01 ธันวาคม 2009, 07:23:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« เมื่อ: 01 ธันวาคม 2009, 07:23:PM » |
ชุมชน
|
นิราศทุ่งทิวไพร
พอตะวันเบี่ยงบ่ายที่ปลายฟ้า จากบ้านเที่ยวมาตามถนน แดดร้อนระอุอย่างไฟลน ต้องเลี่ยงหลบพ้น..พึ่งเงา..ไม้บัง
นกน้อยบินลอยเรียงเคียงคู่ เดียวดายดูไร้รักที่จักหวัง ทนอยู่เปล่าเปลี่ยวเพียงลำพัง ก็ยังขาดเขิน..เกินคิดไปมีใคร
ใบไม้พลิ้วหวิวหวือโขยกระโชก กิ่งไม้โบยโบกระเนนไหว ต้นจิกรังเพิ่งผลัดระบัดใบ สีสันสดใสตามท้องทุ่งนา
ต้นไผ่ไหวเอนตามลมล่อง เสียงเสียดสีลำปล้องดั่งภาษา ความเพลิดเพลินตามใจจินตนา ฟังประหนึ่งว่า..คำถ้อย..คนรำพัน
สองฝั่งทางพงหญ้าเหี่ยวแห้ง เฉาวายลงตายแล้งสิ้นวสันต์ ดั่งคนเศร้าโสกาสุดจาบรรย์ คอยรักผูกพัน..ปลอบเล้า..ประโลมทรวง มีต่ออีก...ยาวมากกก
|
|
|
|
01 ธันวาคม 2009, 07:34:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2009, 07:34:PM » |
ชุมชน
|
แม่ไก่คุ้ยหญ้าจิกหาเหยื่อ กับลูกน้อยคอยเอื้อเฟื้อห่วงหวง ร้องกุ๊กกุ๊กเรียกลูกทั้งปวง ลูกฟังดั่งรู้ล่วงวิ่งกรูคุ้ยตาม
ดูไก่ดั่งสอนเรารู้ว่า ปัญหาอุปสัคขวากหนาม คือสิ่งเร้าใจให้พยายาม ขุดคุ้ยด้วยความ..มุ่งมั่น..อดทน
วันหนึ่งคงพบสิ่งมุ่งหวัง สมดั่งตั้งใจได้สักหน แม้ทุกข์โศกเศร้าเข้าผจญ ขวนขวายดิ้นรน..ต่อสู้..ต่อไปยังมีต่ออีก...............
|
|
|
|
01 ธันวาคม 2009, 07:52:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2009, 07:52:PM » |
ชุมชน
|
.......... ถึงทางแยกเขตุนาของตาหลวง เดินล่วงชมเพลินลงเนินห้วยไร่ ป่าไผ่สูงสล้างกิ่งแกว่งไกว ไม่มีใบกิ่งกางเหมือนก้างปลา
เงาไม้คลุมทางเย็นร่มรื่น ต้นก้ามปูแผ่ยื่นกิ่งสาขา ต้นประดู่ผลิใบงามอร่ามตา ต้นหนามป่ากิ่งพันกันรุงรัง
แสยงใจใคร่คิดบุกรุก จะไม่ทุกข์ออกมาแล้วอย่าหวัง เหมือนรักชอบตอบใครไม่ระวัง เมื่อคราวพลั้งพลาดรักหนักเจียนตาย
กระปอมน้อยต้อยต้อยใต่กิ่งไม้ ครั้นพอเราก้าวใกล้ผันผาย ผงกหัวหงึกหงึกเหมือนท้าทาย คล้ายคล้ายเหมือนอยากจะลองดี
พอเราเอาจริงกระโจนจาก วิ่งควากควากเข้าป่าหลบหนี ครั้นตามไล่ล่าหมายราวี ตกใจเปลี่ยนสี..หลีกเร้น..อำพรางตัว
วิสัยสัตว์ยังรู้รักชีวิต มีใครคิดทำลายหมายหัว ด้วยด้อยทางสู้ยังรู้กลัว พาตัวหลบซ่อน..พ้นจาก..เภทภัย
แต่มนุษย์ชื่อว่าสุดประเสริฐ ความล้ำเลิศนี้ควรรักษาไว้ อย่าประมาทพาใครต่อใคร เจ็บทั้งกายใจ..ไร้ป้องกัน
|
|
|
|
01 ธันวาคม 2009, 08:16:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2009, 08:16:PM » |
ชุมชน
|
ถึงเขตุคลองหนองน้ำห้วยไร่ ถูกขุดลอกขึ้นใหม่เป็นคูขั้น โดยงบประมาณรัฐแบ่งจัดสรร กักกั้นน้ำไว้ใช้ตลอดปี
ซึ่งแตกต่างสมัยก่อน พอถึงฤดูร้อนตามคลองนี้ ตลอดสายเเล้งไร้วารี ต้องต้อนควายไปที่ลำอีฮีน
ที่ไกลออกไปอีกอักโข ตั้งหลายกิโลฯจึงถึงถิ่น มีน้ำพอให้ฝูงควายกิน นึกถวิลครั้งอดีต..เป็นมา
ไม่ลืมชีวิตในวัยเด็ก ตัวเล็กเล็กมิทันรู้เดียงสา เสาร์-อาทิตย์ว่างจากเรียนวิชา ยังต้องมาเลี้ยงควาย..เป็นนายมัน
ผูกพันกับท้องทุ่งถิ่นกว้าง เสมอเหย้าอยู่สร้างสิ่งฝัน แมกไม้ในป่าพนาวัน คือความรักอัน...แนบแน่นในฤทัย
ภาพความสนุกแต่หนหลัง ยังฝังใจอยู่มิลืมได้ คืนวันผันผ่านดรธานไป คงเหลือคือสายใย...แห่งความคิดถึง
ซึ่งวันเวลาได้พลัดพราก ไปจากเหลือเพียงครั้งหนึ่ง ให้เราหวนลำลึกนึกถึง ตราตรึงตลอดไป..ในช่วงเวล� โปรดติดตามตอนต่อไป...................
|
|
|
|
02 ธันวาคม 2009, 07:15:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2009, 07:15:PM » |
ชุมชน
|
. ตามริมขอบคลองเขียวสดใส ขึ้นงามไสวกล้วยน้ำว้า แต่ละต้นเบียดแน่นขึ้นหนาตา บ้างออกเครือย้อยระย้า..โก่งต้น...ลงคลอง
หมู่ปลาซิวแหวกว่ายอยู่ยุบยิบ น้ำกระเพื่อมมิบมิบอยู่ในหนอง ปลาใหญ่ไล่ฮุบฮึกคะนอง กระโดดหนีลอยล่อง...แหวกว่ายวนเวียน
หมู่นกผกผินถลา ตามท้องทุ่งนาแวดเฉวียน แมงปอบินร่อนว่อนวนเวียน ลงน้ำอย่างแนบเนียน...น้ำไหวรำไร
จ่มก้นลงวับวับแล้วกลับขึ้น ไม่นานนักลงคืนครั้งใหม่ คนไม่รู้คงสงสัยว่าทำไม นั่นคือการวางไข่..ของเจ้าแมงปอ
ฟักตัวอ่อนแหวกว่ายอยู่ในน้ำ อิสานเรียกแมงระงำนั่นหนอ จนเติบใหญ่แข็งแรงสมบูรณ์พอ ลอกคราบเป็นแมงปอ..บินเร่อย่างเสรีต่อพรุ่งนี้..บาย..........
|
|
|
|
03 ธันวาคม 2009, 06:53:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2009, 06:53:PM » |
ชุมชน
|
เลี้ยวเลาะตามคลองท่องชมทุ่ง ถึงเขตุนาอาลุงทุ่งถิ่นนี้ เมื่อครั้งหลังป่าดงทั้งพงพี เคยเขียวขจี..แต่ต้น..พฤกไพร
เพียงไม่กี่ปีสิ่งต่างต่าง กลับแลเหลียวเปลี่ยวว่างแปลกไฉน โล่งเลี่ยนเตียนสิ้นทุกถิ่นไพร มโนนึกในใจ..ต่างแท้..แต่ก่อนมา
ป่าร่มลมเย็นเคยเล่นเที่ยว กลับแล้งแห้งเหี่ยวเป็นทุ่งหญ้า ป่าไม้ผลิใบงามอร่ามตา พอล่วงเลยเวลาไม่เหลือมี
ยิ่งนับวันจะถอยถดไปหมดสิ้น ด้วยน้ำมือชาวดินถิ่นนี้ ถวิลนึกต่อไปในสิบปี ณ แผ่นดินนี้..คงกลายเป็นทราย
พยับแดดเหมือนไฟจะไหม้ทุ่ง ร้อนระอุเป็นเปลวพลุ่งสุรีย์ฉาย เสียงกระดิ่งแว่วแว่วจากฝูงควาย และเล็มอยู่เรียงราย..ริมคลองบึง หมายเหตุ...กลอนนี้เขียนเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วอาจมีเนื้อหาไม่สอดคล้องกัยชีวิตผมในปัจจุบัน..แต่กลอนทั้งหมดเปิดเผยสู่ที่นี่เป็นแห่งแรก dokkrajaiw
|
|
|
|
03 ธันวาคม 2009, 06:58:PM |
บ้านกลอนไทย
ผู้ดูแลทุกบอร์ด
คะแนนกลอนของผู้นี้ 533
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 962
จิ๊กโก๋...กำลังจะโตเป็นหนุ่ม ฮ่าๆ
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2009, 06:58:PM » |
ชุมชน
|
|
|
|
|
03 ธันวาคม 2009, 07:10:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2009, 07:10:PM » |
ชุมชน
|
พวกเด็กเด็กเหมือนลิงวิ่งกระโดด ตะโกนโกยโอ้ยโอดตะเบ็งถึง ตามประสาเด็กน้อยไม่คำนึง จะเดือดร้อนรำคาญถึง..ซึ่งคนใด บ้างไล่เต้นขี่ควายไล่ยิงนก บ้างร้องเพลงโหวกเป็นนิสัย เด็กเลี้ยงควายบ้านดงพึ่งพงไพร ผูกพันด้วยใจห่างบ้าน..เหงามิคลาย หนังสะติ้กแน่สุดอาวุธถนัด แต่ละนัดแม้เพ่งเล็งจุดหมาย แม้ไม่หลบเลี่ยงเสี่ยงถึงตาย เขาคือศัตรูร้าย...ของนก..และกระปอม หนึ่งอันประจำกายต่อหนึ่งอ้าย เมื่อพบจุดหมายกรูเข้ารุมล้อม วาดฝีมือเข้าใส่บ่ได้ยอม สำเร็จได้ต่างพร้อม..เฮ..ยินดี แต่ละนายฝีมือไม่ใช่ย่อย แม้แต่ไอ้ตัวจ้อยเพียงเอวนี่ แม่นชะมัดเรื่องยิงควายได้พาที มุกทะลึ่งมากมี...จนเราอาย แล้งพรุ่งนี้ค่อยต่อ..นะครับ..ผม...คิวคิว
|
|
|
|
05 ธันวาคม 2009, 04:28:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 05 ธันวาคม 2009, 04:28:PM » |
ชุมชน
|
ถึงโรงานหรือเถียงนาภาษาถิ่น แว่วแต่ยินวาทีมิขาดหาย ได้แวะฟังพรั่งพร้อมทั้งหญิงชาย เดี๋ยวเรื่องควายเรื่องคนปนกันไป ทั้งเรื่องจริงอืงแฝงแต่งตลก เทียวหยิบยกให้คนฟังนั่งสงสัย ปรับใส่มุขอุปมาอุปไมย ฟังยิ้มปริ่มละไม.ขำมุข..หัวเราะเฮ ทั้งนินทาว่าเขาเข้าไปนั่น เรื่องของใครทราบกันเหมือนเที่ยวเร่ ไปแอบรู้ดูชมสมคะเน มานินทาฮาเฮ..ให้กันฟัง เดี๋ยวหญิงเล่าชายซักความอยากรู้ มันทั้งหูมันทั้งปากมากความหลัง มีเล่นมีจริงมีชิงชัง ที่ได้ฟัง..ก็ทั้งขัน..ทั้งมันดี ได้ถามไถ่ตามประสาก็ลาจาก ตั้งหน้าเดินบากหน้าสู่ไพรศรี เสียงแซวไล่หลังมาอย่างอารีย์ ทั้งน้องทั้งพี่..ลุงอาเมื่อลากัน
|
|
|
|
05 ธันวาคม 2009, 04:45:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 05 ธันวาคม 2009, 04:45:PM » |
ชุมชน
|
ฝ่าแดดดั้นด้นผ่านทุ่งกว้าง ตอต้นฟางข้าวทั่วแถบนั้น ถูกไฟลามไหม้ถึงไพรวัล พาพวกพืชพันธ์..กรอบแห้ง..ด้วยแรงไฟ แผ่นพื้นดินดำด้วยผงเถ้า มองไกลไกลคล้ายเอาสีวาดไว้ หน่อหญ้าพึ่งผุดดินขึ้นรำไร เขียวอ่อนสดใส..อยู่ตามคันนา หมู่นกผกผินบินล่อง ร่ำร้องสุดล่วงรู้ภาษา ฟังเสียงแว่วตามท้องทุ่งนา ดุจดั่งว่า..นั่นดนตรีกล่อมใจ ถึงเขตุป่าจั้กกะจั่นผันเสียงแว่ว ลมพลิ้วแผ่วพัดไพรเอนไหวไหว ร่มรื่นเงาไม้ผ่อนคลายใจ ฉันเที่ยวท่องชมเล่นไปตามทางจร ขอบคุณที่ติดตามอ่าน.. dokkrajaiw
|
|
|
|
06 ธันวาคม 2009, 05:55:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2009, 05:55:PM » |
ชุมชน
|
ต่อจากตอนที่แล้ว............. พบปะกลุ่มคนในหมู่บ้าน หาเก็บผักหวานกับดอกกระเจียวอ่อน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าฝ่าแดดร้อน หยุดนั่งพักผ่อน..ทักทาย..ถามไถ่กัน จั้กกะจั่นร้องลั่นก้องไปทั่ว ละอองน้ำรดหัวเพียงวสันต์ ยินแต่เขาเล่าว่าเยี่ยวจั้กกะจั่น แต่ที่มานั้น..ไม่รู้แน่ความจริง ดอกกระเจียวผุดดินขึ้นตามป่า เหมือนเรานามปากกาดั่งหญิง ไว้ปกปิดชื่อนามความเป็นจริง เพื่อเป็นสิ่งถูกต้องพ้องกับตัว ว่าธรรมชาติได้สร้างดวงดอกนี้ ให้สดสีสวยงามตามป่าเขา อยู่เพียงดินค่าแท้แล้วแต่เรา จะตีค่าเอา...เป็นความสุขใจ กวี...คือผู้ใช้พรสวรรค์ด้านการประพันธ์ร้อยกรองถ่ายทอดจินตนาการ..เป็นรูปแบบการนำเสนอทั้งแนวคิดและมุมมอง..(ความรู้ครับ..)
|
|
|
|
06 ธันวาคม 2009, 06:14:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2009, 06:14:PM » |
ชุมชน
|
สำรวจดูป่าปกเคยรกเรื้อ ที่ยังเหลือเป็นหย่อมหย่อมพอล้อมได้ ต่างกับสมัยเราเมื่อเยาว์วัย เป็นป่าใหญ่จะเที่ยวทั่วยังกลัวเสือ
ทุกวันนี้ผู้คนมากล้นหลาม เกิดแข่งกับป่างามอยู่ทุกเมื่อ เหมือนแผ่นดินหดเข้าเท่าลำเรือ ผู้คนหลายชาติเชื้อ..หาที่อยู่ครอง
แต่ป่าเกิดน้อยคนคอยตัด ที่สรรพสัตว์เคยเป็นเจ้าของ ถูกมนุษย์รุกเข้าจับจอง ไร้ใครปกป้อง..ความเปลี่ยนแปลงจึงตามมา
แข่งกันได้แข่งกันดีไว้ประดับ ว่าผู้มีสินทรัพย์ล้ำวาสนา กับมนุษย์ด้วยกันยังสิ้นเมตตา ล้างผลาญเข่นฆ่า..หวังพบความร่ำรวย
ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ หวังกอบโกยไปตราบมอดม้วย ด้วยสนุกยิ่งล้ำสิ่งอำนวย ไม่คำนึงช่วย...หมายโลกจีรัง
หมายเหตุ...ถ้าไม่คิดอะไรมาก..หรือไม่มีอะไรที่ต้องคิดคุณก็เป็นคนที่มีความสุขมากทีเดียว
|
|
|
|
09 ธันวาคม 2009, 07:02:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2009, 07:02:PM » |
ชุมชน
|
ต่อจากตอนที่แล้ว...หายไปสองวัน..มาอ่านต่อกลอนแบบแลนลี่ พออาทิตย์อ่อนลดรัศมี เรียงวจีถ้อยรักดั่งฝากหวัง ก่อนอำลาป่าไม้ใบบัง มาเพียงลำพัง..ผ่านท้องทุ่งนา มองทุ่งถิ่นกว้างร้างคนสิ้น ไกลสุดแผ่นดินจรดฟ้า ในความวังเวงเพลงนกกา ยังขับกล่อมไพรพนา..แกมกลิ่น..ดินดง เถียงนาน้อยปล่อยว่างเคยพรางฝน ตั้งโดดเดี่ยวทานทนอยู่กลางท่ง ผ่านลมผ่านฝนจนเอียงทรง เซซังแทบพังลง..เพียงแผ่นดิน ฟูกนอนหมอนเก่าเดียรดาษ ทั้งเสื่อสาดหนูกัดขาดวิ่น ครกหม้อถ้วยชามเครื่องทำกิน บุบแตกบิ่นเพราะพวกมือบอน ใต้ร่มใบบังหลังคาหญ้า นึกหวาดผวาหาสิ่งหลอกหลอน มองกวาดสายตารอบนาดอน ไร้คนสัญจร..รุกเข้าย่ำกราย ความเงียบคือมิตรอันสนิท ธรรมชาติคือเพื่อนคิดคู่สหาย ปลอบขวัญวิญญาญ์คราเดียวดาย ลมผ่อนพัดร้อนคลาย..แทนความผูกพัน ถ้าใครเคยอยู่บ้านนอกแถวภาคอิสานลองจินตนาการดูอีกที..บางทีที่ผมเขียนอาจเหมือนที่คุณคิด
|
|
|
|
09 ธันวาคม 2009, 07:25:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2009, 07:25:PM » |
ชุมชน
|
พอสิ้นอ่อนล้าเมื่อยขาแข้ง ได้แรงคืนกลับก็มุ่งมั่น ฝ่าแสงแดดร้อนของตะวัน จนถึงนายายจันทร์..ตาสมดี
พบตาอาหลานวงษ์วานญาติ ยังสนิทบ่เคลื่อนคลาดจากก่อนนี้ นึกสงสารแต่ตาสมดี เพิ่งสูญเสียคู่ชีวี..คือยายจันทร์
หลายปีดีดักที่จากถิ่น คืนสู่แผ่นดินก็แปรผัน ทั้งท้องถิ่นผู้คนเคยเห็นกัน ต่างกันลับกับก่อนนั้น..เคยเป็นมา
พวกน้องนุ่งพุงโลขี้มูกไหล ต่างแต่เติบใหญ่ไม่คุ้นหน้า เขตุคลองหนองน้ำตามท้องนา ล้วนแปลกหูแปลกตา..กว่าก่อนเดิม
ที่แปลงนาอาปลูกแตงถั่ว พอให้ครอบครัวมีรายได้เสริม อาศัยคลองงบรัฐฯขุดแต่งเติม ดีกว่าเดิมเก็บน้ำได้ตลอดปี
ตามสองฝั่งคลองปลูกกล้วยต้น บ้างออกปลีออกเครือพ้นเป็นหวี เก็บกินเก็บขายได้ทั้งผลปลี มีอยู่มีกิน..กันแบบพอเพียง
ต้นตะคร้อต้นเก่าแต่คราวเด็ก ตัวเล็กเล็กเคยปีนที่หน้าเถียง ยังตระหง่านลำต้นเอนเอียง มดแดงร้ายก็เคยเสี่ยง..เก็บลูกตะคร้อกิน
เหม่อมองนึกภวังค์ถึงครั้งเก่า เหมือนคอยปลุกเล้าจิตใจไม่สิ้น สำนึกในไออุ่นคุณแผ่นดิน ยังละมุนกรุ่นกลิ่น..อยู่มิเสื่อมคลาย
จำได้ว่ากลอนทั้งหมด..เขียนตอนต้นปี2541...มันนานมาแล้ว
|
|
|
|
09 ธันวาคม 2009, 07:38:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2009, 07:38:PM » |
ชุมชน
|
ได้ชิมอิ่มหนำทุกคำกล้วย พอช่วยไส้กิ่วให้หิวหาย จึงขอร่ำลาอาหญิงชาย เดินเพียงเดียวดาย..มาตามสันคลอง ต้นกล้วยขึ้นลานตาหนาเบียดต้น ยาวไกลไปจนสุดทั้งฝั่งสอง หมู่มัจฉาแหวกว่ายอยู่ในคลอง น้ำสะอาดใส..จนมองเห็นตัวตน ทั้งหนุ่มทั้งแก่ทอดแหหา อย่างสรวลเสเฮฮาสนุกล้น แวะดูตะข้องของแต่ละคน พอได้..แบบฝีมือปนกับดวง เรื่อยมาจนถึงนาลุงไหว คลองมีดินกั้นไว้เป็นช่วงช่วง เป็นสาธารณะชนคนทั้งปวง ซึ่งใครจะห้ามหวงนั้นไม่มี dokkrajaiw
|
|
|
|
10 ธันวาคม 2009, 06:51:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2009, 06:51:PM » |
ชุมชน
|
เดินเลี้ยวจากคลองถึงห้องกระท่อม เป็นที่กินอยู่พร้อมเฝ้าที่ ของลุงไหวเฝ้าแปลงแตงพันธ์ดี ระวังพวกที่..ชอบมาขโมยกิน
เห็นแต่แกงุ่นง่านกับงานขยัน กับลูกลูกมุ่งมั่นหมายสมถวิล แตแตงแกออกผลหนาดูน่ากิน แมลงว่อนว่อนบิน..ชมช่อดอกแตง
เสยงเครื่องสูบน้ำระงำหู น้ำไหลหลั่งพรั่งพรูขึ้นจากแหล่ง โดยเครื่องสูบน้ำทำดัดแปลง เพื่อรดแตง..ซึ่งปลูกไว้..ริมคลอง
ร่อนเร่เรื่อยมาผ่านนาทุ่ง ถึงเขตุนาหนองกุงคนึงหมอง เสียงเหล่าจั๊กกะจั่นสนั่นก้อง ร่ำร้องทั่วไปในแดนดิน
ลมอ่อนโยนพัดละลิ่วไพรพลิ้วไหว สกุณาน้อยใหญ่บินโผผิน ร่ำร้องก้องพนาเทียวหากิน ตัวต่อหึ่งหึ่งบิน..ที่หน้าโพรงรัง
|
|
|
|
10 ธันวาคม 2009, 07:10:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2009, 07:10:PM » |
ชุมชน
|
โอ้ต่อมีพิษใครคิดร้าย ซึ่งหมายราวีต่อยมิยั้ง แม้เพียงกร้ำกรายไม่ระวัง รุกล้ำใกล้เขตุรัง..อาจถึงตาย
เหมือนคนชื่อต่อพอปากว่า ชวนสรวลเสเฮฮาก็ทำเบื่อหน่าย คืนกลับศัพท์ปากเหลือมากมาย ได้ทั้งวัวทั้งควาย..เอาไว้ไถนา
ถึงนาพี่น้อยพอคล้อยค่ำ สุรีย์ลอยลดต่ำจับขอบฟ้า เสียงไก่ขันก้องตามท้องนา ส่งภาษา..ณ ทุ่งดงดอน
มะเขือเทศได้ปุ๋ยงามตามแปลงปลูก บ้างออกลูกสุกผลแดงแกมผลอ่อน อีกอาชีพหลังทำนาในหน้าร้อน เพื่อส่งป้อน..เมล็ดไปขยายพันธ์
เหล่าบรรดาชาวนาใกล้หนองน้ำ จึงต่างแต่ตั้งหน้าทำงานขยัน ทั่งทุ่งแห่งนี้ในปัจจุบัน จึงไม่เงียบงัน..เหมือนก่อนนี้เคยเป็น
เที่ยวทั่วทุ่งไพรจนใกล้ค่ำ ทุกถ้อยคำเขียนไว้ตามได้เห็น เป็นนิราศเรื่อยไปไร้ประเด็น ซึ่งจะเป็นหัวข้ออันสำคัญ
|
|
|
|
10 ธันวาคม 2009, 07:33:PM |
มหาซัง
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2009, 07:33:PM » |
ชุมชน
|
สวัสดีครับแจม..เป็นกำลังใจ บวกให้หนึ่งติดตามอ่านอยู่นะครับ
เห็นภาพทาบติดตา บรรยายมาใช่ว่าฝัน เป็นจริงทุกสิ่งอัน ช่างรังสรรค์กลั่นกวี
ท้องทุ่งที่เทียวอ้าง ล้วนแตกต่างต่างวิถี มากมิตรจิตไมตรี เหล่าน้องพี่นี้กลมเกลียว
เปรียบดังข้าวเหนียวปั้น เมื่อยิ่งคั้นมันยิ่งเหนียว ติดแน่นเป็นแผ่นเดียว คอยยึดเหนี่ยวเกี่ยวร้อยใจ
มหาซัง...
|
|
|
|
10 ธันวาคม 2009, 08:07:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2009, 08:07:PM » |
ชุมชน
|
โดยหมายน้อมใจผู้อ่าน สู่ห้วงลึกจินตนาการดั่งฝัน ผ่านอักษรกลอนกานต์งานประพันธ์ เห็นทุ่งป่าอารัญ..ชีวิตคน พอปลดเปลื้องหมองหม่นผจญอยู่ สิ้นรันทดอดสูห่างพ้น เหมือนปัดเป่ากล่าวกล่อมย้อมกมล ร่วมผจญถึงทุ่งทางหรือกลางไพร ตามนิสัยใจรักกลอนกาพย์ รับทราบตามนี้ดีหรือไม่ ก็แล้วแต่รักชอบตอบแต่ใจ ของแต่ใครใครนั่นล้วนต่างกัน ท้ายสุดจุดประสงค์จำนงค์แน่ อย่าผันแปรเหมือนใจที่ใฝ่ฝัน ขอความสุขสนุกยิ่งทุกสิ่งอัน หมายประสพให้ครบครัน..ทุกคนเทอญ ด้วยความจริงใจ..dokkRajaiw ความรู้:การจะเป็นนักขีดเขียนสำคัญคือการค้นหาตัวเอง ข้อเขียนต่างๆจะสะท้อนให้เห็นความเป็นตัวเราอีกทีโดยไม่ต้องปั้นหน้าว่าเราคือใคร
|
|
|
|
13 กันยายน 2011, 08:38:PM |
|
|
|