พูดแล้วนึกขึ้นมาได้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ใครมาวิจารณ์ว่ากลอนเราไม่มีมนตร์กวีนี่ เป็นต้องลมออกหู
แล้วต้องมีคำถามว่า แล้วคนทีวิจารณ์คนอื่นน่ะดีนักเหรอ ตัวเองแต่งเก่งแค่ไหน..............
แต่หลังจากได้อ่านพระอภัยมณีแล้วก็คลายทิฏฐิ ไม่คิดโกรธเคืองคนที่มาวิจารณ์เราอีกต่อไป
เพราะว่าคนที่วิจารณ์เรานั้นไม่จำเป็นต้องมีฝีมือที่ดีกว่าเราเลย....การที่เขาวิจารณ์ว่ากลอนเรา
ไม่ดีพอนั้น อาจเป็นเพียงเพราะเขาได้เคยอ่านกลอนของคนอื่นที่แต่งได้ดีกว่าเราก็เท่านั้น...
ยกอุปมาเปรียบเทียบก็เหมือนเราเป็นพ่อครัว ทำอาหารได้ดีระดับหนึ่ง บางคนมาชิมแล้วก็ชอบ
บอกว่าอร่อย บางคนมาชิมแล้วก็บอกว่าไม่ดี รสชาติยังใช้ไม่ได้ แต่อันที่จริงคนที่มาติว่าเรา
ทำอาหารไม่อร่อยนั้นไม่จำเป็นที่เขาจะต้องทำอาหารได้อร่อยกว่าเราเลย บางคนทำอาหารไม่เป็น
ด้วยซ้ำไป แต่ที่เขาติว่าอาหารที่เราทำไม่อร่อยนั้นอาจเป็นเพียงเพราะเขาได้เคยชิมอาหารที่คนอื่น
ทำได้อร่อยกว่าเราก็แค่นั้นเอง อุปมาฉันใดก็ฉันนั้น ปัจจุบันนี้พอได้ยินใครพูดว่ากลอนเรายังไม่เข้าขั้น
จึงรู้สึกเฉยๆ ไม่มีคำถามอีกว่าแล้วตัวคนวิจารณ์ล่ะ แต่งเก่งแค่ไหน.....สาเหตุก็เพราะได้อ่าน
บทประพันธ์เรื่องพระอภัยมณีนี้มากขึ้นนั่นเอง จึงทำให้รู้ตัวว่า โอ้โอ๋เรา พิษน้อยหยิ่งยะโสแมลงป่อง
หลงเป็นกบในกะลาคิดว่าตัวเองเก่งมาเสียนาน.......






ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า