
ปานมณีรุ้งงามยามสบพักตร์
พลันหลงรักร่ำร้องอกหมองไหม้
คือชีวิตโดดเดี่ยวเหงาเปลี่ยวใจ
มิเคยได้ไมตรีปลอบชีวิต
มีหัวใจก็เหมือนดาวเคลื่อนคล้อย
ที่ล่องลอยเคว้งคว้างอย่างวิจิตร
แต่ขาดคนแลเหลียวเกี่ยวมอบมิตร
พรหมลิขิตขีดเส้นเป็นฉะนี้
วันเวลาหมุนไปยิ่งใจหาย
เห็นหญิง-ชายเคียงคู่กันจู๋จี๋
มองกระจกสะท้อนภาพวาบฤดี
อ้อมแขนมีแต่ไร้ใครแอบซบ
ณ แห่งห้วงดินแดนแว่นแคว้นนี้
หรือมิมีทางใดให้ประสบ
คนที่เต็มใจเติมเริ่มอยากคบ
เก็บและลบว้าเหว่แห่งเวลา
รักกับใครสักคนแม้ทนทุกข์
ก็คงสุขยิ่งยวดกว่าปวดปร่า
อาจได้พบสวรรค์บันดาลพา
หรือพบแต่น้ำตา...ก็จะยอม
อยากสบตาแดดอ่อนตอนฟ้าสาง
โดยเคียงข้างคนมองร้องเพลงกล่อม
อิงกลิ่นกาย-เรือนผมจักดมดอม
ตื่นมาพร้อมบอกรักสักร้อยครั้ง
ระหว่างวันวุ่นวายรับสายซ้อน
มีแง่งอนกันบ้างอย่างใจหวัง
มีเรื่องราวเบา-เบาเล่าให้ฟัง
แลกคำรักดัง-ดังระหว่างกัน
อยากก่อนหลับจุมพิตแก้มนิดหนึ่ง
ยิ้มให้ถึงเข้านอนก่อนหลับฝัน
แต่ฤดู เหงาฤดี...แห่งชีวัน
ฤ จักสั้นหดลงคงยาวนาน
และเมื่อปีกใจฝันฉันอ่อนล้า
ก็ช้า-ช้าลุกคืบเข้าสืบสาน
โดยอ้างว้าง.หมองหม่น.อนธการ
จมเจ็บในดิบด้าน...ธารน้ำตา!
...
พบชีวิตง่ามแง่แต่ร้าวราน
จึงปิดม่านหัวใจ...ในน้ำตา!

"สำเนาถูกต้อง" 




ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า