เลาะริมไพรยินเพียงเสียงกู่ก้อง
ฟังเศร้าหมองร้องร่ำคร่ำครวญหา
ชะนีน้อยห้อยโหนโผนพนา
เปลี่ยวเอกาว้าเหว่บุพเพลาญ
(มีเพียงบทเดียว ค่ะ…)
ฟังเศร้าหมองร้องร่ำคร่ำครวญหา
ชะนีน้อยห้อยโหนโผนพนา
เปลี่ยวเอกาว้าเหว่บุพเพลาญ
(มีเพียงบทเดียว ค่ะ…)
ได้กลอนแรกแผกผายปนสายฝน
ไม่รู้ใจเจียดกุศลกมลใส่
คงไม่เศษเหลือศัพท์ฉบับใด
หากลำนำร่ำพิไล ของเวลา
เลาะริมไพรยินเพียงเสียงกู่ก้อง
ฟังเศร้าหมองร้องร่ำคร่ำครวญหา
ชะนีน้อยห้อยโหนโผนพนา
เปลี่ยวเอกาว้าเหว่บุพเพลาญ
ล่วงคำเล่าเก่ากัปอันอัปยศ
สาปสวยสดนิรสัตย์ตัดประหาร
มิ่งโมราว่ากลั้วเป็นตัวการ
หลงทมิฬหินมาร กว่าสามี
แต่มีใครไหนคำนึงถึงมูลเหตุ
อันเหลี่ยมเลศเล่ห์โลกย์โศรกผี
เพิ่งพ้นพรากจากผอบสบคดี
ไหนจะมีประสบการณ์เชี่ยวชาญชน
หยิบพระขรรค์คราตระหนก อกสั่น
ไม่รู้กั่นสันข่มหรือคมผล
แล้วจะอยู่อย่างไรกลางไพรกล
เพียงเพื่อพ้นภัยย่ำจึงจำยอม
แล้วสุดท้ายชายกระเบนก็เผ่นหนี
ไพรลึกลับสลับคีรีหรือมีถ่อม
ต้องหิวโซเซไปกับใจตรอม
คงยากอดหมดออม กับอาจอง
เมื่อพระอินทร์หลอกพล่าแลกอาหาร
ก็สมสาปบาปประมาณที่สานส่ง
แล้วชั่วหรือซื่อทรามตามเลวลง
หรือควรหลงหล่นช้ำตามคำชาย ฯ
พรายม่าน
สันทราย
๐๗.๐๘.๕๔