Re: เพียงรำพึงรำพัน
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
08 มิถุนายน 2024, 04:26:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เพียงรำพึงรำพัน  (อ่าน 17555 ครั้ง)
panthong.kh
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2989
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 8,676



« เมื่อ: 18 เมษายน 2012, 08:39:PM »



โลกของฉันมันคล้ำดำสนิท
ฉากรักปิดด้วยบทหมดใยเยื่อ
กับความหลังครั้งเก่าเขาจุนเจือ
รู้ตัวเมื่อสายนักรักลวงเอา

เมื่อมีข่าวกล่าวอ้างอย่างที่รู้
ใครคือผู้มอบกายไปหาเขา
สองก้อยเกี่ยวเที่ยวไหนไม่อยากเดา
สมเพชเราปล่อยจิตเราผิดเอง

ใจหนึ่งฝืนชื่นชมเธอสมหวัง
ใจหนึ่งคลั่งความตรมมาข่มเหง
เคยดื่มด่ำแต่เดิมเริ่มวังเวง
รักละเลงหมองหม่นจากคนไกล

สายลมยามเช้าเอยเคยชมชื่น
ระริกรื่นเย้าหยอกดอกไม้ไหว
แต่ในยามนี้ที่ไม่มีใคร
เสียงหัวใจสะอื้นรับกับเสียงลม

พอยามบ่ายแผดแสงแดดแรงร้อน
ทุกข์ก็ซ่อนแซงซุกทุกข์ทับถม
พอยามดึกน้ำค้างพรูพร่างพรม
ยังนั่งจมขาดใครเตือนให้นอน

แหงนมองฟ้าไม่ชื่นหนอคืนนี้
แม้ยังมีดาวเป็นเพื่อนเหมือนคืนก่อน
หากเธอยังเหมือนเก่าจะเว้าวอน
แสนสะท้อนใจว่า..ว้าเหว่นัก

ถึงเวลาพบกันวันว้าเหว่
มากล่อมเห่เพลงที่ใครไม่รู้จัก
ไร้สิ่งซึ่งงดงามของความรัก
เพียงเพื่อพักใจร้าวคราวหมองมน

เหมือนหมดสิ้นใดใดที่ในโลก
เหลือแต่โศกเศร้าแฝงทุกแห่งหน
เหม่อมองฟ้ามองดาวพราวเบื้องบน
ดูดาวหล่นปฐพีทีละดวง

เมื่อความโกรธลามเลียฉันเสียเพื่อน
เมื่อลืมเลือนฉันทิ้งเสียสิ่งหวง
เมื่อสูญเสียความรักประจักษ์ทรวง
สูญทั้งปวงเหลือตัวไร้หัวใจ

จึงปล่อยตามครรลองของความรัก
ขืนห้ามหักทรมานสุดต้านไหว
รีบตักตวงก่อนกลายสลายไป
ดังดอกไม้เริ่มริแรกผลิบาน

ปล่อยให้สวยสะพรั่งทั้งกลีบดอก
แสนสวยออกดมดอมความหอมหวาน
จะงามงดสดใสอยู่ไม่นาน
ก็ถึงกาลโรยราเหมือนครารัก

เจ้าดอกไม้สีชมพูรู้หรือไม่
เธอมีใครคิดถึงซึ่งประจักษ์
หรือถือเป็นโลกลวงไม่ห่วงนัก
อยากทึกทักแล้วโจทจะโทษใคร

ขออย่านั่งกังวลเลยคนสวย
ฉันแค่ป่วยไข้หนักรักษาไหว
ถึงยับเยินร้าวรวดปวดหัวใจ
พอทนได้เจ็บแด..ก็แค่นั้น

ชายชาติอาชาไนยไม่เคยท้อ
คงจะพอมีใครสนใจฉัน
แต่น้อยใจโลกนี้ที่เห็นกัน
ไฉนมันมืดคลุ้มแค่มุมเดียว

ดาว อาชาไนย
[/size]



ยินสำเนียง เธอครวญ รัญจวนจิต
ให้หวนคิด ถึงอยู่ ดูเฉลียว
ยามห่างไกล พร่ำเพ้อ ละเมอเชียว
เธอผู้เดี่ยว ไว้ใจ ไม่เคยลืม

ไม่มีใคร ไหนอื่น มาชื่นรัก
ยังพนอ ทอถัก รักแสนปลื้ม
แม้เวลา ห่างมาก ยากหยัดยืม
จักจ่อจืม แน่นหนัก ปักอุรา

ยามพระพาย โชยพัด สบัดโบก
ให้วิโยค แสนเศร้า เหงาหนักหนา
ต้องจำจด ทดท้อ ทรมา
คลาบน้ำตา เต็มเปื้อน เกลื่อนทรวงใน

ถึงยามนอน อ้อนหา มาแนบชิด
มืดสนิท ฤทธิ์รัก ชักไม่ไหว
เอื้อมมือคว้า เจอหมอนข้าง อ้างว้างใจ
ในฤทัย ป่วนปั่น แสนรัญจวน

ลุกมานั่ง มองดาว พราวเพริศแพร้ว
สิ้นหวังแล้ว แคล้วว่า พาให้หวน
แม้คืนนี้ มีดาว สกาวนวล
ฤทัยครวญ ในอก สะทกร้าว

คงถึงคราว สิ้นหมด รสรักเก่า
สุดซึมเซา เศร้าสร้อย น้อยใจสาว
ถ้าชาติหน้า มีจริง ไม่ทิ้งดาว
จะโน้มน้าว ครองคู่ สู่นิรันดร์
พันทอง



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

พี.พูนสุข, --ณัชชา--, ดาว อาชาไนย, yaguza, รพีกาญจน์, ดุลย์ ละมุน, ลมหนาว, หนามเตย, ยามพระอาทิตย์อัสดง, ไพร พนาวัลย์, เมฆา..., sunthornvit, รัตนาวดี, สะเลเต, Music, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 16 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 เมษายน 2012, 05:20:AM โดย panthong.kh » บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s