ป่า
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
17 เมษายน 2024, 01:43:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ป่า  (อ่าน 7602 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
22 สิงหาคม 2010, 10:36:PM
หนุ่ม นิยมไพร
LV3 นักเลงกลอนประจำซอย.
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 34



« เมื่อ: 22 สิงหาคม 2010, 10:36:PM »
ชุมชนชุมชน

ป่าไม้ ป่าปูน ภาค ๑
๓ วันจากป่าปูน  ๓ วันแห่งความทุกข์ร้อน  ๓ วันที่ฉันคิดว่า
"ฉันไปทำไม"  จากแสงสีแสงไฟ  ในป่ามีอะไร  เพียงความมืดมิด
ถึงจุดนัดหมาย  ฉันหอบสัมภาระ  บุกป่าเหนื่อยแทบตาย  "นี่ฉันมาทำไม"
ปักเต็นท์นอนป่า  อยู่ป่า ๓ วัน  ฉันหลงใหล  เสียงธรรมชาติ  ใบไม้ไหว
ริงไรแว่วดัง  ความว่าเหว่อยู่ไหน  ความถวิลหาแสงสีอยู่ไหน
บัดนี้  ฉันนั่งล้อมกองไฟ  ฟังบทเพลงจากวีรชน  ลำนำขับขาน
บทเพลงแห่งผืนป่า  เสียงแห่งพงพนา  แสงสว่างในความมืดมิด
กองไฟถูกสุม  เทียนไขถูกจุด  เหล้าบุหรี่ติดไว้  ต้านลมหนาว
เช้าเราท่องป่า  ตกปลาหาสำราญ  อาบน้ำในลำธาร
เช้าเราสุขสันต์  ค่ำเราเฮฮา
๓ วันออกจากป่า  ฉันหอกสัมภาระ  กลับมา  ป่าปูน
ฉันหวนคิดถึงป่าไม้  ป่าใหญ่
ไร้เสียงวีระชน  ไร้ซึ่งลำนำขับขาน  ไร้ซึ่งเสียงชื่นใจ
เมื่อไหร่หนา  ฉันจะได้ไปป่า  เบื่อแล้วหนา  ป่าปูน
ฉันถวิลหา  ป่าไม้นานา  ตกปลาหาสำราญ
๓ วันฉันจากป่าน่าใจหาย  ๓ วันจากเมืองใหญ่น่าสุขสันต์
เมื่อไหร่หนอ  วันคืนอย่างวันนั้น  จะหวนคืนอีก

ป่าไม้ ป่าปูน ภาค ๒
เดินทุกวัน  หันหน้า  หาป่าปูน
มีเงินอยู่  ยี่สิบ  หาข้าวกิน
เดินหาข้าว  มีเงิน  ไม่พอกิน
สุดท้ายแล้ว  ไร้เงิน  ไร้ชีวา

สังคมเรา  นิยม  เพียงวัตถุ
คนเราทุกข์  ก็เพราะ  ต้องการมี
เราอยากได้  ขวนขวาย  ให้ได้ดี
เพื่อจะมี  ในสิ่ง  ที่ต้องการ

สุดท้ายแล้ว  สิ่งใด  คือที่สุด
โอ้มนุษย์  ล้วนแล้ว  หลงในค่า
ตีคนกัน  ที่เงิน  ที่ราคา
ใครมีมาก  ก็พา  กันชื่นชม

อยู่กลางป่า  เงินตรา  ไร้ความหมาย
เพราะสุดท้าย  ที่ตาย  อยู่ด้านหน้า
อะไรเล่า  จะสุข  เท่ากับหา
ของในป่า  มาประ  ทังชีวี


โอ้มนุษย์ผู้หลงใหลความเป็นป่า
พงพนาป่าเขาลำเนาไพร  สัตว์ป่าน้อยใหญ่ช่วยรักษา
กัดกินแหวกดงทางด่านป่า  คือรักษามิว่าใช่ทำลาย
โอ้มนุษย์ผู้หลงไหลความเป็นป่า  บางคนมาออกล่าสร้างฉิบ หาย
บ้างก็มาอวกอ้างเครื่องทำลาย  สร้างฉิบ.หายสร้างบรร.ลัยได้พอกัน
โอ้มนุษย์ผุ้หลงไหลความเป็นป่า  เพียงเข้ามาหาความหฤหรรษ์
ตั้งค่ายอยู่กลางป่าพนาวัน  ล้อมวงกันรอบกองไฟใจสุขดี
โอ้มนุษย์ผู้หลงไหลความเป็นป่า  เพียงเพื่อหาความสุขตามวิถี
หาของป่าในป่าบรรดามี  ตามวิถีชาวป่าพาเพลินใจ


ป่าไม้ ป่าปูน ภาค ๓
กัดเถิดกัดกินไป   ป่าที่ไร้วิญญาป่าสีขาว
รอบข้างด้วยเศษเหล็กแวววาว  ราคาสูงเทียมฟ้าเกินคว้าครอง
กันเถิดกันกินไป   ป่าที่ไร้วิญญาป่าสีขาว
ด้วยผู้คนพลุกพล่านกันลานราว-  กับไร้ชีวิตจิตวิญญาณ
กัดเถิดกัดกินไป  ป่าที่ไร้วิญญาป่าสีขาว
อำนาจคว้าไขว่ครองคว้าราว-  กับอดอยากกระหายใจกระเส่า
กัดเถิดกัดกินไป   ป่าที่ไร้วิญญาป่าสีขาว
เมื่อไหร่หนอจะถึงที่จะถึงคราว   วิบัติภัยกวาดให้สิ้นให้เหี้ยนเตียน
ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

อุดมการณ์ ปรัชญา พงพนา และศิลปะ คือ โลก
26 สิงหาคม 2010, 04:34:PM
เพรางาย
ผู้ดูแลบอร์ด

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 553
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,312


ทุกคำถามจะนำมาซึ่งคำตอบ


« ตอบ #1 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2010, 04:34:PM »
ชุมชนชุมชน

มีใบแห้งทับถมเป็นพรมย่ำ
มีกิ่งก้านสานค้ำกำบังฝน
มีมัจฉาไหวไหวในสายชล
และมีคนหลงใหลไปเยี่ยมเยียน

เพียงเห็ดขอนแทงดอกก็บอกกล่าว
กระรอกโจนเป็นข่าวรีบขีดเขียน
นกลงจับขับร้องส่องกล้องเวียน
ทุกสิ่งแปลกแผกเพี้ยนสะดุดตา

หลงป่างามหมดใจไม่เก็บกัก
เทใจรักยามไกลอยากไปหา
เฝ้านับวันย้อนรอยคอยเวลา
ใครว่าบ้า  ช่างเขา...เราพอใจ
ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

คนที่กำลังไล่ตามความฝัน  ท่ามกลางความผกผันของเวลา
26 สิงหาคม 2010, 08:30:PM
สุวรรณ
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 565
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,487


หวังทุกชีวิต สถิตไว้แต่สิ่งดี


« ตอบ #2 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2010, 08:30:PM »
ชุมชนชุมชน

ออเคสตราบรรเลงเพลงกบร้อง
ดั่งเสียงทองท้องทุ่ง  คุ้งสดใส
ดัง อ๊บ อ๊บ กระทบผาพฤกษาไพร
ระงมในป่าพงให้หลงเคลิ้ม

สดับแว่วแผ่วถี่มีคอรัส
ไล่สัมผัสลูกคอมาต่อเสริม
ทั้งเรไรหริ่งหรีด คลื่น seed เติม
ต่างบรรเลงเร่งเริ่มเพิ่มเสียงดง

ฤา..ลูกทุ่งบ้านบ้านตามลานไม้
แทรกพุ่มใบไทรตาล พานพาหลง
ลมหวีดหวิวพลิ้วผ่านอย่างบรรจง
โหมโรงส่งโยงคลื่นคืนฝนพรำ
ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
26 สิงหาคม 2010, 09:32:PM
ดอกกระเจียว
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 317
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,264


จินตนาการในความว่างเปล่า


« ตอบ #3 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2010, 09:32:PM »
ชุมชนชุมชน




นิยมไพรคือรักป่านี้น่ารัก
ไว้พึ่งพักเงารื่นได้ชื่นฉ่ำ
มีป่าไม้แผ่นสกนธ์จึงฝนพรำ
มีสายน้ำชื่นชุ่มชอุ่มไพร

อันป่าไม้เรานี้มีหลายป่า
สุดแต่ใครดอกหนาชอบป่าไหน
นับคณาในเขตุประเทศไทย
ห้วยขาแข้งนั่นไงยังสมบูรณ์



ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

31 สิงหาคม 2010, 12:15:PM
ดาวระดา
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 369
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 595



« ตอบ #4 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2010, 12:15:PM »
ชุมชนชุมชน

เขียวก้านใบไล่จี้แข่งสีเฉด
มวลนิเวศน์เจตน์จงประสงค์สรร
ประดับแดนดินเขาเผ่าไพรวัลย์
งามพฤกษ์พรรณวรรณะ-เริงผละใบ

มะเดื่อดกตกดินส่งกลิ่นเน่า
ทั่วลำเนาเงาสณฑ์สกนธ์ใหญ่
ประสบการณ์ผ่านกลอนสะท้อนไกล
ประทับใจไพรพงผืนดงดอน

แลทิวเปลือกเทือกเขาตะนาวศรี
วนาลีสีแปลกแทรกสิงขร
เหล่านกป่าร่าเริง ณ เยิงคอน
บ้างบินร่อนย้อนหยอกทั่วซอกพง

เสียงธารไหลไพรเร้นอกเต้นตื่น
รับความชื้นดื่นจิตพิศวง
เบิกตาชมสมใจผืนไพรดง
โอ้ลุ่มหลงพงพฤกษ์รู้สึกแล้ว
ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
31 สิงหาคม 2010, 02:03:PM
อัศจรรย์จิต
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 118
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 222


พี่ชายมาเองจำ รหัสเข้าตัวเองไม่ได้555


« ตอบ #5 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2010, 02:03:PM »
ชุมชนชุมชน

ภาพลำเนาเขาโตรกชะโงกง่อน
เรียงสลับทับซ้อนจากก้อนหิน
มองสีเขียวเขียวสดจรดดิน
นี่หรือถิ่นแดนไพรในนิยาม

ก้านกิ่งไผ่ไหวพลิ้วลิ่วลมพัด
ใบล่องลัดตามลมยากข่มห้าม
กลิ่นเกสรร่อนมาเมื่อฟ้าคราม
ให้ใจหวามวาบหวิวปลิวตามลม

แค่นี้นะคะมีสอนค่ะ  อิอิ ขอบคุณพี่นกนะคะสำหรับวรรคแรกบทแรก








ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
31 สิงหาคม 2010, 02:21:PM
สมนึก นพ
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 728
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,994



taojeo@hotmail.com
« ตอบ #6 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2010, 02:21:PM »
ชุมชนชุมชน

ธรรมชาติ พงไพร ในป่ากว้าง
พวกลิงค่าง อาศัย ให้สลอน
ทั้งชะนี ฝูงใหญ่ ได้หลบนอน
ต่างพักผ่อน หลังโลดเต้น เล่นทั้งวัน

มนุษย์ ผู้เจริญ บังเอิญเห็น
พื้นที่เด่น เน้นการณ์ ไว้ในฝัน
จัดทัวร์ ท่องไพร กำไรพลัน
สายน้ำนั้น ล่องแก่ง แอ่งน้ำวน

โค่นไม้ใหญ่ ได้มา ซึ่งที่พัก
ที่พำนัก พักได้ หลบสายฝน
ดึกดื่น ฝืนใจ ฝืนกายตน
แต่ละคน ดื่มสุรา พามึนเมา

นำขวดวาง ง้างนกปืน ยืนจังก้า
ไฟส่องจ้า ลั่นไกปัง ดังก้องเขา
ลูกชะนี ลูกค่าง ยังซมเซา
ด้วยง่วงเหงา หลับนอน ตอนค่ำมา

ให้ตกใจ อะไรดัง ต่างหลบหนี
หลายตัวที่ ตกหล่น บนหินผา
มืดค่ำ มองไม่เห็น เผ่นตกมา
อนิจจา มาตาย ได้พิการ

อีกไม่นาน คนนั้น พลันต้องกลับ
ทิ้งกลิ่นอับ กลิ่นสุรา เศษอาหาร
เศษแก้วแตก แฉกแหลม เต็มเกลื่อนลาน
ให้สงสาร สัตว์ทั้งหลาย ได้มาดู

ธรรมชาติ ลิงค่าง ต่างอยากเห็น
อยากจะเล่น เป็นอะไร อยากได้รู้
ไล่แย่งเหยียบ ไม่ยั้ง เลือดพลั่งพรู
น่าอดสู โดนแก้วบาด แทบขาดใจ

พลาสติกใส ภายใน ใส่อาหาร
ที่เหลือทาน อาหารมี สีสดใส
ด้วยไม่รู้ กลิ่นมาก จึงลากไป
ลับพุ่มไม้ แทะกลืน ลื่นลงคอ

สามสี่วัน ผ่านพ้น ทุรนทุราย
ต้องมาตาย ท้องถ่าย ไม่ได้หนอ
ป่าใหญ่ให้ สัตว์อยู่ ดูเพียงพอ
วอนร้องขอ คนอย่าได้ ทำลายเลย.
ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
31 สิงหาคม 2010, 03:06:PM
บอม ซอง ดุ๊ก
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 589


เสกสรรกลั่นอักษร พลิ้วโอนอ่อนตามอารมณ์


« ตอบ #7 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2010, 03:06:PM »
ชุมชนชุมชน






คงน้ำ คงป่า คงฟ้า คงดิน

  สบัดใบ ใต้ลมถา ชุ่มพฤกษา หน้าคิมหันต์
 มวลบุปผา เบ่งกลีบบาน อวดสีสัน ยวนภมร
สายลมโชย โรยผิวน้ำ งามริ้วคลื่น ผืนสะท้อน
  ชื่นผืนฟ้า เมฆารอน สกุณา ถลาลม....

  เสียงลิงค่าง บ่างชะนี ก้องไพรี เพิ่มสีสัน
  ผลไม้ นานาพันธุ์ หลากดกดื่น ชื่นสุขสม
หมอกแผ่ผืน กลืนทิวผา ยามเย็นยืน รื่นอารมณ์
คือเสียงเพลง เปล่งกลืนกลม พรมไพสัณฑ์ นานล่วงเลย

oOขอประณาม คนที่ตัดไม้ทำลายธรรมชาติ // ขอชมเชย ทุกท่านที่ช่วยปกป้องOo

บอม ซอง ดุ๊ก





     
ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เสกสรรกลั่นอักษร....พลิ้วโอนอ่อนตามอารมณ์
31 สิงหาคม 2010, 09:46:PM
สุวรรณ
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 565
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,487


หวังทุกชีวิต สถิตไว้แต่สิ่งดี


« ตอบ #8 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2010, 09:46:PM »
ชุมชนชุมชน



กลิ่นกำจายพรายปีบกลีบไพรพฤกษ์
หยาดน้ำค้างพร่างผลึกยามดึกเผย
รอยสัมผัสชัดชื้นชื่นใจเอย
ลมรำบายผายเอ่ยขอเชยชม

โน่น...แสงโสมโคมฟ้าระย้าระยิบ
อีกดาวน้อยลิบๆกระพริบห่ม
ให้ท้องทุ่งคุ้งแควแลรื่นรมย์
เกิดภาพสวยงามสมดังพรมไพร
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s