หลับฝันดี
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
25 เมษายน 2024, 10:30:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 [2] 3
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หลับฝันดี  (อ่าน 23150 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
17 เมษายน 2010, 09:36:AM
..ทักษมน..
Special Class

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 81
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 339



« ตอบ #20 เมื่อ: 17 เมษายน 2010, 09:36:AM »
ชุมชนชุมชน

มาพบภักดิ์นักกวีที่เป็นเอก
ก็เหมือนเฉกเช่นเผลอเจอน้ำใส
ดับกระหายหมายเห็นก็เย็นใจ
ขอประดับรับไว้ดังได้ครู

เนื่องจากความสอดคล้องน้องยังขาด
อยากเปรื่องปราดพลาดน้อยร้อยเรียงรู้
จะหมั่นเขียนเวียนพบประกบดู
ทุกอณู...ฉันทลักษณ์..แบบนักกลอน


(โพโพ)

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

โลกนี้สีชมพู
17 เมษายน 2010, 01:06:PM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #21 เมื่อ: 17 เมษายน 2010, 01:06:PM »
ชุมชนชุมชน

คุณ taxamon และคุณ จีโฮโต้หยิน
ขอบคุณที่ทำให้ประหยัดค่าอาหารไปได้หลายมื้อ ...
และขอขอบคุณด้วยบทกลอนที่เคยโพสต์ก่อนหนานี้ครับ

๒. สันโดษแดน

บ้านหลังนี้บังฟ้าอากาศหนาว
ด้วยฝาขาวยาวตลอดลอดลมไหว
ฝาอากาศขาดคนมาใส่ใจ
เป็นตึกไร้จับจองของได้มา
ตึกทึนทึกทะมึนมัวทั่วเมืองหลวง
อาคารลวงสถานหรูกู่เคหา
นิวาสร้างสร้างบนเงื่อนเงินตรา
นิราศพาคนจรอยู่นอนกิน
ทั้งยาเสพย์อาชญาหมาจรจัด
ร่วมรังวัดตัดแบ่งแท่งปูนหิน
นั่นที่นอนที่อยู่ที่ประทิน
ทั้งหมดสิ้นดิ้นอยู่แค่หนูตาย
ที่ปีชวดเพราะชวดที่จากท่านชวด
ไร้ทรัพย์อวดนับหน้าค่าหลากหลาย
ต้องอาศัยตึกเปลี่ยวเที่ยวเร้นกาย
หลบซ่อนอายว่ายวนจนด้านชา
ฉินนิเวศน์ติเตียนผู้อาศัย
คนหลากภัยมากพิษพวกมิจฉา
เป็นแหล่งรวมเหล่าร้ายนับนานา
มองอีกตาแดนวิเวกเสกภิรมย์
สันโดษแดนชื่อควรเรียกอีกปาก
คนใจจากตัดพรากรากสร้างสม
กินอยู่ง่ายไร้ห่วงบ่วงอาจม
ควรสังคมชื่นชมกว่ากรมใด

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๓. แสงอัตตา

เจ้าความรักความหลงจากดงไหน
มาผูกใจพันไว้มุมสลัว
มามอมเมาเป่ามนต์จนมึนมัว
ทั้งกล้ากลัวระรัวเพลงเร่งลุ้นลอง
เพลงลุ้นหนุนเพลงลองทำนองหลาก
เพลงลำบากเล่นรวดปวดสมอง
รักพลาดรักอกหักจักตานอง
รักสมปองดั่งทองทาบทาใจ
ดนตรีรอล่อไว้ในมุมมืด
ทั่วกายฝืดขัดแข้งไร้แรงไส
คู้จับเจ่าเฝ้ารอความเป็นไท
แถลงไขความในใจได้ลีลา
ในมุมมืดลีลาศไม่ขาดสิ้น
มีเพลงพิณบรรเลงเพลงตัณหา
มีแสงทองส่องแยงแสงอัตตา
ปลุกมิจฉาว้าวุ่นหมกมุ่นปอง
แสงอัตตาอัดแรงตะแบงอยู่
ลุ้นรักคู่สู่สมภิรมย์สอง
ลุ้นวิญญาณชิดชู้อยู่ร่วมครอง
ตามครรลองสนองเหงาเฝ้ารอคอย
เจ้าความรักความหลงจากดงมืด
เจ้าช่วยยืดลมใจไกลอีกหน่อย
ช่วยส่องแสงบอกทางคนเลื่อนลอย
คนท้อถอยคอยรักจนดักดาน

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๔. มุมนอนมอง

ตาต่อตาสบกันในชั้นเท่า
เจ้าต่อเจ้ามองกันไม่หวั่นไหว
ไพร่ต่อไพร่จ้องกันไม่หวั่นใคร
วัยเท่าวัยเห็นกันไม่พรั่นพรึง
ยืนต่อยืนนั่งต่อนั่งหยั่งเชิงได้
ใจต่อใจวัดกันปั่นเครียดขึง
นอนต่อนอนดูกันเกิดรัดรึง
แต่เป็นหนึ่งซึ่งรู้คิดนอนพิศมอง
นอนดูดาวบนฟ้าจ้าจรัส
เห็นแจ่มชัดทั่วนภาฟ้าไร้หมอง
ล้านดาราร่วมกระพริบละลิบนอง
ด้านที่สองของมุมมองตรองเป็นครู
มองเรื่องราวเล็กใหญ่ให้มองฟ้า
ที่นภาหาสิ้นสุดลูกตาหู
โลกเปรียบเป็นฝุ่นละอองของผาภู
เรื่องตัวกูกระทู้ใดเท่าไข่แมง
จงมองเหตุมองผลพ้นหลังคา
ของบังตาของยึดติดฤทธิ์แอบแฝง
ตาต่อตามุมเทียมเท่าเย้ายุแยง
เรื่องร้ายแรงมีที่มาจากมุมมอง
มุมมนุษย์พิศุทธิ์ได้ด้วยมุมฟ้า
มุมปัญญาเปิดกว้างทางทุกผอง
ทางช้างเผือกใหญ่กว่าอัตตาครอง
ฝุ่นละอองอวกาศผงาดใย
            
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
            
๕. ในห้องหนาว

ผนังขาวคลุมครอบพนักงาน
ใช่คนพาลคนผิดคนคิดโทษ
เป็นเพียงผู้เรียนมาเพื่อเดี่ยวโดด
มีรุ่งโรจน์เป็นมุมมองนอกห้องกรง
หลอดขาวนวลแท่งยาวแทนอาทิตย์
แสงส่องผิดฟ้าฝ้าแฝงประสงค์
ลมเคมีเป่าอ่อยปล่อยไอปลง
แรงเคยคงลงไปในห้องกลอน
ผู้ควบคุมความประพฤติยึดอำนาจ
เพียงกระดาษเงื่อนไขใบปลิ้นปล้อน
แผ่นม่วงแดงผู้กำหนดอดหลับนอน
ผู้ลิดรอนปีกชีวิตป่วยปลิดปลง
ปีกชีวิตบิดงอในห้องหนาว
ปีกเคยขาวคล้ำหม่นขนปลิวหลง
เคยโอบแอบแนบแน่นแผ่นอกทรง
มาทิ้งลงทิ้งปล่อยคอยสิ้นงาน
กำหนดโทษกำหนดไปไร้ทิศา
กำหนดมาตามนิยมสั่งสมสาน
กรงเวลาขังลืมนานเนิ่นนาน
กุญแจด้านกุญแจใดไขออกมา
ผนังขาวผนังผิวจางซีดแล้ว
ลมใจแผ่วแรงกายอ่อนอ้อนโหยหา
มุมมองนอกห้องกรงเคยคุ้นตา
มุมระอามองใกล้ไกลไม่พบเจอ

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๖. ศึกดวงตา

ทุกคนมีตาตำหนิติเตียนอยู่
จ้องมองดูรู้ทันแม่นมั่นหมาย
ประพฤติผิดคิดบาปทำหยาบคาย
มากอุบายหลายหน้าท้าเวรกรรม
ตาคู่นี้มีค่ากว่าที่คิด
ตักเตือนจิตห้ามใจไม่ถลำ
ดึงสติไม่ริชั่วหัวคะมำ
ตัวตกต่ำย่ำอาจมล้มคลุกคลาน
อย่าปิดตาตักเตือนบิดเบือนชั่ว
รู้จักกลัวมัวหมองจ้องล้างผลาญ
รู้ละอายบาปกรรมอำนาจมาร
ทำลายญาณค้านวิมุติพุทธองค์
จงสบตาเจ้าชีวิตพิศพิเคราะห์
ทำเหมาะเจาะเกาะกุมไม่ลุ่มหลง
หรือประพฤติยึดต่ำถลำลง
เข้ารกพงวงจรร้อนทุรน
จงสบตาพ่อแม่และญาติมิตร
ด้วยดวงจิตไร้มิจฉาพากุศล
ไม่ตะขิดตะขวงห่วงกังวล
ด้วยกมลหม่นหมองข้องเกี่ยวทราม
จงสบตาตัวเองไม่เกรงเขิน
รับสรรเสริญเจริญล้นพ้นเหยียดหยาม
ภาคภูมิใจในเคร่งครัดบัญญัติงาม
ด้วยทำตามจิตสำนึกศึกดวงตา

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
         

๗. คนสุดโต่ง

คนสุดโต่งโจ่งแจ้งแสดงชัด
อารมณ์จัดสัมผัสง่ายคลายฉงน
เหมือนรูปวาดบาดตาทาสีชน
ฟ้าเข้มข้นดำขำขลับขาวจับตา
เหมือนหนังสืออ่านง่ายสบายหัว
สอดหัวร่อใส่หัวรื่นชื่นเนื้อหา
เพลินอารมณ์สรวลเสคำเฮฮา
ไร้มารยาหน้าหลังกังขาแคลง
บางครั้งเหมือนพายุอุบัติไว
จะมาไปไม่รู้ตัวทั่วกำแหง
โมโหโกรธโหดหนุนหุนหันแรง
ดุจเพลิงแดงน้ำมันราดสังวาสกัน
   ยามซาบซึ้งตรึงใจเรื่องใดเข้า
เหมือนมัวเมาเหล้าร้ายทำลายขวัญ
หลงจนลืมปลื้มจนเลือนเลื่อนคืนวัน
ภูมิคุ้มกันสามัญคิดปิดดับตาย
คนอารมณ์ข้นเข้มเต็มเม็ดหน่วย
มักร่ำรวยเพื่อนสนิทมิตรสหาย
ด้วยมองเห็นทองคำประจำกาย
บอกความหมายจริงใจในอุรา
   คนชัดเจนเล่นชีวิตจนมิดด้าม
ไม่ครั่นคร้ามหวั่นไหวไร้กังขา
ด้วยหัวใจใสแจ่มแย้มปรัชญา
ทั่วผืนหล้าคือผืนเสื่อเกลื้อเกลือกมัน

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๘. เช่าชีวิต

เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนหมาล่า
เนื้อโอชารสล่อกลิ่นฉ้อฉล
ผลตอบแทนแผนเท่ห์ร้อยเล่ห์กล
อุบายคนกินคนชนชั้นเชิง
เป็นเทวาเงินผ่อนนอนครึ่งตา
อยู่พาราเมืองเทพเสพย์หลงเหลิง
เช่าชีวิตเขาอยู่อู่บันเทิง
รื่นระเริงเหลิงลอยด้วยน้อยเชาวน์
เป็นลูกจ้างขื่นขมก้มไถหว่าน
สร้างผลงานผลประโยชน์ให้โคตรเขา
เป็นลูกแถวไร้วันหน้าปัญญาเบา
เป็นผู้เช่าชีวิตจากเจ้านาย
เช่าชีวิตหัวโขนมาสวมใส่
หัวจัญไรเสือกไสไม่หลุดถอน
หน้ากากมารครอบสนิทฤทธิ์บั่นทอน
ดุจแร้วกลอนฉุดไว้ในวนวัง
วิสัยทัศน์ความคิดถูกปิดกั้น
ด้วยเชื่อมั่นเงินตราพาวาดหวัง
ทั้งเงินเดือนโบนัสอัดกำลัง
ขุดหลุมฝังความตั้งใจในชีวี
เป็นมนุษย์เงินเดือนต้องเตือนตน
อย่าหลงกลฝังรากฝากไข้ผี
กับเหล่าเหลือบเคลือบคลุมกุฎุมพี
เสือกไสตีบี้ไล่เห่าเอาแต่ตน
            
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๙. กำแพงคน

รอบรอบตัวมีคนอยู่มากมาย
รอบรอบกายหลากหลายมาห้อมล้อม
รอบรอบหูพูดฉุยคุยออมครอม
อยู่พรักพร้อมจอมเจ้าเฝ้าตระเวน
ฟังคนโน้นยินคนนี้มีหลากเรื่อง
ที่ประเทืองปัญญาน่าคิดเห็น
อีกเหตุการณ์ตรงเป้าเข้าประเด็น
แต่เหลือเข็นคือนินทาแอบว่ากัน
   อยู่กับคนมากมายทั้งซ้ายขวา
น่าอิจฉาเพื่อนพร้อมย้อมสุขสันต์
กลับรู้สึกอ้างว้างขึ้นกลางคัน
เหมือนติดจั่นคนนั้นนี้มีกำแพง
   กำแพงคนกั้นคนแม้ชนหน้า
มีเส้นผ่าเรื่องแบ่งแยกแขนง
ปากพูดคุยแต่ใจไหวระแวง
เรื่องไฟแดงไฟเขียวเลี้ยวให้ดี
   กำแพงคนทำคนเดี่ยวเดียวดาย
ไม่สบายเหมือนอยู่เพื่อนสูสี
ไม่คล่องใจสะดวกปากหลากท่าที
เรื่องโน้นนี้พูดไปใจบอกมา
   รอบรอบตัวแม้มีคนอยู่มาก
แต่ก็อยากหลบหลีกปลีกไปหา
เพื่อนสนิทชิดชอบตอบเฮฮา
ทุกวาจาพูดไปไม่ลิ้นเกร็ง
                        
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
   
๑๐. โรคศรัทธา

เคยมากมีศรัทธาต่อผู้คน
ทุกชั้นชนเลื่อมใสในจิตสวย
โน่นคิดดีนั่นคิดงามตามอำนวย
กลับมอดม้วยหมดเลื่อมใสใคร่โรมรัน
   เคยมองเห็นเพื่อนโลกโฉลกถูก
คิดพันผูกปลูกทางสร้างสิ่งฝัน
ให้ปรากฏงดงามตามสัมพันธ์
กลับหยามหยันกั้นปิดติดเงื่อนปม
   เคยบ้างานเชี่ยวชาญหลากหน้าที่
ทุกนาทีทุ่มใจกายหมายสุขสม
หามรุ่งค่ำย้ำสังคมบ่มนิยม
กลับเลิกล้มซมเบื่อเหลืองานทำ
   เคยมุ่งรักหมายหวานเบิกบานจิต
สวาทฤทธิ์สร้างหวังพลังหนำ
อารมณ์หวานซ่านซาบฉาบใจกรำ
กลับชอกช้ำกล้ำกลืนฝืนสืบพันธุ์
   เคยดูหนังมหรสพจบสนุก
คละเคล้าคลุกสุขเศร้าเขย่าขวัญ
ผสมโรงอารมณ์ใส่ใจพัวพัน
กลับแปรผันหยันด่าว่าเปิ่นเชย
   โรควิกฤตศรัทธามาระบาด
โรคอุบาทว์พิฆาตใจให้นิ่งเฉย
ซังกะตายไร้พลังดั่งเปรียบเปรย
เอ้อระเหยเลยตามเลยจนเคยตัว

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๑๑. ของเห่อเหิน

ใส่เสื้อยืดรองเท้าแตะแวะตลาด
ชมชาวกาดขายคาดวาดยอดขาย
ขนมต้มหมูแดงแกงปลากราย
กุ้งหอยลายไส้หมูปลาทูนา
   แหล่งของสดแม่ค้าหน้าผ่องใส
ผู้ใครใคร่ค้าใดก็ได้ค้า
ทั้งแกงไก่แกงเป็ดขนมยา
ของต้องตาน่าลองของถูกปาก
   ถิ่นชาวบ้านค้าขายจับจ่ายซื้อ
ไม่ยึดยื้อแผนขายมากหลายฉาก
ไม่มุ่งแข่งตามเป้าเฝ้าเพียรพาก
จนยุ่งยากมากเรื่องเปลืองปัจจัย
   เดินตลาดชาวบ้านร้านขายซื่อ
ราวฝึกปรือมุมมองลองสงสัย
ธุรกิจผลิตขายแข่งประลัย
ทุกขวบวัยใช้ของสนองเกิน
   ทรัพยากรมีอยู่เท่าดูเห็น
ยังใจเย็นเฟ้นเป็นของเห่อเหิน
ผลิตโน่นขายนี่เซ่นผีเงิน
ไม่หยุดเพลินจะเหมือนเดินบนเนินภัย
ตลาดสดหมดจดเรื่องเปลืองสิ้น
ทำพอกินทรัพย์สินไม่สิ้นขัย
อยู่ตรงไหนใช้ตรงนั้นทุกที่ไป
เลิกกินใช้ตามอย่างเขาวางลวง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๑๒. คนคู่แท้

เชื่อว่าโลกนี้มีคนเคียงคู่
ร่วมกินอยู่สร้างสมภิรมย์สอง
ร่วมทุกข์สุขรักหลงร่วมปรองดอง
ประคับคองซึ่งกันทุกวันวาย
จึงเฝ้าหาเฝ้าสนคนเช่นว่า
“โซลเมต”หน้าตาใดให้ขวนขวาย
เขาว่าคู่แท้ถ่องเป็นของตาย
ต้องคลับคล้ายละม้ายเหมือนเตือนใจจำ
ทั้งหน้าเหมือนหน้าต่างถึงหน้าแปลก
ทำหน้าแตกแหกปลดกฎน่าขำ
เจอะเจอแล้วหลายพักตร์ล้วนปรักปรำ
เหมือนผีอำเย้าหยอกหลอกลำเค็ญ
คนเคียงคู่อาจอยู่ไม่ไกลใกล้
คนที่ใช่อาจเห็นเหมือนไม่เห็น
คนคนนี้หยอกเย้าทุกเช้าเย็น
มัวเลือกเฟ้นละเว้นเป็นคนเคย
คนคุ้นเคยเฉยชืดจืดสนิท
ไม่พลาดผิดแม่นยำคำเฉลย
เช่นลูกไก่ในมือกำคำพังเพย
จึงละเลยเขนยคุ้นหมดลุ้นลอง
   คนคู่แท้แน่แน่วอยู่แถวนี้
คนโชคดีบุญมีศรีสนอง
จึงมองเห็นมองลึกรู้ตรึกตรอง
รู้ค่าทองสายสร้อยห้อยใกล้ใจ

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๑๓. ดวงดอกหรีด

ดวงดอกหรีดกรีดบานนับนานเนื่อง
เกลื่อนกลบเรื่องเร้นราวปกปิดซ่อน
เหลือเพียงซากที่ยังแต่ลมรอน
ขยับก่อนตายจมลมปากใคร
บันไดเมรุเอนนั่งหวังเคยคุ้น
วันหมดบุญสิ้นกรรมคงนำใกล้
ได้เผาผีเชื้อชั่วตัวจัญไร
ได้หนีไกลสังคมกามตามทำลาย
ในห้องมืดยืดเวลาพาหมองหม่น
ในสับสนใกล้สิ้นแล้วทุกลมหาย
ในที่นอนหมอนฟูกผูกกลิ่นอาย
กรุ่นกลิ่นตายกลิ่นดับระงับลง
หยดน้ำเกลือหยดแล้วก็หยดเล่า
หยดว่างเปล่าหยดไปในร่างหลง
ทั้งแขนแมนเนื้อตัวร่วมปลดปลง
ปลิดร่างทรงวิญญาณเวรเจนกามา
แผ่นไม้บางตีกรอบอยู่รอบร่าง
แผ่นกระด้างกั้นกันแดนตัณหา
ดับกิเลสดับทุกข์อวิชชา 
หยุดเวลาร้อนเร่าหยุดมัวเมา
ไฟเอ๋ยไฟจงมาลามเลียร่าง
ทำลายล้างดอกหรีดดวงกรีดเศร้า
เผาให้สิ้นร่างลวงดวงใจเบา
ขจัดเขลาสาบส่งสังคมกาม

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
17 เมษายน 2010, 01:08:PM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #22 เมื่อ: 17 เมษายน 2010, 01:08:PM »
ชุมชนชุมชน

ค่อยๆอ่านทีละบทนะครับ
เพราะว่ามันค่อนข้างเครียด

๑๔. วันหยุดสมอง

เช้าวันหยุดวันเสาร์อาทิตย์เหมือน
ชีวิตเชือนแชว่างช่างแปรผัน
จากงานรัดมัดตรึงถึงศุกร์จันทร์
จู่ๆ พลันงันเงียบเหยียบเยี่ยมเยือน
เคยตาเหลือกรีบแถกแหกขี้ตา
อาบน้ำท่าใส่ชุดเบื่อเสื้อแบบเหมือน
บริษัทจัดให้ไว้ย้ำเตือน
ทุกคนเพื่อนร่วมองค์กรป้อนชีวี
สมาธิเคยมุ่งยุ่งอยู่งาน
เรื่องเมื่อวานค้างบานปานยักษี
เรื่องมาใหม่สุมใส่ร่วมไล่ตี
ยุ่งอย่างนี้สมฤดีมีสำรวม
งานแม้ยุ่งใจนิ่งไม่วิ่งพล่าน
ปรับสันดานงุ่นง่านด้านหลุดหลวม
เพลินปัญหาแก้ไขทุกกำกวม
อารมณ์ร่วมท่วมท้นจนรื่นรมย์
พอวันหยุดยุดยื้อตื้อตันตีบ
ไม่รู้รีบรู้ร้อนนอนทับถม
เจ้านายปล้นสมองเฟือเหลืออาจม
ไร้ด่าชมสั่งเตือนเหมือนไร้เชาวน์
ไร้ปัญญาคิดเองอาทิตย์หน
ด้วยวกวนเป็นกลไกจนขลาดเขลา
หยุดสมองชะงักคิดเป็นนิตย์เนา
หัวซึมเซาเพลาผ่อนอ่อนแรงลง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๑๕. มุมเวรกรรม

กฎแห่งกรรมใช่คำพูดไพเบี้ย
ส่วนเฉลี่ยแนวคิดวิทยาศาสตร์
กระแสจิตติดกลืนคลื่นอากาศ
ไม่ผิดพลาดเป้าเล็งเพ่งอาจิณ   
ถามตัวเองทุกวันไม่ฉันทา
ได้ฝืนฝ่าเพื่ออามิสทำผิดศีล
สร้างเวรกรรมย่ำยีต่อชีวิน
ทั้งหมดสิ้นเพื่อตัวกูผู้หิวโซ
เพราะบาปกรรมมีจริงจงกริ่งเกรง
กสิณเพ่งเปล่งแสงแรงอักโข
ผู้เดือดเจ็บเก็บไว้ในมโน
โกรธโมโหพลังจิตติดต่อไป
แรงอาฆาตเกลียดชังหลั่งไหลท่วม
สู่ศูนย์รวมคนกิเลสเปรตวิสัย
ต้อนเข้าสู่มุมกรรมกระหน่ำภัย
ป่นบรรลัยคนเงื่อนงำทำภัยพาล
เลิกสะสมเวรกรรมซ้ำเติมตน
ทำร้ายคนผุดผ่องจองล้างผลาญ
หลายกระแสหลากพลังรุมรังควาญ            
เมื่อสุดต้านด่านแตกแหลกรวยริน
เลิกตะกรุมเข้าขุมมุมเวรกรรม
ผลเหยียบย่ำซ้ำวิบากยากเบือนผิน
อำนาจจิตฤทธิ์ล้นกว่ายลยิน
ประมาทหมิ่นจะภิณท์พังเกินหยั่งเดา

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๑๖. โบกมือลา
                  
โบกมือลาพระอาทิตย์มิดขอบฟ้า
ลับนภาหายไปในแผ่นผืน
โลกกว้างใหญ่เปลี่ยนไปเป็นค่ำคืน
มืดมนกลืนพสุธาว้าเหว่แดน
โบกมือลาเพื่อนสนิทคนชิดเชื้อ
ร่วมแตกเนื้อแตกพานสำราญแสน
คล้องคอเที่ยวยิ้มหัวทุกทั่วแดน
เคยแนบแน่นแก่นใจใกล้ชิดกัน
เพราะเวลาของเพื่อนมีเท่านี้
รีบริบหรี่ดับหายตายจากฉัน
เร่งสลายกลายเห็นเป็นหมอกควัน
ด่วนดับขันธ์ผันผายหายจากไป
จะจดจำช่วงเวลาฟ้าสว่าง
ร่วมเดินทางสร้างสรรค์วันสดใส
ร่วมชีวิตมิตรภาพอาบเอิบใจ
ด้วยเยื่อใยอาทรไม่คลอนคลาย
เป็นแรงใจใช้ตอนอ่อนกำลัง
หมดพลังต่อสู้สู่เป้าหมาย
ครั้งหนึ่งเคยอิ่มใจไม่เดียวดาย
มีเพื่อนตายเพื่อนแท้แน่นิรันดร์
โบกมือลาคู่หูเคยอยู่ใกล้
จำจากไปใจขาดไม่คาดฝัน
โบกมือลาโชติช่วงดวงตะวัน
สิ้นสุขสันต์อันธการรุกรานมา
               
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๑๗. แรงอาทิตย์
                  
เช้าจรดเย็นเข็ญใช้แรงอาทิตย์
เป็นเนืองนิตย์เนิ่นนานผ่านโกฏิชาติ
ไม่เคยจ่ายค่าแรงแสงอำนาจ
ยังผูกขาดผูกใช้อยู่ดาวเดียว
คู่ชีวิตชาวโลกชาวโลภมาก
ร่วมลำบากตรากตรำแนบแน่นเหนียว
พลิกฟื้นดาวท่วมน้ำบอบช้ำเซียว
เป็นดาวเขียวดินดำงามล้ำเกิน
เกิดดาวเคราะห์เหมาะเจาะมีชีวิต
ผู้มากคิดแต่จิตน้อยด้อยขัดเขิน
มีเมียหลวงแรงอาทิตย์ยังคิดเพลิน
ไฟฟ้าเชิญเป็นเมียน้อยใช้สอยเปลือง
เมียใต้ศอกเปลี่ยนคืนเป็นอุจาด
ร่วมสังวาสผัวรักจนหน้าเหลือง
ดาวและเดือนหายไปในแดนเมือง
จารีตเรืองเรื้อไปในแดนรอง
เมืองนีออนซ่อนขมคาวขื่นเหม็น
ไฟฟ้าเป็นเครื่องกวนตะกอนหมอง   
ปลุกวิญญาณผีคืนตื่นทำนอง
กามาก้องร้องรำพร่ำเชื้อชวน
แรงอาทิตย์ใช้น้อยจากร้อยล้าน
ยังพลุ่งพล่านหาแรงใหม่ที่ยากผวน
ธรรมชาติให้มาตามสมควร
ลดเลิกกวนยวนย้อมกล่อมใจโคลง
                        
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๑๘. ปางพรหมแดน

อิฐต่ออิฐเรียงชิดเป็นองค์พระ
สิทธัตถะโคตมะพยัตเฉก
ด้วยเลื่อมใสศรัทธาในองค์เอก
ถือวิเวกอุเบกขาวิชชาแจง
ทองต่อทองห่อหุ้มสุกไสว
เรืองวิไลจับตารุจาแสง
รูปบูชาพญาปราชญ์วาดแสดง
ผู้รู้แจ้งดับทุกข์สู่นิพพาน
คนต่อคนกราบไหว้เลื่อมใสมั่น
นับหมื่นพันน้อมกราบตามเรียกขาน
เบญจางคประดิษฐ์สถิตนาน
คู่วิญญาณพุทธมามกะชน
ธูปต่อธูปโหมหอมพะยอมกลิ่น
เป็นอาจิณสมาจารนานพหล
ดอกต่อดอกเรียงรายไม้มงคล
ดั่งกมลสงบใจในศรัทธา
จนเกิดแต่งแบ่งเชื้อแยกชนชาติ   
ถืออุบาทว์คล้องคาดศาสนา
ดาบต่อดาบไล่ฆ่าแต่นั้นมา
อวิชชาแบ่งเทือกเถาเข้าทดแทน
พุทธรูปปางไหนคนไหว้กราบ
อีกคนหยาบจาบจ้วงป่วงป่วนแสน
เผาองค์พระมอดไหม้ด้วยใจแคลน
ปางพรหมแดนปางใหม่ในโลกโทรม

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๑๙. หนีห้องหนัก

คำสั่งนายเข้าประชุมกุมขมับ
คณานับซับซ้อนเรื่องร้อนหัว
กำไรหายขายขัดหนี้รัดตัว
อีกเกลียดกลัวคู่แข่งแย่งกำไร
เดินเรียงแถวเข้าห้องประลองยุทธ์
หมายขูดขุดคิดเห็นเข็นข้อไข
เสนอดีวิสัยทัศน์วัดกว้างไกล
หน้าบานใหญ่อื้ออลบนเวที
เวทีคิดเวทีปากลำบากแสน
พร้อมดูแคลนแค่นแคะแขวะเสียดสี
ความรู้เธอรู้ฉันมันห่างปี
อย่าทำทีปีนเกลียวคนเชี่ยวโชน
นั่งหน้าเคร่งเร่งคิดประดิษฐ์หัว
เคยบอกยั่วบอกไว้ไร้หัวโขน
ยุสร้างสรรค์ปั่นอุบายคล้ายแกล้งโดน
มัดมือโยนลงสนามสงครามศักดิ์
นั่งประชุมคุมใจให้อยู่ที่
ด้วยอยากหนีอยากออกนอกห้องหนัก
ปลีกหลีกพ้นคนเปรื่องเรื่องมากนัก
ฝันทะลักหลามไหลไกลประเด็น
ประตูห้องจ้องอยู่ดูยั่วเย้า
กระโดดเข้าโลกจ้อยน้อยคิดเห็น
ลงมือทำล้ำกว่าพูดเช้าเย็น
ขี้ฟันเหม็นกระเด็นเกลื่อนเปื้อนปัญญา

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

                  
๒๐. โอกาสดี

เหมือนแสงส่องต้องตายามมืดมิด
เพียงน้อยนิดติดไฟให้ความหวัง
เหมือนของหวานกินเติมเสริมพลัง
ยามเซซังประทังแรงตะแบงเดิน
   โอกาสมาเวลาอาการแย่
อารมณ์แพ้อบอวลป่วนขัดเขิน
มองไม่เห็นชะตาน่าเผชิญ
อีกบังเอิญไม่คาดฝันผันเหตุการณ์
   โอกาสมาเวลาอาการยอด
อารมณ์ปลอดโปร่งโล่งโยงฝันหวาน
มองไม่เห็นทองเป็นตั้งอลังการ
ไม่ประสานพรสวรรค์ดันชำนาญ
   อย่าทำลายโอกาสด้วยโอชา
อย่าเริงร่าเบี้ยบ้ายทำลายขวาน
พบไม้งามเมื่อคมบิ่นสิ้นเชี่ยวชาญ
เสียวิญญาณบันดาลไว้ให้ต่างกัน
   รอโอกาสที่เป็นโอฬารึก
เป็นเรื่องนึกหวังไว้เรื่องใฝ่ฝัน
ไม่ว่าคอยมาน้อยนิดหรือกัปกัลป์
ฉกฉวยพลันมั่นไว้ในแนวทาง
   โอกาสดีแวบมาเหมือนโอภาส      
อย่ามัวขลาดเขลาขันหันรีขวาง
ผ่านไปแล้วแคล้วคลาดพลาดผิดทาง
ปลิวเคว้งคว้างห่างไกลจากใจปอง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๒๑. พิโรธผี

สัญญาณโกรธโทษร้ายทำลายล้าง
คนเคียงข้างห่างหนีไมตรีสูญ
บริวารกร้านเก็บกดงดเทิดทูน
ตัวเสียศูนย์สูญหายหลายปัจจัย
โทสะหมุนดุลพินิจผิดทิศทาง
เคยเที่ยงกลางกลับขวางคิดวินิจฉัย
พิเรนทร์เพี้ยนเปลี่ยนสัตย์ตัดสินใจ
คล้ายกลับวัยสู่เด็กดื้อถือเยโย
พิโรธผีที่มาหาให้เห็น
ประโยชน์เป็นช่วยระงับดับโทโส
บ้างท้องหิวอดนอนบ้างอดโว
บ้างผิดโผพลิกคาดวาดวิมาน
อารมณ์ร้ายป้ายผิดดีเอ็นเอ
เป็นพื้นเพจากพ่อแม่แฉรากฐาน
หรืออบรมอ่อนจางสร้างสันดาน
หรือสัญญานบอกไว้ให้โกรธา
เปลี่ยนสัญญาณเปลี่ยนใหม่กันได้แล้ว
อย่าติดแร้วแผ้วป่วงบ่วงมิจฉา
หยุดเคยชินเรื่องนี้คือที่มา
ภูตผีบ้าผีโกรธโทษเรื่อยไป
เหมือนแข่งขันตัวตนพ้นความเคย
ดุจเปรียบเปรยผีเสื้อเถือรังไหม
แหวกออกสู่โลกกว้างทางบินไกล
ไร้เงื่อนไขนายอารมณ์อาจมใจ
               
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๒๒. หาตัวเอง

หาตัวเองหาไปทำไมหรือ
เพียงรู้ชื่อรู้กำพืดยืดเชื้อสาย
น่าเพียงพอเกิดมาสะดวกดาย
เดี๋ยวก็ตายหายสิ้นแผ่นดินกลบ
หาตัวเองหาไปให้เหนื่อยยาก
เหมือนรู้มากลำบากเติมเพิ่มกระทบ
แค่หากินหาอยู่คู่ประสบ
ก็เกินงบเกินเวลารักษาพงศ์
คิดแค่กินแค่อยู่มีคู่ขวัญ
คิดตามกันวิญญาณใจจึงหายหลง
เหมือนเสือช้างสัตว์ป่ามาอยู่กรง
โอหังปลงปล่อยจมูกให้ผูกเดิน
วิญญาณใจหล่อเลี้ยงวิญญาณโลก
หมุนสุขโศกโยกดีร้ายคลายขัดเขิน
มีงานศิลป์งานประเสริฐงานพิศเพลิน
เรื่องบังเอิญเรื่องตั้งใจให้เผ่าพงศ์
พบตัวเองพบแรงหมุนหนุนโลกสวย
เต็มเม็ดหน่วยงานที่รักของที่หลง
ทุ่มเทกายใจจิตก่อนปลิดปลง
สมประสงค์กำเนิดมาฝ่ากบิล
จะคลั่งรักปักใจใฝ่โจรปราชญ์
หรือผูกขาดวาดฝันสรรสร้างศิลป์
หรืองกงันปั่นเงินเกินหมดกิน
ทุกสิ่งสิ้นจงทำไปให้เต็มแรง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๒๓. ละครฟ้า

ตะวันลาลับหลีกปลีกขอบฟ้า
ทิ้งมายานภาย้อมพลอมแพลมแสง
ส้มชมพูอาบอัมพรก้อนเมฆแดง
ฉากจำแลงแสดงลวงบ่วงดวงตา
ตะวันทาสีงามทาบทามเนตร
สีวิเศษย้อมประโลมโลกผืนฝา
ลวงมนุษย์กิเลสมากอยากบังตา
ระเริงร่าแสงอุบายฉายฉากมนต์
กระทั่งดวงอาทิตย์ยังคิดหลอก
เล่นกลับกลอกฟอกฟ้าน่าฉงน
นับอะไรมวลมนุษย์ชำรุดคน
มุ่งฉ้อฉลเป็นอาจิณร้อยลิ้นลาย
ละครฟ้าแสดงถึงละครโลก
ละครโรคมะเร็งปากหลากลิ้นหลาย
ทุกท่วงท่ามากเล่ห์เพทุบาย
มารยากลายเป็นสามัญมรรยาทคน
ทั้งมรรยาทมารยาเหมือนฟ้าสวย
งุนงงงวยแยกลำบากยากสับสน
ว่ามาดีมาร้ายหรือปลอมปน
ลีลาคนลีลาฟ้าลีลาใด
อยู่ใต้ฟ้าบนเวทีไม่หนีพ้น
ละครคนละครฟ้าน่าสงสัย
ล้วนแสดงแต่งเติมเสริมกลไก
ต้องตรองไตร่อย่าหลงตามมายาลวง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๒๔. กระเบื้องคน
                        
เป็นมนุษย์มนาค่ากระเบื้อง
ดินเผาเครื่องผ่านไฟได้เนื้อแข็ง
อีกประดุจขุดมาศิลาแลง
เป็นอิฐแกร่งแปลงเนื้อเมื่อพ้นดิน
กระบวนการขั้นตอนสอนผู้คน
รู้อดทนทานเทียบเปรียบก้อนหิน
เรียนอดกลั้นเชี่ยวชาญเพดานบิน
เพื่อพ้นถิ่นมิจฉาโกรธานนต์
แต่สังคมเอาเปรียบเหยียบทับถม
ด้วยนิยมแข่งขันบรรลุผล
จ้องจังหวะกระหน่ำย่ำหัวคน
ใช้เล่ห์กลเพื่อตัวกูสู่ผู้นำ
เป็นมนุษย์ปุถุชนใช่โคลนเน่า
ให้ย่ำเท้าเย้าหยามตามใจหนำ
แต่เป็นของแข็งบาดพลาดทิ่มตำ
ยามล่วงล้ำทำแตกกระแทกชน
กระเบื้องคนทนทานงานเหนือหัว
กำหนดตัวแข็งขันกันแดดฝน
เป็นหลังคาหน้าที่มีเบื้องบน
มีชั้นชนศักดิ์ศรีมีที่ทาง
กระเบื้องคนเปราะบางยามย่างเหยียบ
เอารัดเปรียบจำกัดอีกขัดขวาง
เหมือนของสูงลงสู่ที่เดินวาง
รอยบาดหมางบาดลึกเกินตรึกตรอง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๒๕. คนขั้วบวก

สัตว์สังคมก้มหัวให้พวกพรรค
ร่วมปกปักรักษากลุ่มคุ้มเชื้อสาย
สืบทอดหวังตั้งมโนนโยบาย
ร่วมใจกายดำรงเหง้าเผ่าอ่อนแอ
เผ่าอ่อนแอแพ้ลำเค็ญเห็นแก่ตัว
สัญชาติกลัวเล่นพวกพ้องเป็นของแหง
ทั้งเผ่าเอกพันธุ์ประกอบหมอบกระแต
ยอมพ่ายแพ้สันดานเก่าเข้าพวกกัน
โลกโบราณผ่านมาถึงยุคใหม่
พ้นนิสัยก่อนเก่าเข้าพวกฉัน   
โลกหมดยุครักษ์สาแหรกแยกเผ่าพันธุ์
เลิกปิดกั้นพวกมึงกูชูคนจริง
เพราะการเล่นพรรคพวกทำปวกเปียก
สิ้นสำเหนียกสร้างสรรค์จากพันธุ์สิงห์
เหมือนญาติมิตรพี่น้องข้องแอบอิง
ผิดท้วงติงได้ลูกด้อยต่ำต้อยเชาวน์
เพราะคนเคร่งเก่งกล้าไม่บ้าพวก
คนขั้วบวกโดดเด่นเช่นภูเขา
ที่อยู่ใต้เพียงแผ่นฟ้ามานานเนา
ไม่เคยเข้าหลบอยู่ใต้ภูใด
โลกต้องการคนเก่งมาเร่งสร้าง
หาหนทางอยู่รอดปลอดสิ้นขัย
อย่าปิดกั้นสามารถด้วยขลาดใจ
ใช้เงื่อนไขสมัยเก่าเอาพวกตน

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์



๒๖. โรงแรมหรู

ชีวิตคือเดินทางตามอ้างกล่าว
หลายครั้งคราวก้าวผิดเข้าทิศหลง
หลายครั้งคราวท้อถดหมดแรงลง   
แทบปลิดปลงในชุมชนคนวุ่นวาย
การเดินทางต้องมีที่หยุดพัก
มีตั้งหลักหักลบกลบเหนื่อยหาย   
อาบน้ำท่าเปลี่ยนผ้าผ่อนนอนสบาย
หย่อนใจกายคลายเคร่งเร่งแรมรอน
เลือกโรงแรมชีวิตคิดดีหน่อย
หลังนิดน้อยเรียบง่ายหน่ายเหนื่อยถอน
เหมือนเรือนบ้านสถานคุ้นอุ่นอาทร
ช่วยคนจรถอนล้าว้าเหว่ใจ
เลือกโรงแรมหลังหรูดูหรูหรา
ผิดหูตาผิดฝาตัวกลัวอาศัย
ผิดเคยคุ้นหนุนนอนผ่อนฤทัย
ผิดปราศรัยวินัยเคร่งเบ่งอวดโต
มีโรงแรมมากมายให้เลือกพัก
เช่นการหักห้ามใจใฝ่สุขโข
โลภหลงโกรธโฉดพล้ำด้วยธัมโม
ผ่อนมโนหยุดมิจฉามารยามาร
โรงแรมหรูจู่โจมใจใหลหลง
เฝ้าพะวงตามนิยมถมพร่าผลาญ
จับจ่ายหนักด้วยคิดจิตสำราญ
กลับพบพานทะยานอยากมากทุกที

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
17 เมษายน 2010, 01:09:PM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #23 เมื่อ: 17 เมษายน 2010, 01:09:PM »
ชุมชนชุมชน

"หลับฝันดี" มีทั้งหมด ๓๙ บทครับ

๒๗. ฉีกตำรา

ถูกสอนมาตำราคุณค่าล้ำ
ชี้ถูกนำแนวคิดภาษิตเผย
อย่าหัวล้านอกครูสั่งดังพังเพย
คำเปรียบเปรยน่ากลัวหัวโล่งเตียน
เปิดตำราครั้งใดได้ง่วงงุน
หัวมึนหมุนอักษรตามสอนเขียน
บอกอย่างนั้นแนะอย่างนี้วกวนเวียน
คนอ่านเลี่ยนเอียนคัมภีร์ไม่มีแปลง
ยิ่งคนสอนอ่อนตามแบบเรียนบอก
ยิ่งกรนครอกออกลายเบื่อหน่ายแหนง
วิชาหลับหลักสูตรเลี่ยนเรียนเทศน์แจง
ขาดผาดแผลงสำแดงฤทธิ์ให้คิดตาม
ตำราคือตำนานฐานความคิด
ตำแหน่งติดลมบนพ้นคำถาม
ตำหนิติเตียนไปอาจไม่งาม
แต่ตำความต้องตำแตกเพื่อแยกเจอ
ตำราครูมีไว้ใช้อิงอ้าง
แค่แนวทางสอนสั่งไม่พลั้งเผลอ
แต่ตำราสูญเดี้ยงเพียงเผอเรอ
ตีเสมอเป็นหลักยึดฮึดติดตาย
ตำราแค่แหย่ยั่วหัวสมอง
ให้ไตร่ตรองข้องใจใฝ่ขวนขวาย
ก่อนจะฉีกตำราบ้าบรรยาย
มุ่งขยายปัญญาท้าเรื่องจริง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๒๘. ถอดหัวโขน

เด็กทารกเกิดใหม่หัวใสเหน่ง
แหกปากเปล่งเพลงอ้อนนอนแบหลา
บริสุทธิ์มนุษย์เอี่ยมเตรียมตัวมา
เที่ยวโลกาล่าชีวิตไม่ติดแนว
บ้างกำเนิดครอบครัวไม่มั่วหลง
ไม่ติดพงศ์เทือกเถาเผ่าเชื้อแถว
บ้างสูติอภิชนคนเพริศแพรว
ไม่คลาดแคล้วดุจแก้วล้ำประจำเครือ
จึงมุ่งมาดคาดหวังให้ล้ำเลิศ
ล่วงละเมิดชีวิตอื่นสุดฝืนเหลือ
ลบหลู่หมิ่นกินสรรค์สร้างจนจางเจือ   
สร้างเป็นเรือลำใหญ่ไร้ใบลม
เรือใหญ่ลอยล่องไปไร้แรงขับ
สวะนับเรียกคำน้ำเนื้อสม
ไร้มุ่งมาดขาดวาดหวังพลังอุดม
ไม่คว่ำจมไม่แล่นฉิวไม่พลิ้วงาม
เจ้าหัวโขนหัวขโมยวิญญาณจิต
ดุจรอนลิดรากใจไม้คำถาม
ทุกรายต้องตอบป้อนก่อนตายตาม
ว่านิยามชีวิตเจ้าเป้าหมายใด
ถอดหัวโขนใส่หัวใจให้เด็กแทน
เพื่อสร้างแกนขับเคลื่อนไร้เงื่อนไข
อย่ากำหนดกฎชีวิตกฎบิดใจ
อย่าเปลี่ยนวัยค้นทางสร้างตนเอง
               
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๒๙. พืชติดดิน

ตะไคร่น้ำล้ำเลิศด้วยเกิดง่าย
ดินหินทรายขยายแพร่แลกว้างขวาง
บนเปลือกไม้สายน้ำขึ้นฉ่ำทาง
ไม่เว้นว่างเขียวพรืดพืชติดดิน   
   พสุธาเย็นนุ่มชุ่มชื้นชื่น
ทุกวันคืนสัมผัสได้ไอถวิล
ธรณีที่กำเนิดเกิดชีวิน
จนดับดิ้นสิ้นลับจึงกลับคืน      
   มนุษย์เป็นเฉกเช่นตะไคร่น้ำ
ชอบชื้นฉ่ำจำอยู่คู่แผ่นผืน
พสุธาพร้อมพรั่งแดนยั่งยืน
เหมาะกลมกลืนพื้นฐานบ้านเกิดคน
   พืชติดดินอย่าผินหลังให้แผ่นภพ
หลีกเลี่ยงหลบปฐพีที่กุศล
อย่าห่างน้ำห่างชื้นคลื่นสายชล
จะทุรนจนยากแห้งผากตาย
   อยู่กับแห่งแหล่งอุบัติสวัสดิ์เรือง
ด้วยแน่นเนืองปัจจัยให้ขวนขวาย
เกิดที่ไหนโตที่นั่นจนบั้นปลาย
ตามสืบสายรายล้อมพร้อมจำเป็น
   อย่าเลื้อยเกินกำแพงแหล่งน้ำถึง
อย่าดื้อดึงก้าวผิดตามคิดเห็น
ลืมกำพืดธรรมชาติพลาดผิดเกณฑ์
สร้างกรรมเวรสิ่งแวดล้อมตรอมตรมโทรม

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๓๐. มีดภาวนา

ภาวนาพาเราหนีจากโลก
แดนเศร้าโศกผิดหวังตั้งใจหมาย
บางครั้งสวดวิงวอนอ้อนไม่อาย
โชคง่ายดายหวยเลขเสกให้ที
หลายครั้งขอต่อชีวิตใกล้ลิดรอน
ช่วยผันผ่อนวันตายจงหน่ายหนี
ปาฏิหาริย์วานไหว้ไว้ชีวี
ทุกอย่างมีถวายได้ให้หมดตัว
ทั้งเรื่องใหญ่เรื่องนิดอธิษฐาน
ตามสัญญาณนานเนื่องเรื่องฝังหัว
ทั้งเรื่องเปลืองเรื่องควรล้วนพันพัว
สมองมัวหัวซุนหนุนอัตตา
ภาวนาเหมือนมีดกรีดสองด้าน
รู้ใช้งานด้านคมข่มกังขา
เวลาท้อถอยใจไยเกิดมา
ซับน้ำตาอคติใจติเตียน
หากใช้ผิดด้านคมข่มความคิด
ปัญญาปิดสมองฝ่อรอเกษียณ
มือเท้าง่อยถอยถดหมดพากเพียร
วกวนเวียนวาดหวังดั่งบนบาน
มีดในมือถืออยู่ควรรู้ใช้
ยามอ่อนไหววอนเว้าทุกเจ้าศาล
ยามเข้มแข็งแรงมุ่งพุ่งทะยาน
ทิ้งกราบกรานไปตามฝันมุ่งมั่นใจ
               
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๓๑. ความว่างเปล่า

จงอย่ากลัวความว่างเปล่าเข้าครองจิต
เพราะคือมิตรแท้จริงกว่าสิ่งไหน
ผู้ชวนพบสงบนิ่งในฤทัย
พ้นเภทภัยใจรุ่มร้อนอ่อนฝึกปรือ
ความว่างเปล่าใช่เหงาหรือเศร้าสร้อย
คือวางปล่อยลอยเรื่องเปลืองยึดถือ
คือวางทิ้งสิ่งค่าล้ำตามคำลือ
ไม่ยึดยื้อตื้อตามกามต้องการ
ความว่างเปล่าใช่หนีจากผู้คน
หรือบวชตนห่มเหลืองเปลื้องสังขาร
แต่หลุดพ้นครอบครองของรำคาญ
หยุดเผาผลาญอารมณ์ร้อนรนใจ
ความว่างเปล่าสอนเราเรื่องการมี
ที่ยินดีเมื่อได้ของต้องนิสัย
แต่เศร้าโศกโลกสลดเมื่อหมดไป            
เป็นเงื่อนไขไสวดับกับเปรมปรีดิ์   
จงคบหาว่างเปล่าเป็นเงาตัว
ไปถ้วนทั่วพัวพันไม่หวั่นผี
ภูตยึดติดพิชิตได้ใจเสรี
ไร้พื้นที่ปีศาจหวงลวงจับจอง      
จงรับความว่างเปล่าเข้าชีวิต
จะรู้คิดรู้เล่นเป็นเจ้าของ               
มีโน่นนี่มีได้ด้วยไตร่ตรอง
ไม่ใฝ่ปองข้องอยู่ผู้ยึดกุม

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๓๒. หลืบชีวิต

ทุกชีวิตมีซอกหลืบคืบคลานหา
มุมลับตาลับล่อรอสนอง
เข้าขวนขวายทายท้าน่าลิ้มลอง
ลับสมองตามปัญญาประสามี
ทุกซอกหลืบคืบคลานเจือจานผล
ได้ผจญประสบการณ์ผ่านวิถี
คนครบคนคนทั่วทุกชั่วดี
เป็นภาษีเลิศล้ำกว่าตำรา
จงก้าวเท้าก้าวไปในซอกหลืบ
ทุกกระดืบสืบสาวเรื่องหรรษา
ทุกก้าวขั้นมั่นงามตามอัตตา
ทุกก้าวขาก้าวไปเชื่อใจตน
ทีละซอกทีละหลืบค่อยสืบหา
พบอาณาเขตประเสริฐเกิดกุศล
เดินเข้าสู่แบบฝึกหัดวัดอดทน
เรียนฝึกฝนด้นดั้นไม่หวั่นเกรง
อย่ากลัวมุมลับตาน่าสนเท่ห์
จงทุ่มเทเตร่ไปให้ถูกเผง
เข้าเหยียบมุมเมื่อไรได้ครื้นเครง
ประกายเปล่งเพ่งรู้ลึกหนาบาง
หลืบชีวิตปริศนาน่าหาค้น
ลูกล่อชนอุปสรรคคอยขัดขวาง
จากซอยเล็กซอยใหญ่ได้เจอทาง
ถนนกว้างอย่างที่ฝันมุ่งมั่นมา

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๓๓. บ้านในฝัน

อันนกน้อยทำรังแต่พอตัว
ด้วยเกรงกลัวเด่นไปใครมองเห็น
ศัตรูร้ายเฝ้ามองจ้องเช้าเย็น
ลูกน้อยเป็นอาหารหวานใจปอง
อันคนเราซื้อบ้านแต่พอมี
ด้วยปั่นที่ปั่นดินเป็นทองหยอง
แมวดิ้นตายแพงบ้ากว่าเพชรกอง
คนซื้อหมองแทบดับกับวิฬาร
นายทุนกว้านเก็บที่เก็งกำไร
หมู่บ้านใหญ่สมัยล้ำคำเรียกขาน
วิลล่าวิลล์วูบวาบทาบวิมาน
ราคาบานปานฟ้าสุขาวดี
สร้างชุมชนแบบอย่างอ้างฝรั่ง
ล้วนมีมั่งคนวิเศษชาติเศรษฐี
อยู่รวมกันฉันพี่น้องพ้องไมตรี
เลือกคลุกคลีที่เท่ากันฐานันดร
คนซื้อกว้านเก็บเงินเผชิญทุกข์
ทุบกระปุกเบิกเกินเงินฝากถอน
วางมัดจำค้ำประกันผันวงจร
หมุนเงินผ่อนป้อนวงการบ้านวงใน
บ้านในฝันอยู่ไกลกว่าความฝัน
ระดับชั้นคลาดเคลื่อนผิดเงื่อนไข
อยู่ห้องเช่าเข้านอนก่อนฟุ้งไป
เคหาใหม่เลือนรางกลางแสงจันทร์
               
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๓๔. แหกแหวกกฎ

มีบ้างไหมตำราหาตัวตน
ช่วยพบค้นหนทางสร้างสิ่งฝัน
รู้ต้องการทะยานไวได้เร็ววัน
เวลาผันหมุนไปไม่เสียดาย
ไม่มีหรอกตำราที่ว่านั่น
ต้องขยันหมั่นศึกษาหามุ่งหมาย
แฝงอยู่ในย่างก้าวท่าวท้าทาย
ที่กรุยกรายว่ายวนบนเส้นทาง
ต้องลองผิดลองถูกเป็นลูกไล่
ชีวิตใช้ไม่พักวางเว้นหัวหาง
เสี่ยงทุกช่องลองทุกบ่อยอย่าปล่อยวาง
ทำแบบร่างสร้างแผนผังสังกัดตน
ต้องกล้าแหกแหวกกฎปลดสั่งสอน
พรอมรให้มาอย่าสับสน
จากสวรรค์ปันให้ใช่จากคน
อย่าจำนนกลลวงบ่วงนิยม
ต้องอดทนล้มหลามเรื่องหยามจิต
จ้องพิชิตบ่อนทำลายพ่ายสุขสม
ทดสอบใจไหวหวั่นพรั่นดิ่งจม
อธิคมจะล้มไปด้วยโลเล
ตำราคนยากกว่าตำราอ่าน
พบผันผ่านมารขวางขัดปัดหักเห
ไม่พบเจอลิขิตพรหมสมคะเน
อีกพื้นเพตัวตนพ้นรู้ไป

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๓๕. คราบรู้สึก

ความรู้สึกก่อนเก่ากลิ่นเน่าเหม็น
ยังโดดเต้นเล่นหลอกหยอกเย้าหัว
ทั้งหัวจิตหัวสมองหม่นหมองมัว
ขาดเขลากลัวตัวเกร็งเคว้งคว้างลอย
เช่นเคยรักดักดานปานตาบอด
สมองวอดสติวายพ่ายถดถอย
ละเมอเพ้อเก้อหน้าบ้าเลื่อนลอย
ลืมวางปล่อยคอยเฝ้าหงอยเหงาซึม
หรือเคยเสียญาติมิตรคนชิดใกล้
ด่วนจากไปทิ้งเราเศร้าเคล้าขรึม
อีกทำผิดสนิทบาปหยาบแทรกซึม
ใจอึมครึมมืดมิดติดสันดอน
เฝ้าหายามาลบล้างรู้สึกเก่า
อารมณ์เฉาหายไปไม่หลอกหลอน
สะอาดเอี่ยมเปี่ยมล้นพ้นนิวรณ์
หยุดหวนย้อนเรื่องเก่าโง่เง่าเคย
ได้ยามาหนึ่งอย่างจะล้างขัด
คราบอึดอัดกำจัดสิ้นกลิ่นระเหย   
ไร้มลทินเปรอะเปื้อนคราบเหมือนเคย
ได้ชื่นเชยใจแจ่มแฉล้มงาม
แต่ยาล้างชำระใจไม่มีขาย   
เรื่องง่ายดายหายตามหนามบ่งหนาม
เพียงปลุกปลอบเปลี่ยนใจให้คึกคาม
เป็นยาปรามคราบรู้สึก   คึกคะนอง
               
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

   
๓๖. รูกิเลส

เคยบ้างไหมจนปัญญาหาทางออก
ไร้ผู้บอกแนะนำคำแถลง
ไร้ญาติมิตรคิดคู่ผู้ชี้แจง
ปรับเปลี่ยนแปลงแบ่งทุกข์บรรเทาซา
เคยบ้างไหมจนใจไร้แรงเรี่ยว
หดห่อเหี่ยวเดียวดายขาดซ้ายขวา
หมดกำลังนั่งนิ่งนอนเฉยชา
ปล่อยเวลาผ่านไปไม่ไยดี
เมื่อจนมุมกุมขมับกับเรื่องทุกข์
สติสุกสดใสจึงหน่ายหนี
เคยรู้ทันปัญหาบรรดามี
กลับถูกตีเร้ารุมกลุ้มทยอย
เมื่อเวลาตัวตนจนมุมแต้ม
ควรยิ้มแย้มปลอบใจไม่ท้อถอย
ยามแยกเขี้ยวแสงชีวิตกะปริดปรอย
เพียงนิดน้อยฉายมาหาทางไป
ทางออกอยู่ที่เดียวกับทางเข้า
เรื่องรุมเร้าราวเตือนร้องเงื่อนไข
เผชิญหนักประจักษ์เศร้าจนเขลาใจ
เพราะเข้าในรูกิเลสเข้าเขตมาร
รูกิเลสเปรตเน่าเฝ้าเชิญชวน
ยุยั่วยวนชวนหลงผิดวิตถาร
ก้าวลงหลงโลภแค้นแดนวิกาล
ไม่ยากนานรู้หยุดคิดเข้าผิดรู

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๓๗. ตำราคน

มีลิ้นชักมากมายอยู่ในหัว
เรื่องส่วนตัวชั่วเจ็ดทีมีประสม
ที่ปิดตายให้วายดับนับนานนม
ขยาดชมเก็บไว้ไม่กล้าดู
เรื่องชีวีดีเจ็ดหนมีล้นหลาม
ที่งดงามนามเรืองเฟื่องฟูหรู
ชีวิตนี้เกิดมาเชิดหน้าชู
เป็นวิญญูช่วงหนึ่งน่าซึ้งใจ
ลิ้นชักเล็กใหญ่น้อยทยอยเก็บ
เรื่องขี้เล็บขี้ช้างด่างดำใส
เรื่องความลับงับงำอั้นอำไพ
บทเรียนใหญ่ให้ลูกหลานอ่านวิชา
เปิดลิ้นชักหยิบอุบัติเรื่องคัดสรร
เป็นของขวัญรุ่นใหม่ได้ศึกษา
เป็นข้อคิดทฤษฎีที่ผ่านมา
จากวาจาคนเพียรสังเวียนกรรม
อย่ามัวอายข้าวของที่ซ่อนซุก
ทั้งเรื่องทุกข์คอขาดพลาดถลำ
อีกเรื่องเลวหลงผิดคิดระยำ
หรือตกต่ำหยำเปเกเรกวน               
ทุกเรื่องมีบทเรียนเป็นเยี่ยงอย่าง
เพื่อก้าวย่างไม่พลาดผิดคิดขวายขวน
คนรุ่นใหม่เฝ้ารอขอชักชวน
อย่าสงวนของล้ำค่าตำราคน
               
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
   

๓๘. หนึ่งศรัทธา

ในโลกมีความเชื่ออยู่เหลือนับ
ทั้งลึกลับซับซ้อนซ่อนมิดชิด
อีกเผยแผ่แพร่หลายถ่ายความคิด
ล้วนเป็นมิตรจิตมนุษย์ฉุดพ้นเขลา
หนึ่งถิ่นฐานหนึ่งตำนานประสานใจ
รวมเลื่อมใสเป็นน้ำหนึ่งถึงเทือกเถา
ร่วมใจเดียวเหนียวแน่นแกนกล่อมเกลา
ปัญญาเชาวน์บรรเทาล้างทางอบาย
หนึ่งความเชื่อนับถือคือหนึ่งสิทธิ์
ไม่อาจบิดเบือนลบกลบเกลื่อนหาย
หนึ่งศรัทธาภาวนาค่ามากมาย
ยากทำลายสลายรักหักบูชา
โลกหมุนได้ด้วยแรงรักสักการะ
อุตสาหะสร้างสรรค์ขันอาสา
อุทิศตัวทุ่มใจใช้เมธา                  
พัฒนาหล้าสถานงานคั่งคับ
หนึ่งเลื่อมใสหนึ่งพลังสังเวยดาว
อยู่ยืนยาวก้าวหน้ามานานนับ
อาระยะขานกล่าวยาวกัลป์กัป
พรั่งพร้อมทรัพย์รูปนามธรรมล้ำเลิศใจ
หากขาดแรงสรรเสริญเพียงเกินหนึ่ง
พิฆาตถึงดวงดาวสกาวใส
หนึ่งความเชื่อเกื้อกูลหากสูญไป
ยุคจัญไรภัยเศร้าเข้าครอบครอง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๓๙. สีชีวิต

สีชีวิตจืดเลือนเหมือนภาพเก่า
ด้วยรุมเร้าเคล้าคลุกทุกข์ปัญหา
ไปไม่ถึงที่ฝันดั้นด้นมา
โดนนินทาว่าไว้พวกใจจน
เข็นชีวิตผิดทางจนหางตก
เข้าร้างรกตกค้างทางสมผล
ไร้สรรเสริญเจริญศักดิ์ประจักษ์ตน
กลายเป็นคนจนปัญญาต่ำสามัญ
ชีวิตพลาดคาดผิดไม่ปิดจบ
ยังต้องรบพบตนจนดับขันธ์
ต่อกรสู้คำบาดมุ่งฟาดฟัน
จึงควรทันปั้นแต่งแต้มสีบัง
แต้มสีให้ชีวิตปิดคับใจ
ด้วยสีใหม่เข้มประดิษฐ์ช่วยปิดฝัง
ลบกลบเกลื่อนเลือนระแหงแจ้งพลัง
ปกปิดบังเนื้อเน่าเย้าหยามกัน
สีชีวิตเลือกได้ตามใจโปรด
มีประโยชน์โจทย์มุ่งบำรุงขวัญ
เฝ้าเฮฮา-หาเพื่อน-เบือนกดดัน
ฝึกชำนัญ-ทันสมัย-รู้ไตร่ตรอง
สีชีวิตประดิษฐ์ได้ด้วยใจกล้า
เห็นคุณค่าตัวตนไม่หม่นหมอง
เห็นคุณนามความดีเป็นสีทอง
แต้มมุมหมองพ้นมุมหม่นคนมุมตัน

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
17 เมษายน 2010, 01:23:PM
..ทักษมน..
Special Class

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 81
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 339



« ตอบ #24 เมื่อ: 17 เมษายน 2010, 01:23:PM »
ชุมชนชุมชน

ซึ้งจัง   วันนี้ขอ งดข้าวเพราะเราอิ่ม
 ชอบใจๆ  ได้รสอิ่มบทกวีดั่งที่ฝัน
 สาวน้อยเซย์ ฮาโหล    จะเก็บเกี่ยวเหนี่ยวนำประจำวัน
 ส่งจูบจ้ะ   บทประพันธ์ ท่านเฉลยคุ้นเคยใจ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

โลกนี้สีชมพู
06 พฤษภาคม 2010, 10:53:AM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #25 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2010, 10:53:AM »
ชุมชนชุมชน

หายอิ่มหรือยังครับ
เชิญ "กินกลอน" ต่อ

๑๔. บนเรือกลม

ลอยละล่องลิ่วแล่นหลงทางลม
บนเรือกลมกล้องแกล้งเก๋เก่าเก๋า
เรือลำแพนแลกระลอมเหลาเกลี้ยงเกลา
เป็นเรือเหงาเมาง่ายดายเดียวใจ
เคว้งคว้างโคลงเคลงบนเพลงคลื่น
ซัดโครมครืนคลอกแคลกควั่กเคลื่อนไหว
คลางแคลงว่าแคล้วคลาดพลาดเส้นชัย
คะเนไปคำนวณแล้วครวญคร่ำคราง
น้ำกับฟ้าอาณาเขตระหนเห   
คืบทะเลศอกทะเลเห็นหม่นหมาง
ใกล้ก็หนึ่งไกลก็เอกวิเวกทาง
วนระหว่างกระแสสินธุ์กระวนวาย
เรือสมมุติมุ่งจรุงปรุงประดิษฐ์
เรือหลงทิศพาคนผิดมั่นหมาย
สำราญสุขล้นเหลือเรืออุบาย
เรือเครื่องตายพายพร่ำในน้ำวน
อย่าออกเรือด้วยใจเปี่ยมใคร่อยาก
พบลำบากเป็นเรือร้างอกุศล
ไร้เพื่อนฝูงมิตรแท้ในสายชล
สายน้ำวนล้นกิเลสแดนเปรตภัย
จงออกเรือด้วยใจใสสะอาด
มุ่งมั่นมาดวาดชีวิตด้วยสีใส
เรือแห่งเกียรติเบียดแน่นเพื่อนหทัย
เป็นเรือใหญ่ทางใดไม่หวั่นเกร
ง                           
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย  เดชา เวชชพิพัฒน์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 พฤษภาคม 2010, 11:50:AM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #26 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2010, 11:50:AM »
ชุมชนชุมชน

บทที่ 4 เมืองขยะ

ของกินใช้ของใหม่เก่าของเบาหนัก
ของทึกทักของรักหวงของลวงขาย
ของจำเป็นของจำอวดของลวดลาย
ของมักง่ายของมักมากของอยากมี
               
ของของฉันฉันซื้อถมที่ว่าง
อยู่ตรงกลางใจกระฉอกนอกวิถี
บ้าซื้อของลองทุกอย่างอ้างอวดดี
บรรดามีไม่รีรอขอจับจอง

เป็นเช่นนี้ทั้งเมืองจึงเนืองแน่น
เป็นแว่นแคว้นแดนขยะขั้นขยอง
บนถนนทางเท้าเน่าก่ายกอง
ทุกมุมมองของมักง่ายกระจายปน
               
อิทธิพลบริโภคนิยมชอบ
สนองตอบทุกต้องการทุกแห่งหน
โน่นจำเป็นนี่จำต้องนั่นจำนน
แต่ละคนสร้างขยะคะนองมือ
               
สะดวกซื้อสะดวกให้ถุงก๊อบแก๊บ
ถุงสุดแสบสร้างปัญหาใครกล้าหือ
ของเล็กใหญ่ใช้ตะพึดอึดตะปือ
ขาดฝึกปรือลดขยะแขยงใจ
               
พลาสติกพลิกเมืองเคยสะอาด
แพร่ระบาดพฤติกรรมสุดอ่อนไหว      
พลาสติกสร้างกระแสโกยกำไร
ทิ้งขว้างไว้นิสัยแย่แก้ยากเย็น

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
(ตีพิมพ์ใน VOTE ปักษ์แรก พ.ค.53)

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
19 พฤษภาคม 2010, 09:26:AM
นพตุลาทิตย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 217
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 519


เพียรผนึกฝึกร้อยถ้อยภาษา อักษราจากจิตลิขิตเขียน


profile.php?id=100001041331002
เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2010, 09:26:AM »
ชุมชนชุมชน

แม้นว่านอนไม่หลับขยับตื่น
แม้นกลางคืนนอนนิ่งไม่ติงไหว
แม้นกลางวันนอนผายสบายใจ
นอนมากไปไม่ดีขี้เกียจนา

ขนาดขี้ยังเกลียดเหยียดหยามได้
นับประสาอะไรใจคนหนา
แม้ว่าหลับหรือตื่นต่างนินทา
คนกล่าวหาว่าให้ไม่รู้ตัว..

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

~oนพตุลาทิตย์o~[/colo
23 พฤษภาคม 2010, 10:11:AM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #28 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2010, 10:11:AM »
ชุมชนชุมชน

กรุงศรีฮยุธยาไม่สิ้นคนดี
กวีล้านนาไม่สิ้นคนเก่ง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
23 พฤษภาคม 2010, 11:34:AM
บ้านกลอนไทย
ผู้ดูแลทุกบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 533
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 962


จิ๊กโก๋...กำลังจะโตเป็นหนุ่ม ฮ่าๆ


« ตอบ #29 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2010, 11:34:AM »
ชุมชนชุมชน


o แม้นกลางวัน ฝันดี.....นะที่รัก
มาทายทัก นักกลอน ตอนแดดแก่
ทำอะไร ไหนหนอ ขอสุขแด
รักเป็นแน่ แด่เธอ....คนเผลอชม



แบบว่า.....มอบให้คนเผลออ่านแล้วกันครับ

   ยิ้มแก้มแดง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

23 พฤษภาคม 2010, 11:53:PM
iamsinner
LV1 เด็กน้อยอ่านกลอน
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1



« ตอบ #30 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2010, 11:53:PM »
ชุมชนชุมชน



นั่งง่วงๆหัวหน่วงๆจะร่วงไหม
ใช่ถามใครถามฉันนั้นแหละหนอ
อันหัวเราคงอยู่ได้ใช่เพียงคอ
ยังมีต่อ แขน ขา กายา คน

ดั่งคนเราจ้องเอาแต่ท่อนหัว
ลืมมองตัวมองใจไม่เป็นผล
เพียงแค่นี้มีหรือจะคือคน
สัปดลกระสือมาเจ้าค่าเอย

จะหลับนอน ใช่แค่หมอนจะนอนหลับ
ต่อให้มีพร้อมสรรพสำรับหมอน
หากยังมีที่ห่วงหาแลอาทร
จะให้เราหลับนอนได้อย่างไร

ปล.เห็นจั่วหัวกระทู้ว่าหลับฝันดี
ผมกะจะเข้ามาอ่านสักหน่อย แต่มันยาวไป
ไว้ค่อยอ่านพรุ่งนี้ล่ะกัน แต่ไหนก็เข้ามาแล้ว
เลยแต่กลอนง่วงๆไว้สอง สามบท
สองสามบทนั้นเนื้อหาไม่เกี่ยวกันหรอกคับ
แต่จะลบไปก็เสียดาย เผื่อมีใครอ่านแล้วถูกใจ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
26 พฤษภาคม 2010, 04:58:PM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #31 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2010, 04:58:PM »
ชุมชนชุมชน

หลับฝันดี
อาจบางทีเป็นกลลวง
โลกบนหมอนหนุนหัว
นิ่มแค่หนังศีรษะ
โลกบนระบบสุริยะจักรวาล
เฮ้อ อย่าลืมนวดผมหลังสระ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 มิถุนายน 2010, 02:04:PM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #32 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2010, 02:04:PM »
ชุมชนชุมชน

บทที่ 5 เมืองคอนกรีต

มีเมืองเพริดเพลิดเพลินเกินคั่นขีด   
คลั่งคอนกรีตสร้างกรุงมุ่งสุขา
รวมทุกอย่างต่างปัจจัยในพารา
รวมไพร่ฟ้านานาฝันหลากชั้นชน
               
ตึกอัดฉีดจึงกรีดกรายขยายเพิ่ม
ทุกต่อเติมทุกวี่วันทุกแห่งหน
ทั้งแท่งเล็กแท่งใหญ่แท่งทานทน
ทั่วท่วมท้นล้นเอ่อเห่อแผ่นดิน
               
นครกรีตนครเกินเมินจำเป็น
สร้างเพื่อเซ่นแนวคิดติดทรัพย์สิน
เพื่อกำไรนายทุนลุ้นโกยกิน
เพื่อชีวินคนเมืองปูนเมืองศูนย์กลาง
               
อาคารสูงสำนักงานมีบานเบอะ
คอนโดเยอะสนองอยากยากขัดขวาง
ร้านเหมาโหลโมเดิร์นเทรดเปรตอำพราง
อีกเหล่าห้างของฟุ้งเฟ้อเกร่อธานี
               
ขยะตึกเกลื่อนกลาดด้วยขาดแผน
ไร้แบบแปลนรสนิยมสมศักดิ์ศรี
ปล่อยประดานักประดิษฐ์ประลองดี
อ้างเสรีย่ำยีกรุงรกรุงรัง
               
นครกรีตกรีดชีวิตผู้อาศัย
อยู่จำใจจำทนจำคุกขัง
ต้องอยู่กินต้องศึกษาหาประทัง
ในเมืองถังขยะตึกอึกอักใจ

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย
เดชา เวชชพิพัฒน์
(ตีพิมพ์ในนิตยสาร Vote ปักษ์แรกมิ.ย. 2553)

(หมายเหตุ หลับฝันดี รวมเล่มเป็นอีบุ๊คแล้วครับ
downloand ได้ที่ www.truebookstore.com

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
13 มิถุนายน 2010, 08:40:AM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #33 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2010, 08:40:AM »
ชุมชนชุมชน

ตะรางอารมณ์บทที่ ๒๕. โลกสีเทา

เมียที่ดีคือกะหรี่ไม่หนีงาน
คือแม่บ้านทานทนจำนนผัว
คือกระโถนโยนขี้ใส่ยามเมามัว
คือแม่วัวผลิตลูกถูกแจงจัด

ทุกค่ำคืนขืนข่มเขาข่มขืน
รับแรงหื่นแรงอยากยากขืนขัด   
โสเภณีสะดวกใช้ไม่ต้องนัด
ปล่อยกำหนัดบำบัดใคร่ได้ทุกยาม

ผวาผัวตบผัวะเตะกระอัก
ฟาดตีนพลั่กหนักมือไว้ให้เข็ดขาม
ชายขี้ขลาดชาติปีจอขอคำราม
คลั่งคุกคามคนครอบครองของคู่มาร

ออกลูกเหมือนแม่หมาพันธุ์ดีสวย   
แทบมอดม้วยเป็นโรงงานปั้นลูกหลาน
โย้แล้วโย้เบ่งแล้วเบ่งเหมือนเร่งงาน
ทรมานทวารหน้าคุ้มค่าทอง

โลกสีเทาเงามืดหมองของโลกหญิง
โลกแท้จริงหลังวิวาห์งานฉลอง
โลกระทมตรมช้ำน้ำตานอง
โลกหม่นหมองของสตรีมีมานาน

เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก
แย่ยับยากเยี่ยงหมูหมาเดรัจฉาน
ด้วยมอบใจให้กายชายโบราณ
ใจจัณฑาลพาลเพียงเพศผู้อ่อนแรง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย  เดชา เวชชพิพัฒน์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
06 กรกฎาคม 2010, 08:23:PM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #34 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2010, 08:23:PM »
ชุมชนชุมชน

บทที่ 6 เมืองล่อลวง

ฉันเป็นสาวชาวนามาเมืองหลวง
โดนล่อลวงแต่ก้าวแรกยากหลบหนี
ฉันหลงเชื่อเพราะที่บ้านไม่เคยมี
คนใจผีหน้ามนุษย์สุดตามทัน
               
ผมเป็นหนุ่มบ้านนอกโดนหลอกง่าย
ขายแรงกายแรงเพศพวกกระสัน
คนเมืองนี้กระหายบ้านานาพันธุ์
ควรติดยันต์กันผีอยากก่อนจากมา
               
ยายเป็นหญิงชรามาหาญาติ
ไม่แคล้วคลาดโดนจนได้ไอ้ชาติหมา
แกล้งเก๋ไก๋ไอ้ระยำจำนรรจา
กูแทบบ้าเป็นขอทานร่วมงานมึง
               
ตาเป็นชายใจซื่อถือคำสัตย์
เจอะเจอสัตว์ตัวประหลาดคาดไม่ถึง
แค่พระเครื่องทองสร้อยน้อยตำลึง
ทำเท่งทึงมันหลอกฆ่าชิงเอาไป
            
อะไรหนอทำเมืองเทพเป็นเมืองโทษ
แดนคนโฉดเมืองคนฉ้อรอรีดไถ
อะไรหนอทำเมืองนี้เป็นเมืองภัย
เคยวางใจเคยเชื่อกันมาผันแปร
               
ก่อนก้าวเหยียบ “หมอชิต” จิตพรั่นพรึง
ก่อนมาถึง “สายใต้” ใกล้ร่างแห
ก่อนลงรถ “หัวลำโพง” โรงรังแก
ระวังแพ้ภัยพาลพวกมารเมือง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
(ตีพิมพ์ในนิตยสาร VOTE ปักษ์แรก ก.ค. 53)

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 กรกฎาคม 2010, 10:02:AM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #35 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2010, 10:02:AM »
ชุมชนชุมชน

กวีนิพนธ์ประกอบภาพถ่าย
"ตะรางอารมณ์"
รวมเล่มเป็น e-book แล้วครับ
download ได้ที่

http://www.truebookstore.com/product/view/1197


ตัวอย่างกวีนิพนธ์ 1 ใน 39 บท

๑. ตะรางอารมณ์
เหนื่อยหน่ายคล้ายโลกหยุดหมุนแล้ว
ไร้วี่แววเรื่องสนุกปลุกความฝัน
ไร้เพื่อนฝูงคุ้นเคยเยี่ยมเยียนกัน
ไร้มิ่งขวัญครันครบลบวังเวง

อยากเกิดเป็นหมูหมาไม่รู้เบื่อ
ไม่เป็นเหยื่อความเหงาเฝ้าข่มเหง
เป็นต้นไม้ใบหญ้าฮาครื้นเครง
กับเสียงเพลงแห่งสายลมและแสงทอง

เกิดเป็นคนไม่พ้นหม่นเศร้าหมาง
ติดตะรางอารมณ์จนตรมหมอง
เศร้าเหงาซึมขรึมหงอยท้อถอยครอง
ตามครรลองของคนคุกคลุกทุกข์ใจ

อยากจะแหกคุกนี้ไปที่อื่น
หนีขมขื่นรันทดสู่สดใส
ง้างกรงเหล็กก้าวย่างอย่างมีชัย
หลบพ้นภัยแห่งรู้สึกลึกเกินทน

แต่กรงขังคลังรู้สึกผนึกแน่น
ราวเขตแดนแห้งผากยากเสือกสน
ดุจปลาหมอแถกเหงือกเกลือกทุรน
ไม่หลุดพ้นมณฑลทุกข์รุกมโน

คุกอารมณ์ข่มฤทัยจนใกล้บ้า
ภาวนาอย่าได้ตายที่ร้ายโข
ภาวนาอย่าได้ตายอย่างคนโซ
พร่ำพุทโธหลักธรรมจงค้ำใจ   

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย  เดชา เวชชพิพัฒน์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
10 กรกฎาคม 2010, 11:22:PM
♥▬รู้ว่ารัก▬♥
LV5 ศิลปินเอกแห่งตำบล
*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 94



« ตอบ #36 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2010, 11:22:PM »
ชุมชนชุมชน

หลับฝันไป
ในใจก็ยังคิด
ถึงเทอ
เเต่ฝันไป
ใจคิด
จิตอำนวย
บอกเทอ
ด้วย
ว่าฉันรัก
ปักษ์
กลางใจ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

●█〓██▄▄▄▄▄▄▄▄
▄▅██████▅▄▃▂
█████████████████
◥⊙▲⊙▲⊙▲⊙▲⊙▲⊙◤
ช่วยโหวตหน่อยนะครับอยากจะได้ขึ้นคาสคะเเนนมี2ครับตอนนี้
11 กรกฎาคม 2010, 09:26:AM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #37 เมื่อ: 11 กรกฎาคม 2010, 09:26:AM »
ชุมชนชุมชน

อุนจิน่ารักดีครับ

บันทึกการเข้า
21 สิงหาคม 2010, 09:11:AM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #38 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2010, 09:11:AM »
ชุมชนชุมชน

บทที่ 7 เมืองน้ำเมา

ธานีนี้ขายเหล้าเท่าอาหาร
หลายรวงร้านหลากประเภทน้ำเปรตผี
ซื้อแสนง่ายจำหน่ายคล่องราวของดี
ทุกพื้นที่มีให้ดื่มปลื้มอารมณ์
               
ร้านของชำเปิดตลอดยี่สิบสี่
ร้านตาสีตาสามากเถถม
ร้านหรูเลิศข้างถนนคนนิยม
ล้วนปูพรมระเบิดก๊งดงเมรัย
               
ร้านกินดื่มมีมากกว่าวัดวา
หาง่ายกว่าห้องสมุดหยุดสงสัย
เนืองแน่นกว่าสวนหย่อมกล่อมหทัย
เป็นปัจจัยสำคัญกว่าครอบครัวคน
               
ทั้งวัยรุ่นวัยเลอะไม่เคอะเขิน
พร้อมเพลิดเพลินแอลกอฮอล์น้ำฉ้อฉล
ขาดสติขาดสมองขาดตรองตน
เกิดบุคคลบุรุษโทษโจทก์สังคม
               
ทั้งขับรถชนคนตายหลายพันศพ
ทั้งพานพบโรคร้ายมากมายถม
ทั้งทุบตีลูกเมียให้ตรอมตรม
ทั้งสะดมปล้นฆ่าอนาจาร
               
เมืองน้ำเมาเมืองเหล้าเมืองเน่าเหม็น
สุดเสือกเข็นผิดทางตามเรียกขาน
ความฉิบหายประเมินเยอะมากเบอะบาน
เกินประมาณประนอมความตามเคยชิน

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
(ตีพิมพ์ในนิตยสาร VOTE ปักษ์หลัง ส.ค.)

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
10 กันยายน 2010, 08:34:AM
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


เดชา เวชชพิพัฒน์
« ตอบ #39 เมื่อ: 10 กันยายน 2010, 08:34:AM »
ชุมชนชุมชน

กวีนิพนธ์ประกอบภาพถ่าย “กรงเทพ”
บทที่ ๘ “เมืองม็อบ”

ม็อบๆมาแล้วจ้าม็อบๆ
ผู้เห็นชอบเห็นชังมารวมฝูง
เรื่องปากท้องการเมืองเรื่องจรูง
ชวนชักจูงมุ่งก่อม็อบสอบสวนกัน
               
ทั้งชาวไร่ชาวสวนล้วนทุกข์เข็ญ
ด้วยประเด็นนายทุนร้ายทำโศกศัลย์
โกงกิโล-กดราคา-ลดแบ่งปัน
จึงด้นดั้นรั้นเรียกร้องฟ้องกระทรวง
               
เอ็นจีโอโมโหเคืองเรื่องสร้างเขื่อน
งบงำเงื่อนเปื้อนเงินฉ้อราษฎร์บังหลวง
สิ่งแวดล้อมย่อมทำลายฉิบหายปวง
ขอเหนี่ยวหน่วงด้วยม็อบเขียวผู้เชี่ยวชาญ
               
ม็อบเหลืองแดงแจ้งจุดยืนฝืนสุดขั้ว
ม็อบหวาดกลัวสีขาวหวั่นร้าวฉาน
ม็อบสีโน้นสีนี้เริ่มออกงาน
ม็อบทนทานม็อบชั่วคราวเกิดกราวเกรียว
               
ม็อบการบ้านการเมืองเรื่องปวดหัว
เรื่องส่วนตัวหรือเรื่องใหญ่ใคร่เฉลียว
เทียบกับม็อบปากท้องยากยาเยียว
ของแท้เทียวไร้เหลียวแลม็อบแน่นอน
               
ขอขอบคุณชาวม็อบมาปลอบปลุก
คนเมืองทุกข์เห็นทุกข์กว่าเกินยากถอน
เห็นเรื่องจริงยิ่งกว่าฉากละคร
จึงสังวรคนเมืองม็อบมากสบาย

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
ตีพิมพ์ในนิตยสาร VOTE ปักษ์แรก ก.ย. ๕๓

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s