“ลุใบหญ้า”
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
08 มิถุนายน 2024, 06:47:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: “ลุใบหญ้า”  (อ่าน 25285 ครั้ง)
อริญชย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,568


ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว


« เมื่อ: 05 มีนาคม 2012, 02:18:PM »

                “ลุใบหญ้า”
                   (๑)
อรุณแจ้ง    แสงสีทอง  สาดส่องแล้ว
เสียงเจื้อยแจ้ว หมู่นกกา  ร้องปราศรัย
กล่อมทุ่งทอง  ท้องนที     อันวิไล
พฤกษ์พงไพร  ไสวเพชร  รุ้งเม็ดพราว
                   (๒)
ตื่นเถิดหนอ  โอ้ชาวนา   ผู้กล้าแกร่ง
จงเข้มแข็ง     ทอแสงช่วง สู่ห้วงหาว
ศรัทธาใน       วิถีถิ่น       ถวิลดาว
พร้อมจะก้าว   เผชิญโลก  โชคชะตา
                    (๓)
ยืนเพื่อหวัง   นั่งเพื่อคอย  น้อยเพื่อใหญ่
ทุกข์ร้าวไล่   ทนไว้เถิด   เพื่อเจิดจ้า
หวยเล่นบ้าง  ห่างเล่นไพ่  ไกลสุรา
แน่ะ! เชิญมา  ร่วมเกี่ยวข้าว อย่าร้าวรอน
                  (๔)
โหวดแคนซึง  ตรึงฤดี   ดนตรีบ้าน
เพลงขับขาน  จารสลัก   เป็นอักษร
เติมไฟฝัน   รักเป็นทุน   อิ่มสุนทร
ร้องรำฟ้อน     เถอะหมู่เฮา   ศักดิ์ชาวไพร
                     (๕)
ยืมเพราะไร้   ได้เพราะก่อ  พ่อเพาะเห็ด
หัวใจเด็ด       เหน็ดเหนื่อยอยู่   ยังสู้ไหว
หินทับหญ้า  ยกหินออก  หญ้างอกใบ
เจ็บแค่ไหน  ใครจะเหน็บ  ทนเจ็บเอา
                     (๖)
เหล้าไม่ดื่ม   ปลื้มทำไม   เสียดายทรัพย์
เดี๋ยวโรคตับ  มาขับเคลื่อน เป็นเพื่อนเข้า
อีกบุหรี่      เพื่อนยื่นให้    ยังไม่เอา
วะ! แช่งเรา     จะรับไป   ทำไมกัน
                     (๗)
เลี้ยงเป็ดไก่    ในบ้านทุ่ง   ผดุงถิ่น
สืบศาสตร์ศิลป์  ความเป็นไทย  มิไหวหวั่น
สานสุ่ม แห  ข้อง เข่ง ไซ  ใจผูกพัน
หนองน้ำนั่น!  ปูปลาว่าย     มากมายมี…

                               อริญชย์
                                   ๕/๓/๒๕๕๕

ปล. “ลุใบหญ้า” คำเลียนแบบ “รุไบยาท” ของ โอมาร์ ขัยยัม (ใช้ ค.แทน ข. อ่านว่า ไค-ยำ) นักกวีชื่อดังชาวเปอร์เซีย  ส่วนผู้ที่แต่งเป็นสำนวนไทยอันลือลั่นคือ
“แคน สังคีต”  ขอนำมาลงไว้ข้างล่างนี้ซัก ๗ บทเน๊าะทุกท่าน
อ่านเล่น ๆ กัน เน้อ ตามนี้ 



(รุไบยาท:สำนวน แคน สังคีต)

                      (1)
ตื่นขึ้นเถิด   เพื่อรับแสง แห่งสูรย์ส่อง
เมื่อดาวล่อง  เดือนลับ  ไปกลับฝัน
ขับราตรี    หนีเตลิด    เพื่อเปิดวัน
เชิญร่วมกัน  ฟังดนตรี  แห่งชีวา
                     (2)
ไปเสียเถิด   เจ้าภูตพราย   แห่งสายหมอก
ไม่ช้าหรอก   เสียงร้านเหล้า  เรียกเข้าหา
ประตูเปิด      ไยพวกเจ้า     ไม่เข้ามา
มัวก้มหน้า      หดหู่           อยู่ทำไม
                    (3)
ฟังสิฟัง        เสียงไก่ขัน    กระชั้นขาน
เป็นสัญญาณ   เปิดร้านค้า    ช้าไฉน
รู้เถิดว่า    เวลานั้น     สั้นเกินไป
อดีตใด     หากเลื่อนลับ   มิกลับคืน   
                    (4)
ช่วงปีใหม่   ชวนให้นึก   รำลึกคิด
ทั้งวิญญาณ  และชีวิต     นิจจาเอ๋ย
มัวคอยโชค   คอยชัย   ทำไมเลย
อย่ามัวเฉย   เร่มาหา    สุราบาน
                  (5)
เมื่อยามตาย   ได้อะไร  ติดไปบ้าง
เพียงเรือนร่าง  ฝังซาก  ฝากสุสาน
ยังชีพอยู่    ดูโลกไป   ให้สำราญ
ดอกไม้บาน  ในแก้วเหล้า  เราเริงใจ
                (6)
ปากของเจ้า  สงบนิ่ง  จริงจริงนะ
“เพื่อหัวใจ  ชัยชนะ” มะ!เติมใหม่
ดื่มเถิดเพื่อน   ดื่มเถิดเรา  ดื่มเข้าไป
ให้หัวใจ  และวิญญาณ   ประสานกัน
                (7)
จำเพื่อลืม   ดื่มเพื่อเมา  เหล้าเพื่อโลก
สุขเพื่อโศก  หนาวเพื่อร้อน  นอนเพื่อฝัน
ชีวิตนี้      มีค่านัก    ควรรักกัน
รวมความฝัน  กับความจริง  เป็นสิ่งเดียว ฯลฯ





ปล.จากหนังสือ “รุไบยาท” สำนวนอันลือลั่นของ “แคน สังคีต”

ความจริงมีจำนวนมาก (101)  แต่ขอนำมาลงให้อ่านกันเท่านี้แหละทุกท่าน  ขี้เกียจพิมพ์ ฮา

ส่วน “ลุใบหญ้า” ข้างบนน่ะ อริญชย์แต่งเอง อ่านเล่น ๆ ทุกท่าน อย่าได้ถือสาหาความ แต่งสนุกเฉย ๆ กลอนพาไป อิอิ
   





ภาพจาก
http://www.saengdao.com/images/pic_product/015.jpg


 อายจัง สาวน้อยเซย์ ฮาโหล อายจัง


ข้อมูลเพิ่มเติม

http://www.saengdao.com/view.php?menu=menu2&body=detail2&tid=69&type=1




“รุไบยาท” เป็นคำในภาษาเปอร์เซีย ความหมายคือ บทกวีชนิดหนึ่ง โอมาร์ ใครยัม กวีเอกชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน บรรจงรจนาบทร้อยกรองที่โลกไม่ลืมนี้ขึ้นมา พวกเราอ่านภาษาเปอร์เซียไม่ออก จึงคงไม่ซาบซึ้งกับบทกวี “รุไบยาท” อย่างแน่นอน ดังนั้น จึงต้องขอขอบคุณ เอ็ดเวิร์ด ฟิตซเจอรรัลด์ ผู้ซึ่งแปล “รุไบยาท” เป็นภาษาอังกฤษ และ “แคน สังคีต” ค้นพบเข้า เขาจึงแปลบทกวีของโอมาร์ ใครยัมขึ้นเป็นภาษาไทยที่ซาบซึ้งตรึงตรา

         “รุไบยาท” ฉบับ แคน สังคีต ได้บอกเล่าอารมณ์ ความรู้สึก ความรักและความฝัน และเหนือสิ่งอื่นใด คือการต่อสู้ชีวิตของผู้แปล จะมีบทกวีของใครสักกี่คนที่เราอ่านแล้วบางครั้งหัวใจก็อบอุ่น บางครั้งก็ว่างโหวง และก็ไม่น้อยครั้งที่เราฮึกเหิมกับชีวิต “รุไบยาท” ของ แคน สังคีต ให้เราได้เช่นนั้นแน่นอน ถ้าชีวิตของแคน สังคีต ไม่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านหลากหลายเรื่องราวจนมีต้นทุนของชีวิตมากมายขนาดนี้ เชื่อว่าบทกวี “รุไบยาท” ฉบับ แคน สังคีต คงไม่สามารถครองหัวใจผู้เสพบทกวีได้ยาวนานเช่นนี้แน่นอน



     ลำนำ...รุไบยาท (1)
ตื่นขึ้นเถิด เพื่อรับแสง แห่งสูรย์ส่อง
เมื่อดาวล่อง เดือนลับ ไปกับฝัน
ขับราตรี หนีเตลิด เพื่อเปิดวัน
เชิญร่วมกัน ฟังดนตรี แห่งชีวา

     ลำนำ...รุไบยาท (2)
ไปเสียเถิด เจ้าภูตพราย แห่งสายหมอก
ไม่ช้าหรอก เสียงร้านเหล้า เขาเรียกหา
ประตูเปิด ไยพวกเจ้า ไม่เข้ามา
มัวก้มหน้า หดหู่ อยู่ทำไม

    ลำนำ...รุไบยาท (3)
ฟังสิฟัง เสียงไก่ขัน กระชั้นขาน
เป็นสัญญาณ เปิดร้านค้า ช้าไฉน
รู้เถิดว่า เวลานั้น สั้นเกินไป
อดีตใด หากเลื่อนลับ มิกลับคืน

   ลำนำ...รุไบยาท (4)
ช่วงปีใหม่ ชวนให้นึก รำลึกคิด
ทั้งวิญญาณ และชีวิต นิจจาเอ๋ย
มัวคอยโชค คอยชัย ทำไมเลย
อย่ามัวเฉย เร่มาหา สุราบาน

    ลำนำ...รุไบยาท (5)
เมื่อยามตาย ได้อะไร ติดไปบ้าง
เพียงเรือนร่าง ฝังซาก ฝากสุสาน
ยังชีพอยู่ ดูโลกไป ให้สำราญ
ดอกไม้บาน ในแก้วเหล้า เราเริงใจ

   ลำนำ...รุไบยาท (6)
ปากของเจ้า สงบนิ่ง จริงจริงนะ
"เพื่อหัวใจ ชัยชนะ" มะ! เติมใหม่
ดื่มเถิดเพื่อน ดื่มเถิดเรา ดื่มเข้าไป
ให้หัวใจ และวิญญาณ ประสานกัน

    ลำนำ...รุไบยาท (7)
จำเพื่อลืม ดื่มเพื่อเมา เหล้าเพื่อโลก
สุขเพื่อโศก หนาวเพื่อร้อน นอนเพื่อฝัน
ชีวิตนี้ มีค่านัก ควรรักกัน
รวมความฝัน กับความจริง เป็นสิ่งเดียว

    ลำนำ...รุไบยาท (8)
ไม่ว่าเป็น นครใหญ่ ไพศาลสุด
พระสมุทร พื้นสุธา ภูผาเขียว
แต่ละหยด รสเหล้าหลั่ง ดุจดั่งเกลียว
จักโน้มเหนี่ยว นำโลก สู่โชคชัย
 
    ลำนำ...รุไบยาท (9)
เริ่มวันใหม่ ดอกไม้ฉ่ำ ด้วยน้ำค้าง
กลีบสล้าง ดอกสลอน อ่อนไสว
หมอกเช้าพรม ลมพัด สะบัดใบ
แต่สิ่งใด หล่อชีวิต ช่วยคิดที

    ลำนำ...รุไบยาท (10)
โปรดเชื่อเถิด เกิดเป็นคน ไม่พ้นบาป
ละม้ายภาพ ฉลุลาย ระบายสี
หิวหรืออิ่ม ยิ้มหรือหัว ชั่วหรือดี
ต่างก็มี กำไร ไม่เหมือนกัน

     ลำนำ...รุไบยาท (11)
มาสิมา มากับเรา ไม่เศร้าสร้อย
ถ้ำหินย้อย ทะเลทราย เร่งผายผัน
หนุ่มหรือสาว บ่าวหรือนาย ไม่สำคัญ
ณ ที่นั้น ร่มรื่น ชื่นฉ่ำทรวง

    ลำนำ...รุไบยาท (12)
ฟังเถิดฟัง เสียงไพเราะ เสนาะซึ้ง
บรรยายถึง ความสดใส ในแดนสรวง
คุณแห่งฟ้า ค่าแห่งดิน สิ้นทั้งปวง
เปรียบดั่งดวง ประทีปทอง ส่องนำทาง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

บัณฑิตเมืองสิงห์, สุนันยา, กังวาน, --ณัชชา--, panthong.kh, ...สียะตรา.., สิงขร, ยามพระอาทิตย์อัสดง, แป้งน้ำ, รพีกาญจน์, ไพร พนาวัลย์, ค.คนธรรพ์, บูรพาท่าพระจันทร์, พยัญเสมอ, amika29, Prapacarn ❀, ไม่รู้ใจ, สะเลเต, Music, sunthornvit, สุวรรณ, รัตนาวดี, พี.พูนสุข, Thammada, รการตติ, เมฆา..., กาญจนธโร, ลมหนาว, ..กุสุมา.., บ้านริมโขง, blues, กามนิต

ข้อความนี้ มี 32 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 มีนาคม 2012, 12:42:PM โดย อริญชย์ » บันทึกการเข้า

เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม
เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s