เลียบชายเขา ผ่าเหล่าไพร ในวังวน
กี่สับสน กี่ทนผ่าน กี่กาลเคลื่อน
คงซบเซา เหงาใจ ในต่างเดือน
คงปราศเพื่อน ร่วมทาง อย่างเคยเป็น
กี่สายลม โหมกระหน่ำ ที่ช้ำหนัก
กี่คราวคราความรัก ที่ยากเข็ญ
ต้องปวดเปล่าร้าวใจ ในความเค็ญ
น้ำตาเอ่อ แทบกระเซ็นเป็นสายธาร
จึ่งมาร่าย ร้อยคำ นำเสนอ
เผื่อเพื่อนผ่านมาเจอ คราย่างผ่าน
จะร่วมร่าย กับเพื่อนรัก ที่จากนาน
ด้วยถ้อยคำ สำนวนผ่าน บทกวีฯ
นักเดินทางย่างย่ำกลับสู่หนทางอันเคยย่างเหยียบ หวังจะคงมีเพื่อนที่ซุ่มเงียบมาทักทาย...
ได้พบเพื่อน เอื่อนเอ่ย เฉลยจิต
ใจเคยปิด มิตรมวล ล้วนดิถี
แต่ครานี้ ใจแย้ม แต่วลี
หมดเสียที หน้าที่ แห่งสายลม
จะขอฟ้า บันดาล ทุกกาลเคลื่อน
ได้พบเพื่อน ร่วมเดิน ไม่ขื่นขม
มีสหาย รายล้อม พร้อมเคียงชม
และสังคม ปรารถนา หามานาน
จะขอฝาก พื้นดิน อวลกลิ่นหญ้า
แทนคำว่า see you รู้ประสาน
จะขอฝาก ชื่อไว้ ในรสกานท์
ประดับมาน ธารฟ้า ดาราเพ็ญ
see you...(again)
สายลมไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ถ้าต้องการแต่ไม่จำเป็นสายลมจะหายไป หากแต่เมื่อจำเป็นแต่ไม่ต้องการสายลมจะกลับมา . . . เช่นเดียวกับดาราที่ถูกแสงอุษากลบประกายเงา
สายลมยามค่ำคืน คลืนๆ ซัด
ดึกสงัดปานนี่ ยังมีฉัน
นั่งร่ำร่าย ใต้เงามืดแห่ง คืนจันทร์
ในเสี้ยวแห่ง ชีวัน ฉันรวดร้าว
ฉัน...ย่ำเดิน บนเส้นทาง ระหว่างเดิน
ผ่านสุขทุกข์ เมื่อเผชิญ เกินจะกล่าว
มากมายรส บทบาทฉัน พันเรื่องราว
ฉันย่ำก้าว หลายคราวพ้น จนวันนี้
นักกวี ที่ไร้ชื่อ อยากถือศักดิ์
ต้องพบเจอ ความอกหัก หนักเหลือที่
เคยมีรัก ถูกความรัก ปักฤดี
ช้ำป่นปี้ ไม่เหลือดี แล้วซีใจ
ละอองดาวเพื่อนรัก
คงเคยผ่านความอกหัก บ้างใช่ไหม
ช่วยฉันที เพื่อนรัก ฉันปวดใจ
ฉันต้องทำอย่างไร ให้หายดี
ในวันนี้ ที่ฉัน ใจสั่นไหว
ช่างปวดร้าว หัวใจ ทำไงนี่
เคยอกหักบางครั้ง ไม่เก่งที
ยังรวดร้าว อย่างนี้ อย่างที่เคย
นักเดินทางอย่างฉัน ยังคงร่ำรำพัน เมื่อยามปวดหัวใจ