---คำปลอบใจที่เจ็บปวดที่สุด---
เมื่อครั้งรักจักซึ้งน้ำผึ้งหวาน
ราดดวงมานจารฉ่ำเป็นน้ำเชื่อม
พอรักล้มก้มกลายแค่หมายเอือม
ก้อนหินเลื่อมลงทองทำนองคน
สุวรรณหลุดกุดไปดั่งไร้ค่า
หรือจะเปรียบเทียบหาพาสับสน
กับเพชรนิลจินดาสง่ายล
ส่องแสงท้นทิวาประภาเรือง
ยามหมดรักชักไว้มิให้หม่น
ปลอบใจคนพ้นโศกวิโยคเปรื่อง
สรรหาคำทำนุลุประเทือง
ผูกเป็นเรื่องโรยรามาปลอบใจ
เธอสูงศักดิ์ภักดิ์ศรีฤดีฉัน
ยากเทียบกันชั้นฟ้าหมาตัวไหน
ดั่งนกยูงสูงส่งหงส์ประไพ
เธอแก้วใสส่องจันทร์ฉันขุ่นมัว
เธอคนดีศรีตามความเทวศ
ด้วยอาเพศเหตุหม่นคนสลัว
ดีเกินไปใช่เป็นเห็นแก่ตัว
ฉันคนชั่วมั่วการณ์ขอผ่านลา
เธอยังน้อยสร้อยนวลชวนหลงใหล
ยังมีใครใคร่ปองสนองหา
ผิวพรรณสวยรวยลักษณ์ประจักษ์ตา
วันข้างหน้าคราใดได้สุขจินต์
บอกมาได้ดวงจิตแทบติดหล่ม
ดั่งอารมณ์สมปองตรองถวิล
ไม่อยากรั้งฝังใจให้ได้ยิน
เศร้าประทินเทียบสรรพสดับไป
หลากหลายคำนำกล่าวเป็นราวเรื่อง
สติเฟื่องเลื่องกลบันดลไหน
ข้อแก้ตัวมั่วเรียงเพียงปลอบใน
ห้วงหทัยใครหนอพะนอกล
เหมือนนบนอบปลอบใจมิให้หมอง
คำเรืองรองครองสุขได้ทุกหน
แต่คำนั้นมันบาดอาฆาตจน
หัวใจคนข้นแค้นแม้นปลอบมา
หากหมดรักจักบอกให้ชอกช้ำ
จงกระทำย้ำไปไม่ถือสา
คำปลอบใจในเจตน์เวทนา
อย่าคิดว่าครานั้นมันช่วยกัน
อยากเลิกคบจบลาอนาคต
ต้องกำสรดจดไว้ไห้ในฝัน
บอกมาเลยเอ่ยหาบอกลาพลัน
จะไม่หวั่นไหวเพลียเสียใจเลย
อย่าเสแสร้งแกล้งปลอบให้บอบจิต
คำน้อยนิดบิดเบือนเหมือนเพิกเฉย
เฉกลวงหลอกกลอกกลิ้งจากจริงเอย
ฉันจำเลยเผยสบให้ลบเลือน
บัณฑิตเมืองสิงห์