เรื่องบ่นของคนเบื่อ
กับชีวิตของนักกลอนหน้าคอม ที่แต่งกลอนโพสต์ไปวันๆ

หวังเพียงผู้อ่านถูกใจ ผลตอบแทนที่ได้ คือความสุขใจเล็กๆน้อยที่เกิดจากการชื่นชมหรือยอมรับจากผู้อ่าน(ซึ่งไม่นานนักเขาก็ลืมสิ้น)
คงเหลือไว้แต่เพียงภาคภูมิใจของคนแต่ง ที่เอาแต่นั่งอ่านกลอนของตนด้วยความเคลิบเคลิ้มหลงใหลพอใจยินดี
เรื่องชีวิตของนักโพสต์นี้ ไม่ว่าจะเป็นนักโพสต์กลอนหรือนักโพสต์ทั่วไปก็ออกจะเหมือนๆกัน คือทำโดยไม่ได้หวังสิ่งใด
นอกจากความสุขใจเล็กๆน้อยๆที่ผู้อ่านให้การยอมรับหรือมาอ่านโพสต์-กลอนของตน
มันไม่ต่างอะไรกันเลย กับพ่อครัวแม่ครัวที่ปรุงอาหารให้คนรับประทาน สู้ลำบากลำบนแทบตาย
ถ้าทำอาหารอร่อยถูกปาก คนกินเขาก็ชมว่าทำอร่อย(คนทำก็ได้แต่ยิ้มด้วยความปลื้มปีติ)
แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้เราทำอาหารอร่อยเพียงไหน อย่างมากเขาก็ทานด้วยความเอร็ดอร่อยและชมเท่านั้น
แต่พอลุกจากโต๊ะเพียงไม่นานก็พาลลืมเสียสิ้น ไม่ได้ติดใจจดจำอีกต่อไปว่า ใครทำอาหารอร่อย(จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าที่ทานเข้าไปน่ะคืออะไรบ้าง)
(บางคนถูกใจห่อกลับไปบ้านด้วย) เมื่ออิ่มแล้วก็ต่างคนต่างไป ไม่มีใครจะมานั่งจำหน้าหรือชื่อของแม่ครัวหรอกว่าเป็นใคร

นักกลอนหน้าคอมก็เช่นเดียวกัน แต่งไป แต่งไป ไม่ได้หวังค่าจ้างรางวัลหรือผลตอบแทนอะไรมากมายนอกจาก
ความสุขเล็กๆน้อยๆ ที่คนอ่าน อ่านแล้วชื่นชอบผลงานของตน(บางคนอ่านแล้วก๊อบไปเก็บหรือไปโพสต์ต่ออีก)
คนอ่าน อ่านๆแล้วก็แล้วกันไป(ลืมหมด)ไม่ต่างกับถ้วยน้ำจานชามพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ที่ยังคงวนเวียนอ่านแบบหลงใหลได้ปลื้มตั้ง 20-30 รอบก็เห็นจะเป็นคนแต่งนี่แหละที่ยังไม่ลืม
นี่แหละหนา...ชีวิตของนักกลอนหน้าคอม มันช่างต่างกับนักกวีมืออาชีพที่แต่งกลอนขายสำนักพิมพ์อย่างชัดเจน
ได้เงิน...ได้ชื่อเสียง....ใครจะอ่านก็ต้องเสียเงินซื้ออีกด้วย....

ที่บ่นนี้ไม่ใช่อะไรหรอก เพียงแค่ช่วงนี้ให้รู้สึกเบื่อหน่ายการเป็นนักลอนหน้าคอม(มันเบื่อๆอยากๆ เดี๋ยวเบื่อ เดี๋ยวอยาก เอาแน่ไม่ได้)
ไอ้ครั้นจะรวมกลอนกับเขาบ้างก็ยังไม่อยากทำ(ผมเรียกห้องรวมกลอนตามชื่อผู้แต่งว่า "สุสานกวี"
ห้องนี้มองๆไปรู้คล้ายเป็นสุสานของบทกลอนต่างๆที่ปลดละวางแล้ว ถ้าเจ้าของยังคงเล่นกลอนอยู่ก็ยังพอทำเนา
แต่ถ้าเจ้าของกลอนเลิกเล่นกลอนแล้ว นั่นล่ะคล้ายสุสานเลย นานๆทีปีละครั้ง เจ้าของกลอนก็จะเข้ามาอ่านมารำลึกถึงกลอน
ของตัวเองสักครั้ง คล้ายๆมาเซ่นไหว้ หรือนำช่อดอกไม้มาวางหน้าหลุมศพ(อะไรประมาณนั้น)
ด้วยเหตุนี้ผมก็เลยไม่อยากจะรวมกลอนของตัวเอง เพราะกลัวว่าตัวเองจะต้องมานั่งรำลึกถึงความหลังแบบนั้นบ้าง

ก็ไม่รู้สินะ บางทีผมอาจจะพูดตรงเกินไปก็ได้ แต่จะทำไงได้ล่ะ ก็เห็นแล้วมันรู้สึกแบบนั้นจริงๆนี่

ยังไงก็ขอบ่นเท่านี้ละ ขอบคุณทุกคนที่ทนอ่านจนจบ....
(ใครที่ทนอ่านจนจบขอให้ร่ำรวยด้วยเงินทองครับ)





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า