จากท้องนาถึงบัณฑิต
๑
ก็สมควรที่เจ้าจะอหังการ์
เมื่อแลกกับที่นา สิบกว่าไร่
เพื่อเปลี่ยนคล้ำปลักโคลนแหละคราบไคล
เป็นครุยขลิบระยิบใย ระย้ายศ
คงไม่มีโอวาทใดให้เจ้ารับ
ไม่มีสูงแสงศัพท์ ดอกไม้สด
สมกับใจจ่อจ้าอนาคต
ที่เจ้ามอบเสียหมด ในมุ่นเมือง
ก่อนเจ้าคือธารท่าจากป่าเถา
ที่เดิมรินหลบเงา ภูเขาเขื่อง
บัดนี้เอ่ออาบถั่ง มลังเมลือง
เป็นน้ำใหญ่อิ่มเรื่อง อวดพลัง
แต่สีเจ้าเปลี่ยนแปร่งเป็นแดงชาด
เทียบสีธารทอดหาด แต่หนหลัง
มีซับทรายซึมหมองกรวดกรองซัง
ครั้งความใสซื่อยัง กลบทะยาน
๒
ต่อเมื่อเจ้าไหลมุ่งแม่น้ำใหญ่
ผ่านโคลนใต้ตมต่ำซ้ำผสาน
ผสมอื่นธารหมางต่างวิญญาณ
จึงกลายใสขุ่นม่าน มหานที
เจ้าคงรู้เมื่อน้ำไหล ไหลลงต่ำ
ต้องกลั้วกรำกรายกลบนทรามศรี
รับมูตรคูถขูดละลายอยู่หลายปี
นั้นประมาณที่มี จึงมากมาย
เถิดแม้น้ำจะผสมเศษถ่มถุย
หากประโยชน์อันเปื่อยยุ่ย ย่อยสลาย
ยังอำนวยโภชผลบนทางราย
แก่นาไร่ล้นหลาย เหลืออนันต์
แต่หากน้ำเร่าบ่าเข้าถาโถม
อาจหายนะจะโจม จวบสวรรค์
ทำลายงามหยามยับลงฉับพลัน
อนาถนั้น อนาถนัก อนาถนัย
๓
จึงเจ้าเลือกเถิดว่าจากค่าคัด
เจ้าจะจัดแจกแจงไปแห่งไหน
จะประโยชน์ยื่นชนให้พ้นภัย
หรือมอบล้มล่มประลัย ประชาคม
แหละทางเดียวจะกลับสู่บริสุทธิ์
เมื่อไหลถึงมหาสมุทรเสมอสม
คือกลั่นกั้นตะกอนให้ผ่อนจม
แล้วระเหิดเชิดลม สู่เมฆลอย ฯ
พรายม่าน
สันทราย
๐๘.๐๔.๕๗