทาส



เพราะขาดการพิจารณา

แล้วคุณกลัวที่จะเป็นทาสอย่างนั้นหรือ

กลัวตัวเองไปทำไมกัน

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Shumbala, รพีกาญจน์, รัตนาวดี, choy, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
05 มิถุนายน 2013, 02:37:AM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2013, 02:37:AM »
ชุมชนชุมชน

เปลี่ยนบ้างดีไหม ??

บางที การตำหนิว่าเขาเลว โง่ น่ารังเกียจ
ก็ไม่ได้ช่วยให้เรื่องราวต่างๆดีขึ้นมาเลย

คนเรามีแผลในใจที่ต่างกัน แรงขับเคลื่อนในใจจึงต่าง
ลองให้อภัยกันบ้าง เห็นใครทำไม่ดีก็ทำเฉยเสียบ้าง
หรือหากจะตำหนิให้หยุดทำสิ่งนั้น
ก็ควรตำหนิที่การกระทำเสียมากกว่า ไม่ใช่ตำหนิตัวเขา

เราทุกคนมีความเชื่อว่าเราเป็นคนไม่ดี ไม่ควรค่าแก่การถูกรักกันอยู่แล้ว
การไปตอกย้ำอีกว่าเขาไม่ดี เขาแย่ ก็รังแต่จะทำให้เรื่องแย่ไปกว่าเดิม
ยิ่งทำให้เขาเชื่อหนักขึ้นไปกว่าเดิมอีก ว่าตัวเขามีปัญหา

บางทีการให้อภัยอย่างเข้าใจก็จำเป็นมากในสังคมนี้
สังคมที่เรียกหนังกำพร้าว่าหน้ากาก มองการดัดจริตเป็นสิ่งแปลกปลอม
สังคมที่ผู้คนเอาแต่พยายามกลบหลุมในใจตน ด้วยความเจ็บปวดของผู้อื่น
สังคมที่ไม่เคยตั้งคำถาม กับการเป็นมนุษย์

ให้อภัย มองชีวิตในมุมใหม่ มองให้กว้างขึ้นอย่างไม่ยึดติด
ค้นหาจุดมุ่งหมายในชีวิตของตัวเองให้เจอ

.. หลายครั้งที่เราเป็นทุกข์ เพราะมัวแต่ไปตัดสินคนอื่น
ตัดสินเรื่องราวต่างๆที่ผ่า่นมา ด้วยมุมมองแคบๆของเรา
ลองเปลี่ยนตัวเองจากนักตัดสินเป็นนักเรียนรู้ดูบ้างสิ

'ทุกวันเป็นวันดี' .. เขียน"ชีวิต" กล่าว

ป.ล. แต่ถ้าหากจะตำหนิเพื่อสำเร็จความใคร่ทางอารมณ์ของตนก็เอาเถิด

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, บูรพาท่าพระจันทร์, choy, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
06 มิถุนายน 2013, 11:16:PM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2013, 11:16:PM »
ชุมชนชุมชน

ครั้งหนึ่งไปเยี่่ยมเพื่อนที่เรือนจำ
เจอเพื่อนเก่าเพื่อนแก่มากมาย
รู้สึกเศร้าสะเทือนอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก
เห็นแล้วก็ได้แต่ปลง เราต่างก็ตกเป็นเหยื่อสินะ
เหยื่อความคิดอัปลักษณ์และความเดียจฉันท์ตัวเอง

เคยอ่านผลวิจัยทางจิตวิทยาชิ้นหนึ่ง
กล่าวไว้ชัดเจน ว่าคนที่อยู่ในเรือนจำนั้น
เกินครึ่ง ตอนเป็นเด็ก พ่อแม่เคยบอกเขาว่า
สักวันเขาจะต้องเข้าไปอยู่ในนั้น
เกินครึ่ง ครอบครัวมีปัญหา

แต่จะโทษใครก็ไม่ได้หรอก
เพราะถ้าจะโทษก็คงต้องโทษกันต่อไปเรื่อยๆ
ไม่จบไม่สิ้นเลย

สิ่งที่เราทุกคนพอทำได้เพื่อที่จะลดปัญหาเหล่านี้ได้
ก็คงเป็นการพยายามทำความเข้าใจความคาดหวังของเรา
เข้าใจความคาดหวังของทุกทุกคน
คาดหวังในสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งแก่ตนเอง และคนรอบตัว

ช่างหัวความผิดพลาดมันเสียบ้าง
ให้กำลังใจกันและกัน
ชื่นชมในสิ่งดีที่เราทุกคนได้ทำ

การให้อภัย ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเสมอในสังคมนี้
ความรักยังเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ
ความเข้าใจในความรักและความคาดหวัง
ก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ

ลดการรังเกียจเดียจฉันท์ลง
เปลี่ยนแทนที่ด้วยความเห็นใจและเข้าใจจะดีกว่า

ให้ที่ยืนแก่คนที่เคยผิดพลาดบ้าง
เพื่อที่จะได้ปลดหน้ากากที่เราสวมกันอยู่ได้บ้าง
เพื่อความจริงใจแก่ตัวเองนั่นด้วย

ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ชลนา ทิชากร, choy, รัตนาวดี, บูรพาท่าพระจันทร์, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
06 มิถุนายน 2013, 11:18:PM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2013, 11:18:PM »
ชุมชนชุมชน

พิจารณาการเปลี่ยนแปลง เพื่อ "ดีกว่า"

วิธีที่จะทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ดี
คือการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของทุกสิ่ง
การทนคงรูปอยู่ได้ยากของทุกสิ่งทั้งในตัวและรอบตัว
พิจารณาจนเห็นว่าตัวตนที่เรายึดถือว่าเราเป็น
แท้จริงก็ไม่ได้คงทนถาวร สักประเดี๋ยวก็เปลี่ยน
เมื่อพิจารณาไปเรื่อยเรื่อยจนเข้าใจด้วยใจแล้ว
ก็เป็นเรื่องง่ายที่เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
และการคิดไตร่ตรองถึงตัวตนที่อยากจะเป็น
บอกตัวเองทั้งก่อนนอนและตื่นนอนประหนึ่งทำภาวนา
ไม่นาน ตัวตนของเรา ก็จะเปลี่ยนไป
ตามที่เราคาดหวัง และบอกตัวเองให้เป็น

ส่วนจะถามว่า วิธีนี้เป็นการหลอกตัวเองหรือไม่ ?
คงขึ้นอยู่กับจุดอ้างอิงของตัวเราเอง
แต่จริงๆแล้วเราก็ทำเช่นนี้อยู่เสมอเสมอ
และหลายครั้งเราไม่รู้ตัว

ความคาดหวังทำงานเสมอ
รับผิดชอบและดูแลความคาดหวังของตัวเราให้ดี
เพื่อที่เราจะได้ไม่จำเป็นต้องวิ่งตามความคาดหวัง
ของผู้อื่น ที่เราไม่ปรารถณา

และเพื่อที่จะได้เข้าใจชีวิตที่แท้
เพื่อจะได้เข้าใจความสุขที่แท้
เพื่อจะได้เข้าใจการปล่อยวางความคาดหวังที่แท้

รักตัวเองให้เป็น รักผู้อื่นให้เป็น
มองความสุขในมุมกว้าง
"ทุกวันเป็นวันดี

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ชลนา ทิชากร, choy, รัตนาวดี, บูรพาท่าพระจันทร์, รพีกาญจน์, ไพร พนาวัลย์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
06 มิถุนายน 2013, 11:26:PM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2013, 11:26:PM »
ชุมชนชุมชน

ในดีมีร้ายในร้ายมีดี
คนดีหรือคนเลวก็เป็นครูเราได้
ตัวเราเองก็เป็นครูตัวเราเองได้เช่นกัน
เราทุกคนล้วนเคยทำผิด
แต่ผิดที่ว่าใครนั้นนิยาม
สิ่งที่เราแบก สิ่งที่เรายึดถือ
ก็เป็นเราไม่ใช่หรือ ที่ให้คุณค่าสิ่งนั้นนั้น
ชีวิตคือวัฏฏะแห่งสุขและทุกข์ที่ไม่หยุดนิ่ง
สุขและทุกข์คือกระแสความคิดที่เปลี่ยนแปลง
ชีวิตเราคือการดิ้นรนหาความสุข
และความพยายามที่จะไม่เป็นทุกข์
แล้วตัวเราเองอีกที่เป็นคนนิยาม สุข-ทุกข์
แล้วตัวเราเองที่ใช้การคิดซ้อนเพื่อให้มันยุ่งยาก
ยากเพื่อจะให้เรารู้สึกเก่ง รู้สึกว่าเรานั้นดี
ยากเพื่อที่จะปฏิเสธความจริง
ชีวิตมีทั้งด้านที่ดีและน่ารังเกียจ
แต่เราเองอีกที่เป็นคนตีค่า
กฎเกณฑ์นั้นมี ยอมรับ เข้าใจ ยิ้มหัวและวางเฉย
ไม่ใช่ปฏิเสธ หรือวิ่งหนีกฎเกณฑ์
อิสระภาพที่แท้ คือการมีความสุข ความเข้าใจ
ในทุกข์ขณะที่เป็นอยู่

ฉันเองไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนเลว
เป็นเพียงคนธรรมดา ที่พยายามมีความสุข
และเรียนรู้สุข ทุกข์ ให้มากที่สุด
เพื่อจะเล่าขานถึงชีวิต
เพื่อช่วยให้เราทุกคนได้ก้าวพ้นความเจ็บปวด
ฉันเป็นคนธรรมดา ที่คาดหวังที่จะเห็นสันติ
ฉันรักในอัตตาและความเป็นธรรมดานี่ไม่น้อย
ฉันคือคนที่เจ็บปวดกับโลกใบนี้เช่นทุกคน
ฉันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวด จึงรู้ซึ้งถึงความรัก
ฉันจึงเล่า สิ่งที่รู้ และสิ่งที่ใช้บรรเทาความเจ็บปวด
และหลายครั้งก็เล่า เพื่อเตือนใจตัวเอง

ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างฉันและเธอ
ฉันเป็นคนโง่
ที่หลงใหลในความว่างเปล่าอันเคว้งคว้าง

แด่การเปลี่ยนแปลงเล็กเล็กของจักรวาร
ที่เรายึดถือ และเรียกมันว่า "ชีวิต"

'ทุกวันเป็นวันดี'

ป.ล. ฉันก็เขียนไปเรื่อย ไม่ได้ตั้งใจจัดวางโครงเรื่อง
ย่อหน้า หรือตั้งแบบแผนใดใดขึ้นมาจริงจัง
เขียนสะเปะสะปะไปอย่างนั้น แต่ชีวิตก็เป็นเช่นนี้
มิใช่หรือ ?

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ชลนา ทิชากร, choy, รัตนาวดี, บูรพาท่าพระจันทร์, รพีกาญจน์, ไพร พนาวัลย์, พี.พูนสุข, Shumbala, ...สียะตรา..

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
07 มิถุนายน 2013, 10:17:PM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2013, 10:17:PM »
ชุมชนชุมชน

"รางวัล" สิ่งสำคัญที่ถูกละเลย
// เทคนิคสำคัญที่สามารถเปลี่ยนชีวิตใครต่อใคร
ให้กลายเป็นคนใหม่ที่ยอดเยี่ยม(หรืออาจตรงข้าม)
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำง่ายที่สุด //

สาเหตุหนึ่งที่เราทำบางสิ่งไม่ค่อยสำเร็จ
เพราะเราขาดรางวัลครับ รางวัลที่ค่อนข้างเป็นรูปธรรม
รางวัลที่สัมผัสได้เลยเดี๋ยวนั้น

ลองชมตัวเองดูครับ ชมตัวเองเบาเบา
เมื่อทำสิ่งที่ดีต่อตัวเอง

เช่น เมื่อออกกำลังกายเสร็จก็ชมตัวเองในใจว่า
ดีมากเลย ที่เราดูแลสุขภาพของตัวเอง
ดีมากเลยที่เรารักตัวเอง
และอาจตามด้วยเครื่องดื่มที่ชอบ(ที่มีประโยชน์)
เป็นของรางวัลด้วยก็ไม่ว่ากันครับ

ผมเคยทดลอง เรื่องนี้ โดยให้เด็กสองคนแข่งตีแบตฯ
โดยที่แต่แรก เด็กทั้งสองมีฝีมือที่สูสีกันมาก
และผมเลือกชม เด็กหนึ่งคน สังเกตผล
ปรากฎว่าเด็กคนนั้นเล่นได้ดีขึ้นในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
และเมื่อผมลองตำหนิเด็กอีกคนเมื่อทำผิดพลาด
เขาก็จะทำผิดพลาดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว

จะลองดูด้วยตัวเองก็ได้นะครับ

อีกการทดลองหนึ่ง ก็คือ
ครั้งหนึ่ง ผมได้มีโอกาสสอนพิเศษให้กับน้อง
ผมเลยลองทำการทดสอบ คือ
ครั้งแรก(วันแรก) สอนไปเฉยๆ ไม่มีคำชม ไม่มีการตำหนิ
การเรียนก็เป็นปรกติครับ ราบเรียบ นิ่งเฉย
พออีกวัน ผมลองตำหนิ เมื่อเขาทำพลาดบ้าง
เมื่อเขาตอบผิด เมื่อเขาไม่เข้าใจ
ปรากฏว่า การเรียนในวันนั้นไม่ค่อยก้าวหน้าเลย
บรรยากาศก็ตึงเครียด ผู้เรียนก็อาการหนักกว่าเดิม
ผู้สอนเองก็ไม่ได้สนุกกับการสอนสักเท่าไรนัก

แต่พอวันต่อมา ผมเลือกใช้การชมเข้ามาแทนที่
ชมเมื่อเขาทำได้ แม้เล็กๆน้อยๆก็ตาม
และทำเมิน ในข้อผิดพลาดของเขาเสียบ้าง
ก็ปรากฎว่า การเรียนการสอนครั้งนั้น เป็นไปได้ด้วยดีครับ
น้องเข้าใจได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ผมเองก็สนุกกับการสอนมากขึ้นด้วย
น้องก็สนุกกับการเรียนมากขึ้นด้วย

เห็นไหมครับ คำชมและรางวัล
หากใช้ให้เป็นแล้วล่ะก็
เราก็จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างง่ายดายครับ
และการชมตัวเองก็ให้ผลดีเหมือนกันครับ
(แนะนำว่าชมเบาๆ และอย่าชมอย่างเปรียบเทียบครับ)

เล่าสู่กันฟังครับ เรื่องสำคัญที่เรามองข้าม
ส่วนถ้าคิดว่า วิธีการนี้จะผิดหลักหรือปรัชญาของศาสนาไหนๆ
ก็ขอให้คิดใหม่ครับ คิดให้ดี วิธีการเหล่านี้ ทุกศาสนา ใช้หมดครับ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, ชลนา ทิชากร, choy, ไพร พนาวัลย์, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, Shumbala, ...สียะตรา..

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
18 มิถุนายน 2013, 02:49:AM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2013, 02:49:AM »
ชุมชนชุมชน

เขียนเล่นเล่นครับอันนี้

เราถูกสะกดจิตอยู่ทุกวี่ทุกวัน
ฟังเพลงอกหัก ดูเอ็มวีเพลงเกาหลี
เปิดโฆษณา ดูละคร อ่านนิยาย
โดนด่า โดนชม และการพูดกับตัวเองซ้ำๆ
และอื่นๆอีกมากมาย

ในยุคแห่งการหลอกหลอนและปั่นหัวคนแบบนี้
จำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราจะต้องมีสติให้มากกว่าที่ผ่านมา
และเลือก ที่จะรับข้อมูลต่างๆเข้ามาในหัว
กล้า ที่จะรู้จักกับความเชื่อของตัวเอง

ไม่งั้น เราก็จะเป็นแค่เหยื่อ
ที่ถูกล่อลวงโดยคนที่ฉลาดกว่าในบางด้าน

หลอกกันไปหลอกกันมา
ร้ายกว่านั้นก็หลอกตัวเองซ้ำๆต่อ

อ้าว แล้วจะแก้อย่างไรดี

วีธีที่ง่ายที่สุด
รักตัวเอง (เคยพูดไปแล้วเมื่อเร็วๆนี้)
แล้วอีกวิธีคือการอธิษฐาน
อธิษฐานกับตัวเอง กับความดีที่ตนกระทำ
ว่าจากนี้ ขอให้เรามีสติมากขึ้น
จิตใจเราเลือกรับแต่ข้อมูลที่ดี

แต่ก็ต้องรู้จักกับความคาดหวังของเราให้ดีด้วยล่ะ

ขอให้มีความสุขในทุกวัน
ทุกวันเป็นวันดี

_______________________________________
รักตัวเองให้เป็น
รักที่ว่านี้รักอย่างไร
รักอย่างที่ปรารถณาให้ตัวเองพ้นทุกข์
ปรารถณาให้ตนมีความสุข
ชื่นชม ยินดี ในสิ่งดีที่ตนทำและได้รับ
วางเฉยได้อย่างเข้าใจความธรรมดา
จากนั้นก็ส่งมอบความรักที่ว่านี้ให้ผู้คนรอบตัว
พิจารณาความรักที่ว่านี้โดยรอบและเสมอๆ
ยึดไว้เป็นฐานหลักของการคิด พูด และทำ
เมื่อทำเช่นนี้ ความเดียดฉันท์ตัวเองและผู้อื่นจะหายไป
เมื่อนั้นสิ่งดีจะเข้ามาในชีวิต และสิ่งไม่ดีจะหายไปเอง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, ...สียะตรา.., รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
18 มิถุนายน 2013, 03:16:AM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2013, 03:16:AM »
ชุมชนชุมชน

ความจริง ความเชื่อ ต่างกันสักเพียงไหน ?

มีคนถามผมว่าการสะกดจิตทำได้จริงไหม
จริงครับ ผมยืนยันได้ แล้วเรายังพบเห็นกันบ่อยๆอีกด้วยครับ

ยกตัวอย่างนะครับ พระสงฆ์ชื่อดังรูปหนึ่ง
แนะนำโยมที่มีปัญหาหลากหลายเรื่อง
ว่าให้ไปสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีการต่างๆดังนี้
เพื่อที่จะได้หายจากปัญหานั้นๆที่เผชิญอยู่
ซึ่งญาติโยมต่างก็พากันทำตามพิธีกรรมนั้น
และได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นมาทันตาหลังจากที่ทำ

หากมองในอีกมุมหนึ่งเราอาจบอกได้ว่า
เมื่อเราเข้าไปหาผู้ทำพิธี เราก็มีความคาดหวังอยู่ลึกๆ
ว่าเขาจะสามารถให้อะไรบางอย่างแก่เราได้อยู่แล้ว
บวกกับ ความเกี่ยวข้องทางศาสนา และพิธีกรรมลึกลับ
 ซึ่งเกี่ยวพันลึกซึ้งกับความเชื่อระดับลึกของคนเรา
ก็ทำให้เราเชื่อว่า ปัญหาได้รับการปัดเป่าหรือบรรเทาแล้ว
และเมื่อเชื่ออย่างนั้นเข้าอย่างจริงจัง
เราก็จะทำการแก้ปัญหาโดยตัวเราเองอย่างไม่รู้ตัว
และแก้ได้สำเร็จเสียด้วย

และเราก็จะหาเหตุผลร้อยแปดเพื่อมายืนยัน
ว่าความเชื่อของเรานั้นเป็นความจริง
และเหตุผลส่วนมากก็เป็นแค่ความเชื่ออีกที

หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง

กลุ่มนักธุรกิจที่เชื่ออย่างแรงกล้า ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้อง
ดีงาม และวิเศษกว่าใคร ก็ทำให้เขากล้าหาญอย่างมาก
ที่จะไปรบเร้าคนอื่นๆให้เชื่อและเห็นตามเขา หรือมากกว่านั้น
คือให้ทำตามวิธีการที่เขากระทำ ทั้งที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์
หลายชิ้นที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นั้น
ไม่ได้ช่วยเหลือใครสักเท่าไรนัก หรือ ที่สร้างความเดือดร้อน
นั่นก็มีอยู่มากเช่นกัน
แต่ก็ด้วยความเชื่อมั่น ที่ถูกปลูกฝังมาอย่างฝังลึก
เขาก็จะไม่มองถึงผลลัพธ์ด้านลบของสิ่งที่ตัวเองทำ
และดั้นด้นทำสิ่งที่เชื่อจนเป็นรูปธรรม

ครับ วิธีการสะกดจิตก็คล้ายๆกันนี้ครับ

เราทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตเพื่อรับใช้"ความเชื่อ"ทั้งนั้น
ความเชื่อ ที่เปลี่ยนไปเรื่อยจนหาแก่นสารไม่ได้

และ ความเชื่อเป็น "ทางเลือก" ที่เราสามารถเลือกได้ครับ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, ...สียะตรา.., รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, อริญชย์, ไพร พนาวัลย์

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
23 มิถุนายน 2013, 07:02:PM
เขียนชีวิต
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


เขียน"ชีวิต"
เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2013, 07:02:PM »
ชุมชนชุมชน

เชื่อสิ เราเองแยกความเชื่อออกจากความจริงกันไม่ค่อยได้
หลายครั้ง เราทำเลว เราต้องปลอบใจตัวเอง
แล้วเชื่อ หรือเรียก การปลอบใจตัวเอง ว่าเป็นการมองเห็นความเป็นจริง
เราทำดี เพราะเชื่อว่าเราจะได้รับสิ่งตอบแทนจากใครสักคน
จนไม่เห็นผลลัพธ์ที่แท้ของการกระทำนั้น
เราเชื่อว่าเราไม่คู่ควรต่อความรักที่งดงามไม่มีเงื่อนไข
ท้ายที่สุดเราทอดทิ้งความรักนั้นไปด้วยตัวเราเอง

หลายครั้งเราเดินตามความเชื่อ ที่ใครไม่รู้สอนให้เราเชื่อ
และยึดถือว่านั่นคือความจริง
หลายครั้งเราถูกใครก็ไม่รู้ หลอกให้ทำสงคราม
เพื่อผลประโยชน์ของคนไม่กี่คน ล้มตายกันเสียมากมาย
หลายครั้ง เราทะเลาะกันเพราะความเชื่อที่แตกต่าง

หลายครั้ง เราเองพยายามปิดเปือนความจริงด้วยความเชื่อ
ทั้งเพื่อปกปิดความอ่อนแอ เพื่อผลประโยชน์ เพื่อความสบายใจ

หลายครั้ง ความจริงกับความเชื่อแยกกันไม่ขาด
และต่างเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

ความเชื่อเปลี่ยนได้ และเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
เรา เลือกที่จะเชื่อ เลือกที่คาดหวังได้ และควรที่จะทำ

ทุกความคิด คำพูด และการกระทำ มอบบางสิ่งให้เราเสมอ
มองที่ผลลัพธ์ของความคิด ความเชื่อ
และมองความเชื่อของเราด้วยใจที่เปิดกว้างดูบ้าง
แล้วจะพบ ว่าชีวิตเราก็คือ "ความเชื่อ"
และจะพบ บางสิ่ง ที่"ควรค่า"แก่การเชื่อถือ
แต่ไม่มีสิ่งใดเลย ที่ควรยึดติด

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สนใจในชีวิตของบุคคลบนโลกหงิกงอ...
สนใจในแก่นแท้ของความไร้สาระ...
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s