เมื่อนั้น พระผู้พงศ์เทวากระยาหงัน
ครั้นฤกษ์ดีแจ่มดวงสุริยัน ทรงธรรม์ชวนกะหรัดตะปาลี
ทั้งสุหรานากงอนุชา สังคามาระตาเรืองศรี
กับระเด่นดาหยนผู้ภักดี มาเข้าที่สรงน้ำทิพมนตร์
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
ห้าองค์ชำระสระสนาน กิดาหยันถวายพานเครื่องต้น
บรรจงทรงทาพระสุคนธ์ ปรุงปนเกสรสุมาลี
สอดใส่สนับเพลาภูษาทรง ฉลององค์โหมดตาดต่างสี
เจียระบาดคาดรัดรูจี ปั้นเหน่งเพรชพลอยมณีหนุนชับ
ทรงมหาสังวาลพิชัยยุธท์ ชมพูนุทเฟื่องห้อยพลอยประดับ
ทองกรแก้วพุมามวามวับ ธำมรงค์รุ้งระยับจับตา
ทรงมงกุฏกุณฑลทัดตรัสเตร็จ อุบะเพรชแพร้วพรายพระเวหา
เหน็บกริชฤทธิไกรแล้วไครครา ก็เสด็จมายังเกยแก้วมณี
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
ต่างองค์ขึ้นทรงมาต้น พร้อมพลจตุรงค์ทั้งสี่
กิดาหยันพี่เลี้ยงเคียงพาชี ถวายกลดโหมดสีต่างกัน
ให้เดินทัพโยธาห้ากอง เสียงกลองเสียงปืนครื้นครั่น
ผงคลีมืดคลึ้มชอุ่มควัน รีบร้นพลขันธ์คลาไคล
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
ครั้นมาใกล้กองทัพไพรี เห็นโยธีธงทิวปลิวไสว
ช้างม้าดาทุ่งเป็นแถวไป พระสั่งให้หยุดพลจตุรงค์
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
บัดนั้น จึงมหาเสนาตำมะหงง
รับราชบัญชาพระโฉมยง ให้หยุดธงสำคัญสัญญา
แล้วรีบรัดจัดพลรณยุทธ์ ตั้งที่นามครุฑปักษา
วางกองเยื้องกันเป็นฟันปลา ให้โยธาคอยยิงชิงชัย
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่
เห็นทัพมาตั้งมั่นกันเมืองไว้ พลไกรเพียบพื้นปัถพี
จึงตรัสเรียกโอรสยศยง กับองค์อนุชาทั้งสองศรี
ต่างรีบกะระตะพาชี ออกยืนที่ประจำกองโยธา
แล้วมีสีหนาทโองการ ประกาศสั่งทวยหาญกองหน้า
จงเร่งเข้าตีทัพให้อัปรา หักเอาดาหาในวันนี้
ฯ ๖ คำ ฯ
บัดนั้น ตะหมังรับสั่งใส่เกศี
ก็เร่งพลเร่งพวกพาชี เข้าตีต่อหักโหมโจมทัพ
บ้างเป่าชุดจุดยิงปืนใหญ่ ฉัตรชัยมณฑกนกสับ
นายกองแกว่งดาบวาบวับ ตางขับพลวิ่งเข้าชิงชัย
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
บัดนั้น นายทหารกุเรปันไม่หวั่นไหว
ให้ระดมปืนตับรับไว้ แล้วไล่โยธีตีประจัญ
ต่างมีฝีมืออื้ออึง วางวิ่งเข้าถึงอาวุธสั้น
ดาบสองมือโถมทะลวงฟัน เหล่ากริชติดพันประจัญรบ
ทหารหอกกลอกกลับสัประยุทธ์ ป้องปัดอาวุธไม่หลีกหลบ
พวกพลพาชีตีกระทบ รำทวนสวนประจบโถมแทง
บ้างสกัดซัดพุ่งหอกคู่ เกาทัณฑ์ธนูน้าวแผลง
ตะลุมบอนฟอนฟันกันกลางแปลง ต่อแย้งยุทธยิงชิงชัย
ตายระดับทับกันดังฟอนฟาง เลือดนองท้องช้างเหลวไหล
กองหลังประดังหนุนขึ้นไป ตัวนายไล่ไพร่เข้าบุกบัน
ฯ ๑๐ คำ ฯ
เมื่อนั้น สังคามาระตาแข็งขัน
เห็นพวกพลไพรีตีประจัญ โยธาขยั้นหยุดยั้ง
พระกริ้วโกรธนักดังอัคคี แกว่งกระบี่ขี่ขับม้าที่นั่ง
โรมรุกบุกไปแต่ลำพัง ไล่หลังพวกพลเข้ารณรงค์
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีสูงส่ง
กับระเด่นทั้งสามสุริย์วงศ์ ต่างองค์ผันแปรแลตาม
เห็นสังคามาระตากล้านัก ยังอ่อนศักดิ์หักศึกไม่เกรงขาม
มิไว้ใจในทีทำสงคราม ต่างขับม้าตามไปทันใด
ฯ ๔ คำ ฯ
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่
เห็นระเด่นทั้งสี่จึงถามไป เจ้าผู้ใดที่ชื่อจรกา
ฯ ๒ คำ ฯ
เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีใกล้า
ยิ้มพลางทางตอบวาจา เรายกมาแต่กรุงกุเรปัน
จะสังหารผลาญพวกปัจจามิตร ที่มาติดดากาเขตขัณฑ์
ซึ่งท่านถามหาจรกานั้น มิได้มาด้วยกันในกองนี้
ฯ ๔ คำ ฯ
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี
รู้ว่าระเด่นมนตรี ถูมีครั่นคร้ามขามวิญญาณ์
แต่มานะตอบไปด้วยใจหาญ เจ้าผู้วงศ์วานอสัญหยา
แต่ละองค์ทรงโฉมโสภา ชันษาอายุก็ยังเยาว์
ได้เห็นก็เป็นน่าเสียดาย จะพากันมาตายเสียเปล่าเปล่า
ไม่ควรคู่สู้รบกับเรา ครั้นจะฆ่าเสียเล่าก็อายใจ
อนึ่งตัวเจ้ากับเรานี้ จะราคีเคืองกันก็หาไม่
ให้จรกามาเถิดจะชิงชัย เจ้าจะได้ดูเล่นเป็นขวัญตา
ฯ ๘ คำ ฯ
เมื่อนั้น พระองค์วงศ์อสัญแดหวา
จึงตอบว่าอันตัวจรกา มิได้อยู่ดาหาธานี
เมื่อหลับตามารบให้ผิดเมือง รี้พลตายเปลืองไม่พอที่
จะรบกับจรกาดังว่านี้ จงล่าเลิกโยธีถอยไป
แม้นไม่รู้แห่งเมืองจรกา จะช่วยชี้มรรคาบอกให้
ถ้าขืนตั้งประชิดติดกรุงไกร คงชิงชัยไม่ฟังท่านพาที
ถึงมาตรแม้นจรกามิมาเล่า ตัวเราจำช่วยด้วยเป็นพี่
เมตตาว่าน้องเป็นสตรี จะทอดทิ้งมารศรีเสียอย่างไร
ใช่นางเกิดปทุมา สุริย์วงศ์พงศานั้นหาไม่
จะมาช่วงชิงกันดังผลไม้ อันจะได้นางไปอย่าสงกา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงใจกล้า
จึงว่าเรายกโยธา หมายมาจะชิงพระบุตรี
ถึงจะรับของสู่ระตูไว้ ยังมิได้ทำการภิเษกศรี
จรกาไม่มาก็ยิ่งดี ไม่มีผู้หวงแหนเกียดกัน
สุดแท้แต่นางอยู่ที่ไหน เราจะชิงชัยที่นั่น
อันชิงนางอย่างนี้ไม่ผิดธรรม์ ธรรมเนียมนั้นมีแต่บุราณมา
สุดแต่ใครดีใครได้ การอะไรของเจ้าผู้เชษฐา
จงยกทัพกลับคืนไปพารา เบื้องหน้าจะได้สืบสุริย์วงศ์
ฯ ๘ คำ ฯ
เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีตอบตามประสงค์
ซึ่งจะให้เรายกจตุรงค์ คืนคงกรุงไกรนั้นไม่ควร
อับอายไพร่ฟ้าประชาชน เสนีรี้พลจะแซ่สรวล
หรือหมายไม่สมคะเนเรรวน จึงชวนพูดจาหย่าทัพ
อย่าพักพูดอุบายให้ตายใจ ท่านมิยกคืนไปก็ไม่กลับ
รี้พลจะพลอยย่อยยับ เรากับระตูมาสู้กัน
จะได้ลองฤทธีฝีมือ ให้ลือชื่อในชวาเขตขัณฑ์
หรือรักตัวกลัวจะม้วยชีวัน บังคมคัลจะให้คืนไปพารา
ฯ ๘ คำ ฯ