วสวัตตีมาราธิราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
25 มิถุนายน 2025, 09:14:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วสวัตตีมาราธิราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย  (อ่าน 15449 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
10 สิงหาคม 2024, 05:58:PM
kapheetam
LV3 นักกลอนประจำบ้าน
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« เมื่อ: 10 สิงหาคม 2024, 05:58:PM »
ชุมชนชุมชน

วสวัตตีมาราธิราช

(สมาบท)
จบเศียรราบ กราบครู บูชาไหว้
ปวงเทพไท้ ใกล้ไกล ที่ในหล้า
ข้าขอร่าย บรรยายพจน์ รจนา
ถึงองค์มาร พาลกล้า ท้าฟ้าดิน
หากความร้อย ถ้อยเรียง สำเนียงพล่อย
วอนเทพพลอย คล้อยกรรม คำติฉิน
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มิตรหลายหลาก หากได้ยิน
ขอนบสิ้น นอบน้อม พร้อมกายใจ

(ชมพิมาน)
ณ เมืองแมน  แดนสวรรค์  อันบรรเจิด
ช่างงามเลิศ  เพริศพราย  ประกายแสง
เปล่งปลั่งเหลือง  เรืองรอง  ทองสุกแดง
พลอยหลากแสง  แกมประดับ  สลับกัน
ปรางค์ปราสาท  ดารดาษ  เกลื่อนกลาดเพชร
เลื่อมลายเกล็ด  กนก  ครบสีสัน
ไพฑูรย์นิล  ไพลินมุก  บุษราคัม
งามเฉิดฉัน  ประชันจ้า  พร่าประกาย
เชิงช่อฟ้า  ใบระกา  ประพาฬส่อง
แดงสะท้อน  มองไป  ให้เฉิดฉาย
แทรกเขียวเห็น  โกเมนวาม  งามจับใจ
พิศเพลินให้  ฝังจิต  ติดอุรา
มุขหน้าบัน  พรรณราย  ลายรดน้ำ
ทับทิมวาม  งามเด่น  เป็นนักหนา
มรกต  ประกบข้าง  พร่างนัยน์ตา
เกินจักหา  ใดเทียบ  เปรียบรำพัน
หลังคาแก้ว  แววนวล  ชวนให้พิศ
ครอบมุงปิด  ด้วยมุกดา  ยิ่งพาฝัน
ปักธงทิว  พลิ้วไหว  ลวดลายประชัน
คันธงนั้น  ล้วนทอง  ล้อมเพทาย
กระดึงน้อย  ร้อยพัน  รังสรรค์ติด
วามสัมฤทธิ์  พิศตระการ  อร่ามฉาย
สะบัดแกว่ง  แข่งลม  ชมเพลินใจ
กริ๊งกร๊างใส  แว่วเสียงไกล  ไปกับลม
แสงสีเสียง  พร้อมเพรียง  จำเรียงเหมาะ
ฟังไพเราะ  เสนาะใจ  ให้สุขสม
ดูวิจิตร  ติดตา  คราได้ยล
ช่างงามล้น  ชมชื่น  เริงรื่นใจ
ปรนิม  มิต  วสวัตตี (ปะ-ระ-นิม-มิ-ตะ-วะ-สะ-วะ-ตี)
แดนสรวงที่  ดารา  เจิดจ้าไสว
สูงเกินล้ำ  สวรรค์  ชั้นใดใด
ผู้บุญใหญ่  ถึงเกิดได้  ไม่ง่ายยล
มีจอมฟ้า  ราชา  ฤทธิ์กล้านัก
ปกครองพรรค  พวกพาล  มารพหล
วสวัตตี  ศรีหาว  เจ้าโพยม
เทพเกลื่อนกล่น  ต่างน้อมก้ม  องค์ราชันย์

(ปางปฐม)
ครั้งศาสดา  พระนามว่า  กัสสปะ
โลกวิบัติ  กลับเปลี่ยน  เวียนสุขสันต์
ปวงประชา  หน้าใส  ใจชุ่มธรรม
ทั่วเขตขัณฑ์  ธรรมเด่น  เปล่งประกาย
ศาสนา  แผ่ไกล  ไปทั่วหล้า
ถิ่นพนา  ป่าเมือง  ต่างเลื่อมใส
ราชประชา  ไพร่ฟ้า  ร่าเริงใจ
โลกสดใส  ไร้ทุกข์  สุขด้วยธรรม
เบื้องอัมพร  นครหาว  พร่างพราวสุข
เบื้องสมุทร  บาดาล  ต่างสรวลสันต์
เทพอสูร  ประยูรมาร  บานหน้ากัน
พรหมสวรรค์  สันติสุข  ไม่ทุกข์ใด

ณ แผ่นดิน  กิงกิสสะ  มหาราช
มีอำมาตย์  มากปัญญา  น่าเลื่อมใส
จอมกษัตริย์  ตรัสถาม  ซึ่งการใด
โพธิไข  ตอบไว  ได้เร็วพลัน
องค์ราชัน  คลั่งบุญ  รุนแรงนัก
มุ่งหวังจัก  ถากถาง  ทางสวรรค์
โลภกุศล  จนหลงผิด  ติดบ่วงกรรม
เกินยับยั้ง  พลั้งร่วง  ห้วงอบาย
มีคราวหนึ่ง  ความถึง  ซึ่งกษัตริย์
จอมสงฆ์จัก  พักจิต  คิดหลับใหล
เข้าสมาบัติ  ดับทุกข์  สุขเหนือใคร
ใต้ไทรใหญ่  ห่างออกไป  ไกลเวียงกวัง
มีกำหนด  จบฌาน  สมาบัติ
เจ็ดวันจัก  ผละที่  มีสุขสันต์
ออกโปรดเวไนยให้  คลายบาปกรรม
สร้างกุศล  ผลธรรม  นำร่มเย็น
เพลานั้น  ท่านว่าบุญ  อดุลย์เลิศ
แสนประเสริฐ  เกิดผล  ได้ยลเห็น
อย่างเร็วใน  เจ็ดวัน  พลันเกิดเป็น
อย่างช้าเห็น  เช่นกัน  ทันก่อนตาย
องค์วิภู  รู้คุณ  บุญยิ่งใหญ่
รับสั่งไป  ใกล้ไกล  ห้ามใครหมาย
หวังได้บุญ  อดุลย์เลิศ  ประเสริฐไป
เฉียดกรายใกล้  พระจอมไตร  ในเจ็ดวัน
ผู้ใดฝืน ขืนไป ลอบใส่บาตร
ต้องถูกพราก ชีวา ให้อาสัญ
โทษประหาร ผลาญตาย วายชีวัน
ทั่วชนชั้น ต่างพรั่น ทัณฑ์อาญา

โพธิทราบ คาดความ ตามดำรัส
แต่ยากหัก ตัดใจ อาลัยหา
ผลบุญใหญ่ ให้ไหว ในวิญญา
แม้นถูกฆ่า  คุ้มค่าเหลือ  เมื่อได้บุญ
จึงไม่รอ  พอนาน  พานกลอกกลับ
เร่งรีบจัด  ภัตรพลัน  หวังบุญหนุน
ถวายโภช  โลกนาถ  มากผลบุญ
ถึงชีพสูญ  ไม่พรั่น  พลันจรลี

ถึงมณฑล ร่มไทร แผ่ใหญ่กว้าง
รอบทิศวาง  ยามเวร เกณฑ์เต็มที่
เฝ้าเตรียมพร้อม ล้อมวง องค์มุนี
โพธิรี่ ปรี่ใกล้ ไม่หวาดทัณฑ์
เหล่าทหาร ถามความ ตามหน้าที่
นายท่านมี เรื่องใด ไยหุนหัน
อำมาตย์คิด ตริตรอง  มองนิ่งงัน
เท็จจริงนั้น ช่างเปรย  เผยจริงจริง
หากจักตอบ บอกเท็จ เสร็จไม่ยาก
ฝ่าพระบาท กราบนิมนต์  องค์ทรงศีล
อาราธนา พระคุณเจ้า เข้าเวียงพิง
เพื่อป็นมิ่ง  ขวัญแดน  แคว้นไผท
แต่ใจหนึ่ง ตรึกถึง ซึ่งบุญบาป
มุสาวาท บาปนำ ธรรมไม่ใส
ทานผลน้อย บุญพลอย  ด้อยค่าไป
เราจะไม่ ให้บาปผลาญ ทานบุญเรา
จึงร้องบอก ตอบไป ด้วยใจเด็ด
ไม่เอ่ยเท็จ สำเร็จกรรม ทำบาปเขลา
เรามาไกล ใจหมายมาด ตักบาตรเรา
แด่องค์เจ้า ก้าวผ่านภพ จบแดนดิน
พลอารักษ์ สดับคำ  ท่านอมาตย์
ไม่อุกอาจ  กุมจับ  หรือตัดสิน
รีบแจ้งนาย  รายงาน  ความได้ยิน
ถ้วนทุกสิ่ง  สิ้นทุกคำ ดั่งฟังมา
ขุนทัพฟัง  รายงาน  เดือดดาลลั่น
ตะโกนดัง  ก้องไป  ไม่ไว้หน้า 
รีบจับกุม  คุมส่ง  องค์ราชา
พิพากษา อาญาราช  พรากชีวัน

บัดนั้น กิงกิสสะ มหาราช
ให้เกรี้ยวกราด โกรธา พาหุนหัน
ก้องประกาศ  พิพากษ์โทษ คนโปรดพลัน
น้อยฤาท่าน  ทำเรา  เศร้าเสียใจ
เหตุไฉน จึงย่ามใจ ไม่ตรองตริ
มิรู้คิด ผิดพลาด มากเพียงไหน
เพชฌฆาต รีบกระชาก ลากตัวไป
บั่นคอไซร้ ให้ชน ยลประจาน
เพลานั้น องค์พุทธะ  นิรโศก
ออกนิโรธ  โปรดสัตว์  ตัดสงสาร
ทรงเห็นภาพ  อำมาตย์  มากศีลทาน
โพธิหาญ  ดังสัตย์  ไม่กลับกลาย
จึงบันดาล ด้วยฌานฤทธิ์ สถิตอยู่
ใต้ไทรดู ดุจคู่เหมือน ไม่เลือนหาย
ส่วนองค์ท่าน นั้นสลับ  ผละจากไป
ยังลานใหญ่ แดนประหาร ผลาญชีวัน
ถึงประทับ  พักนั่ง  บัลลังก์อาสน์
งามพิลาส มากมี  รังสีเฉิดฉัน
หน้าอำมาตย์ ผุดผาดเด่น เห็นลำพัง
เพื่อเพิ่มขวัญ นำจิต ปิดอบาย
โพธิอาบ เอิบใจ ให้ดำริ
ปลื้มปีติ จิตมั่น ตั้งมุ่งหมาย
หวังพุทธภูมิ ประยูรวงศ์ องค์จอมไตร
ทรงตอบได้ สมใจ ใฝ่จำนง

(สมปรารถนา)
เพลานั้น คมดาบฟัน บั่นคอขาด
จิตพุ่งวาบ  ผงาดฟ้า  ผ่าเวหน
ทะลวงลั่น  สรวงสวรรค์   ชั้นเบื้องบน
เทพเกลื่อนกล่น โจษอึงอล จนทั่วกัน
สถิตบัลลังก์ นั่งฟ้า อาภาเขต
ทรงเศวต  ฉัตรตรา  ราชาสวรรค์
สูงเหนือเทพ เทวา มีมากัน
ลือนามลั่น เจ้าสวรรค์ ชั้นปรนิม
ทั้งชนก ครบครัน กรรมน้อยใหญ่
อุปถัมภ์ ค้ำไกล ไม่หมดสิ้น
บุญก่อเกิด เบิกบาน งามเหนือจินต์
ระบือยิ่ง สิ้นแดนสรวง ห้วงกามา
ครองไอศูรย์ สมบูรณ์ยศ ดิลกราช
แสนองอาจ ปราศทุกข์ สุขใดหา
ห้อมล้อมด้วย ทวยเทพ เทวดา
มากล้นหนัก ศักดา บารมี
เกริกเกียรตินาม แผ่กังวาน ท้าวมารใหญ่
ก้องสนั่น ลั่นไกล ไปทุกที่
เทพสวรรค์ ชั้นฟ้า ประดามี
สยบที่ วสวัตตี ปรีดิ์ฤทธา
ทิพสมบัติ อัครฐาน วิมานแก้ว
เพริศพราวแพรว แววตระการ งามนักหนา
เกินหาเทียบ เปรียบคำ พร่ำพรรณนา
หกชั้นฟ้า ที่มีมา หมองค่าไป
กามคุณ ละมุนละเมียด ละเอียดนัก
น่าสัมผัส จับต้อง ลิ้มลองไฉน
ล้วนประณีต วิจิตรงาม ซาบซ่านใจ
เกินหาไหน ใดเคียง เทียมเทียบทัน
ปรารถนา จักหาใด ให้นึกคิด
เทพมากฤทธิ์ เนรมิต ดั่งคิดฝัน
อยากสิ่งไหน ได้สิ่งนั้น ท่านให้พลัน
สมดังหวัง ทุกครา พาย่ามใจ
ทั้งรูปเรียง เสียงรส ครบผัสสะ
ก่อมานะ กักขฬะพาล มารวิสัย
ห้อมล้อมสุข ทุกค่ำเช้า ยั่วเย้าใจ
ลืมหมดไซร้ ในใจหวัง ตั้งเจตนา

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

10 สิงหาคม 2024, 06:01:PM
kapheetam
LV3 นักกลอนประจำบ้าน
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« ตอบ #1 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2024, 06:01:PM »
ชุมชนชุมชน

(มิจฉาทิฐิ)
เกิดมาใหญ่ ไร้ทุกข์ สุขเหนือคาด
แต่ประมาท หาบเขลา เศร้านักหนา
ปล่อยให้โลภ โกรธหลง วงศ์กามา
เข้าฉุดคร่า พร่าผลาญ รุกรานใจ
มีความคิด วิปริต ผิดอาเพศ
เห็นวิเศษ เหตุกามา น่าหลงใหล
ล้ำเลิศรส จักคบธรรม ไปทำไม
สัตว์มากหลาย โง่เหลือใจ เฝ้าใฝ่ธรรม
ไยด่วนละ พระนิพพาน ไม่พานหาย
สัตว์ทุกราย ถึงสุดท้าย ไม่กลายผัน
ต้องได้เข้า แดนเหงาสงบ หมดโทษทัณฑ์
รีบเร็วล้ำ ไปทำไม เศร้าใจจริง
สุขผัสสะ ประจักษ์มี ที่ในหล้า
ไม่นำพา นี่สิบ้า น่าติฉิน
สุขจากกาม  งามเลิศ  บรรเจิดจริง
ไยถวิล สิ้นคิด ติดในธรรม
ใครว่าทุกข์ มีแต่สุข ทุกกิเลส
หากได้เสพ สุขสม อารมณ์ฝัน
ตาหูลิ้น สิ้นกาย ใจได้ดัง
เหมือนดั่งหวัง ไม่พ้นฝั่ง ช่างประไร
จึงคนไหน มีใจ ใคร่หลุดออก
เครื่องพูนพอก สำรอกมาร หาญผลักไส
มารจะเข้า เฝ้าขวาง ผลาญเรื่อยไป
ชักจูงให้ ไถลคิด  ผิดจากธรรม

ครั้งเมื่อพระ สิทธัตถะ ผละเวียงเกศ
ปลีกวิเวก ยังเขตไกล ในไพรสัณฑ์
ประทับโคน โพธิ์พฤกษ์ นั่งตรึกธรรม
ทรงบากบั่น กระทำถึง ซึ่งความเพียร
ด่านสุดท้าย ร้ายล้น ยากพ้นผ่าน
ด้วยเหล่ามาร ตามผจญ ยกพลเกลี้ยง
เข้าขัดขวาง ทางปฏิบัติ ขัดความเพียร
ต่างแผดเสียง สำเนียงก้อง จ้องฆ่าฟัน
พญามาร พาลใหญ่ ใจกำเริบ
จิตบังเกิด โกรธา บ้าโมหันธ์
เห็นจอมไตร ใจกล้า น่าชิงชัง
มุ่งห้ำหั่น ราวี ย่ำบีฑา
ก่อนวิสา ขเพ็ญ เห็นปรากฏ
มารปรารภ กลบไพร ใจร้อนร่า
ถ้าทรงธรรม ยังนั่ง ไม่นำพา
จักเข่นฆ่า พร่าให้ดิ้น สิ้นชีวี
หมู่ทหาร เสนามาร พาลน้อยใหญ่
สุขสมใจ ใคร่โจนใส่  ไปขยี้
ส่งเสียงร้อง ก้องสนั่น ลั่นปฐพี
พร้อมเคลื่อนที่ จรลี เข้าบีฑา

เหล่าทวยเทพ เทวา ที่อารักษ์
ครั้นสดับ สรรพเสียง สำเนียงฆ่า
กัมปนาท ตวาดร้อง ก้องพนา
ต่างหนีหน้า ลาเร้น เช่นพวกกลัว
ท้าวสุยาม เทวราช องอาจยิ่ง
เทพทั่วถิ่น นอบนบยิ่ง มิ่งเหนือหัว
ทั่วยามา หามีใคร ไม่เกรงกลัว
เพียงแค่ชั่ว พริบตาลับ หายวับไป
สันดุสิต โพธิราช ผู้ปราชญ์ล้ำ
ชื่อลือลั่น ด้วยภูมิธรรม นั้นมากหลาย
ถือเป็นบุตร พุทธวงศ์ องค์จอมไตร
โอ้ไฉน พลันทิ้งได้ ไม่ไยดี
ปัญจสิข จิตพรั่น ไม่หวั่นเยาะ
กลัวโดนเคราะห์ เหาะเมฆา ลี้หน้าหนี
ทิ้งองค์อินทร์ มิ่งขวัญ พรั่นฤดี
ธ จึงรี่ หลีกเร้น เช่นคนธรรพ์
ฝ่ายกาฬ นาคราช พังพาบติด
เลื้อยแนบชิด สนิทหล้า มุดหน้าหัน
แทรกปฐพี ดิ่งเร็วรี่ ลี้ลงพลัน
บรรทมแนบ แอบในถ้ำ ครั่นคร้ามใจ
ท้าวสหัม บดีพรหม ผู้ทรงฤทธิ์
เห็นรอบทิศ  มืดมิดมาร  พานผลักไส
อ้างฤทธิ์ตัว  ชั่วน้อย ด้อยเกินไป
สู้ไม่ได้ ต้องจำใจ ไกลกลับวัง

เมื่อนั้น พระโคดม  องค์จอมปราชญ์
พลันไร้ญาติ  ขาดมิตร  ไม่คิดฝัน
เหลือตนเดียว  โดดเดี่ยว  เปลี่ยวลำพัง
แต่ยังมั่น  ไม่พรั่นลา  หนีหน้าไกล
ทรงถือทาน  มากพร้อม  น้อมเป็นบาท
สองกรกราบ   อภิวาทศีล  สิ้นสงสัย
ภาวนา แรงกล้าประจักษ์ เสาหลักใจ
ไม่หวั่นไหว  ไถลจาก  ไม่หวาดเกรง
ทรงปัญญา ดุจศัสตรา เป็นอาวุธ
เมตตาหยุด ทุกข์ภัย ไม่ข่มเหง
บารมี สามสิบทัศ ยักษ์เทพเกรง
รวมลงเด่น เห็นสว่าง ท่ามกลางใจ

บัดนั้น พญามาร พลุ่งพล่านจิต
เพ่งพินิจ พิศมุนี อินทรีย์ใส
ธ ยิ่งเพ่ง ยิ่งคิด หงุดหงิดใจ
เหตุไฉน หนอทำไม ไยไม่กลัว
จึงพิโรธ โกรธแสน แค้นประดัง
เนตรแดงก่ำ สั่งคำราม ข้ามเหนือหัว
ยังผองพาล มารทั้งหลาย รายรอบตัว
ย่ำให้ทั่ว อย่ามัวช้า ฆ่าเมธี
เหล่าทหาร ขุนพลมาร สันดานหยาบ
ยินประกาศ ปากตะโกน กระโจนรี่
คะนองโดด โลดไป ในทันที
หวังขยี้ พระภูมี ศรีศากยา
บางตนแผลง ปลอมแปลง สำแดงเดช
เปลี่ยนเป็นเพศ เดรัจฉาน คืบคลานหา
บ้างเป็นเสือ บ้างเป็นสิงห์ วิ่งตามมา
บ้างเป็นช้าง บ้างเป็นม้า เข้าราวี
อสุภ จตุบาท สัญชาติสัตว์
สารพัด สลับกาย ร่างคล้ายผี
ครึ่งล่างสัตว์ ครึ่งบนร้าย พรายตานี
สัตว์ครึ่งผี มีมากล้น ปะปนมาร
ทวิบาท ชาติแร้งกา ดูบ้าบิ่น
รุมฉีกกิน ล้วนแล้วสิ่ง กลิ่นเหม็นสาง
สารรูป ภูตร้าย ใจชั่วทราม
กรีดเสียงขาน ผสานร้อง ก้องพฤกษ์ไพร
มวลหมู่มาร มากมาย หลากหลายสัตว์
เปรตผียักษ์ กลาดเกลื่อน เคลื่อนพลไหล
มุ่งสู่ยัง บัลลังก์โพธิ์ เฮโลไป
อึกทึก กึกไกล ทั่วไพรวัน

เพลานั้น องค์เลิศลักษณ์ ทรงพักจิต
ไร้เรื่องคิด จิตปล่อยวาง  พลางสุขสันต์
เห็นหมู่มาร พาลฉกาจ หลากร้อยพัน
ล้อมหน้าหลัง  รายครอบ  รอบร่มโพธิ์
พระทรงมอง ตรองคิด พิศพาลต่ำ
ทรงน้อมธรรม แผ่บัง บั่นโทโส
ค่อยลิดรอน ทอนจิตร้าย ฝ่ายพาโล
ดับโมโห โกรธาหาย มลายพลัน

เมื่อนั้น วสวัตตี ให้มีจิต
อาฆาตคิด ประชิดรี่ ไม่รีหัน
รีบไสช้าง คิริเมขล์ เข้าประจัน
หวังห้ำหั่น ฟาดฟัน ให้บรรลัย
อวดกำแหง สำแดงฤทธิ์ มหิทธิเดช
ยังอาเพศ เสกลมฝน อึงอลไหว
เสียงสนั่น ลั่นฟ้า มาแต่ไกล
เมฆดำใหญ่ ไหลคลุมครอบ รายรอบพลัน
ท้องนภา พร่ามิด ดังปิดโลก
ลมกรรโชก โบกกระหน่ำ ครั่นคร้ามขวัญ
สายวิชชุ ปะทุแตก แทรกเมฆดำ
ฟ้าเลื่อนลั่น ประดังผ่า น่าเสียวใจ
ไม้หลากพันธุ์ รอบบัลลังก์ ลั่นเกลื่อนกลาด
หักล้มฟาด ปฐพี เอียงรี่ไหว
พายุพา ถลาลิ่ว ปลิวฟ้าไป
พุ่งชนใส่ ไหล่เขาเกิด ระเบิดพลัน
มวลเศษหิน บิ่นกระดอน จากง่อนผา
กระเด็นมา มืดนภา น่าเสียขวัญ
พุ่งเข้าสู่ พระภูมี รี่เร็วพลัน
พิลึกลั่น พลันย่อยป่น หล่นใกล้องค์
ห่าฝนใหญ่ แปลกเหลือใจ ใคร่คร้ามเข็ด
เคยเห็นเล็ก เม็ดกลับใหญ่ ไม่คล้ายฝน
หยดเท่าโอ่ง หล่นนองไหล ให้ชอบกล
ทับยอดสน ดงไม้ รายราบพลัน
ก่อเป็นสาย น้ำใหญ่ ไหลใกล้อาสน์
หวังพิฆาต พรากมุนี ศรีสวรรค์
ประหลาดแปลก แผ่นดินแยก แตกออกพลัน
น้ำเชี่ยวผัน ประดังหาย ใต้ปฐพี

บัดนั้น พญามาร เดือดดาลจิต
บันดาลฤทธิ์ คิดกล้ำกราย ไม่คลายหนี
เป็นเปลวไฟ ไหม้จากฟ้า เข้าราวี
เป็นอิฐหิน พุ่งรี่ เข้าบีฑา
ห่าอาวุธ ผุดนภา ซัดฆ่าเข่น
ค้อนดั้งเขน พร่างพรู ธนูถลา
พระขรรค์แข่ง หอกแทง พุ่งแรงมา
มีดขวานพร้า ประดาใส่ หวังให้ตาย

เพลานั้น อัศจรรย์ พลันบังเกิด
ทานบุญเลิศ ประเสริฐฌาณ เข้าลาญหาย
ห่าอาวุธ ที่รุกมา พากลับกลาย
เป็นดอกไม้ รายโปรย  โรยบัลลังก์
หมู่พหล พลมาร ที่ตามติด
เห็นซึ่งฤทธิ์ ประสิทธิ์มี ภูมีสวรรค์
ต่างตะลึง พึงเพริด เกิดงงงัน
จึงหยุดยั้ง ลงพลัน ในทันใด
จอมสวรรค์ ชั้นมาร ให้คร้ามจิต
จึงตรองตริ  พลิกแนวทาง  พลางปราศรัย 
เลิกกำแหง สำแดงเดช เฉกเฉไกล
แสร้งเสไส ไถลเวียน เปลี่ยนวิธี
แล้วจึงเอ่ย ภิเปรยไป  ในใจหวาด
โพธิอาสน์ สะอาดเด่น  ที่เห็นนี้ 
ช่างงามสวย ด้วยบุญญา บารมี
ของเราที่ พลีทาน บันดาลมา
เหตุไฉน ท่านเป็นใคร ไยไม่แจ้ง
เข้ายื้อแย่ง แกล้งพัก นานหนักหนา
ซ้ำทำนิ่ง ดั่งสิ้นทุกข์ สุขอุรา
หาอายหน้า ทั่วพารา พาเศร้าใจ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ระนาดเอก, masapaer

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

10 สิงหาคม 2024, 06:03:PM
kapheetam
LV3 นักกลอนประจำบ้าน
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« ตอบ #2 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2024, 06:03:PM »
ชุมชนชุมชน

พระทศพล ปลงกรรม ธรรมสังเวช
ถึงกิเลส เหตุพาล มารวิสัย
จึงเอื้อนโอษฐ์ โปรดถาม ถึงความนัย
เป็นไฉน หนอทำไม ไยกีดกัน
โพธิ์บัลลังก์ เรานั่ง ดั่งเห็นนี้
บังเกิดมี ด้วยกุศล ดลเสกสรร
ของเราที่ สั่งสมมา คราปางบรรพ์
ไยมารท่าน นั้นจึงแสร้ง แกล้งเบือนไป
กุศลกรรม ที่เราทำ จำฝังจิต
เกินพ้นฤทธิ์ แห่งมาร หาญสงสัย
สี่อสง ไขยแสนกัป หากนับไป
ขออย่าได้ ใฝ่ภัย ใส่ตนเอง
มารหน้าแดง แค้นประดัง ฟังประกาศ
แสร้งเกรี้ยวกราด ปากกล้า  หน้าเจื่อนเห็น
สี่อสง ไขยเท่าใด ใครเล่าเกรง
ยกตัวเด่น เก่งปากคำ น่าชังจริง
อ้างบุญทาน ไหนพยาน ประทานบอก
จะขอสอบ ปากฟัง คำผิดศีล
หญิงหรือชาย ไปอยู่ไหน ใคร่รู้จริง
ไยจึงนิ่ง ทิ้งหาย ไม่กรายมา
เราซิมาก บุญล้ำ ไม่ทำกร่าง
เปี่ยมศีลทาน นานเนา เฝ้ารักษา
จนลือลั่น เจ้าสวรรค์ ชั้นกามา
มารทั่วหล้า มากหน้าเห็น เป็นพยาน
แท่นบัลลังก์ อันสูงค่า เบื้องหน้านี้
มิได้มี ที่ไว้ขลุก สนุกสนาน
จงรีบน้อม พร้อมคืนเรา เหล่าพวกมาร
ขืนดื้อด้าน จะประหาร ผลาญให้ตาย

พระทศพล ทรงญาณ ฟังมารอวด
ยกผนวก พวกพยาน พาลมากหลาย
จึงตอบถ้อย ร้อยความ ประทานไป
เรานี้ไม่ ได้มี สักขีพยาน
แต่ครั้งเรา เฝ้าทำทาน นานนับชาติ
มีประหลาด มากล้น จนคนขาน
คราเมื่อพระ เวสสันดร ยอมอกลาญ
องค์อินทร์หาญ ตามง้อ ขอมัทรี
ธ สุดช้ำ ลำเค็ญ เข็ญใจมาก
จำบริจาค บาทบริจา มารศรี
หวังเสริมสร้าง ถากถางทาง ทานบารมี
เพื่อจักหนี ลี้ผ่าน ข้ามภพภัย
แลครั้งนั้น อัศจรรย์ พลันบังเกิด
กุศลเลิศ ประเสริฐทาน บานเบ่งใส
ผืนแผ่นดิน สิ้นกลั้น ตื้นตันใจ
สะเทือนไหว สะท้านไกล ไปทั่วกัน
เหมือนจักแจ้ง สำแดงเป็น เช่นสักขี
ให้ภูมี คลายที่ มีโศกศัลย์
ธรณี ขานรับคุณ บุญอนันต์
จึงไหวสั่น ลั่นเจ็ดครั้ง ดังก้องไกล
มาบัดนี้ นั่งเหนือที่ โพธิอาสน์
อริราช เกรี้ยวกราดมอง จ้องผลักไส
พสุธา มาสงบ เหมือนหลบไป
เหตุไฉน ไม่เอื้อนตอบ บอกออกมา

สุนธรี วนิดา เพลานั้น
ได้ยินคำ พระดำรัส ตรัสเรียกหา
จึงเผยกาย คลายจากดิน ผินหน้ามา
กราบทูลว่า บุญรักษา ฝ่าพระองค์
ข้าพระบาท ทราบมานาน ทานบุญเลิศ
แสนประเสริฐ พระเลิศญาณ นานสะสม
ทักษิโณ ทกทุกหยด หยาดตกลง
เกศมวยผม ข้าพระองค์ สั่งสมมา
มากเพียงไหน เท่าใดนัก จักให้เห็น
ประจักษ์เป็น เช่นพยาน มารเรียกหา
ขอพระองค์ ทรงพัก ทัศนา
พลางผินพักตร์ กลับมา เบื้องหน้ามาร

บัดนั้น พระธรณี นารีรัตน์
รีบสะบัด จัดโมลี มีไพศาล
คลี่สยาย คลายออก รอบวงศ์มาร
รัดสมาน ผสานเค้น เป็นนที
เพลานั้น ให้บันดาล พล่านสับสน
เหล่ามารพล โกลาหล อึงอลหนี
เสียงสนั่น ลั่นแตก แยกปฐพี
ดุจเภรี ตีซ้ำ ย้ำทำนอง
ไหวสะเทือน กระเพื่อมฟ้า นภากาศ
อัสนีบาต ฟาดกลาง มารทั้งผอง
ธรณี เอียงรี่ทรุด ยุบเป็นคลอง
น้ำบ่าล้อม ไหลต้อนมาร ผลาญพร่าพลัน
ท่วมทะลัก พัดกระจาย มลายสิ้น
ตกแผ่นดิน หล่นกระสินธุ์ ดิ้นเหหัน
คลื่นทับโครม มารโจนหนี ลี้หลบกัน
ต่างรีหัน พรั่นผวา คิดลาไกล
บ้างโดดเลาะ เกาะไต่ ตะกายควั่ก
บ้างฉวยจับ ตะพักหยุด ยั้งหลุดไหล
บ้างร่วงหาย วายชนม์ จมน้ำไป
มารน้อยใหญ่ ต่างพล่านไป ทั่วไพรวัน
คลื่นใหญ่ซัด พัดพา ถลากลิ้ง
กลบกลืนกิน จมแดดิ้น สิ้นอาสัญ
หมู่ปลาร้าย ไล่คะนอง ซ้ำสองพลัน
เข้าฮุบหลัง ขย้ำขา น่าเสียวใจ
คชสาร คิริเมล์ ซวนเซซัด
ถูกคลื่นยักษ์ ทับทั้งยืน พลั้งลื่นไหล
ต้องเสียหลัก น้ำพัดฉุด หลุดลอยไป
ท้าวมารใหญ่ ให้ตกใจ ไหวโดดทัน
ธ สุดฝืน ยืนโต้คลื่น ครืนครืนซัด
เหลียวมองสรรพ พลมาร พลางโศกศัลย์
ต้องมลาย ล้มหาย ตายจากกัน
อย่างบ้าคลั่ง ด้วยบาปกรรม นำจากเรา

(จิตถอนคลาย)
บัดนั้น พญามาร ร้าวรานจิต
สำนึกคิด ผิดกระทำ กรรมแผดเผา
สร้างบาปใหญ่ ก่อแต่ภัย ใจมืดเมา
แล้วใครเล่า จักเฝ้าไป รับใช้เวร
กายเข้าทำ จากใจนำ ทำความผิด
หากตรองตริ จิตโดดเดี่ยว ถูกเคี่ยวเข็ญ
ตกระกำ ลำบาก ในบาปเวร
กายหลีกเร้น บ่เห็นหาย เมื่อตายพลัน
โอ้ตัวเรา ช่างโง่เขลา เมากิเลส
เห็นวิเศษ เสพแต่กรรม นำโศกศัลย์
ที่ทรงฤทธิ์ มหิทธิเดช เหตุบุญทำ
แต่ใช่ว่า จักนิรันดร์ เหมือนดั่งใจ
สิ้นบุญพา ภพข้างหน้า ช่างน่าคิด
สั่งสมผิด ติดบาป ยากแก้ไข
สรวงสวรรค์ นั้นคงหาย อย่าหมายไป
นรกไซร้ ไม่ไกลแน่ แท้ตัวเรา
มาบัดนี้ ตาสว่าง กระจ่างแจ้ง
โกรธเคยแรง แค้นเคยลน จนมืดเขลา
เหมือนถูกพราก ลากไป ไกลจากเรา
สองเท้าก้าว เข้าฝั่ง นั่งบังคม

บัดนั้น พระทรงชัย ไตรโลกนาถ
ปราศจาก วิบากใด ใจสุขสม
เห็นท้าวมาร ร้าวรานเศร้า เฝ้าทุกข์ตรม
จึงเสริมส่ง องค์ธรรม โน้มนำใจ
ว่าดูก่อน พญามาร ปล่อยวางผิด
จงอย่าติด เรื่องผ่าน พานหวั่นไหว
อดีตลับ ไม่กลับคืน อย่าฝืนใจ
เริ่มต้นใหม่ ใฝ่กระทำ แต่กรรมดี
ภพข้างหน้า อีกนานช้า กว่าจะถึง
มัวคำนึง ถึงไป ไยใช่ที่
เสียเวลา พาเขลา ไม่เข้าที
ควรฤาที่ มีแต่เศร้า เฝ้าทำลาย
จงอยู่กับ ปัจจุบัน น้อมนำจิต
หมั่นดำริ ตริธรรม ทำไฉน
จักละโลภ โกรธหลง ปลงจิตใจ
มรรคาไหน ศีลข้อใด ใช้นำพา
ทุกข์กำเนิด เกิดเพราะใจ ไม่เคยหยุด
นิรทุกข์ แค่หยุดใจ ไยเสาะหา
เหตุเช่นไร ให้ผลนั้น นั่นธรรมดา
หมดเหตุหนา จึงจักพา ผาสุกใจ
พญามาร ฟังความ เบิกบานจิต
สิ้นทิฐิ ตริธรรม พลันผ่องใส
บรรจงกราบ บาทยุคล พระทรงชัย
แล้วถอยหลัง เหาะกลับไป ใจเพริศธรรม

เพลานั้น ยังเบื้องหลัง สันบรรพต
เหล่าเทพหลบ มารภัย ใจโศกศัลย์
บ้างผุดลุก ผุดนั่ง หวั่นหวาดทัณฑ์
บ้างชะแง้ แลหลัง ระวังภัย
ใจหนึ่งอยาก ข้ามฟาก จากไปช่วย
แต่กลัวม้วย มรณา พาผลักไส
ใจหนึ่งคิด ถึงถูกผิด จิตป่วนไป
ทำไฉน ทุกข์เหลือใจ ไปทั่วกัน
ครั้นพอทราบ ชาติพาล มารยิ่งใหญ่
เหาะกลับไป ไม่สู้หน้า พาสุขสันต์
ต่างเผยกาย  คลายกลัว  ทั่วหน้ากัน
สาธุการ กันพร้อมพรั่ง ดังก้องไพร
เปล่งอุโฆษ โจษจัน ทั่วกันลั่น
อัศจรรย์ พระทรงธรรม เลิศล้ำไฉน
อนันต ชินราช ราพณ์พ่ายไกล
นามนี้ให้ ได้พลัน แต่นั้นมา
เหล่าปวงเทพ เทวา ต่างผาสุก
ปลดเปลื้องทุกข์ สุขฤทัย ไปทั่วหน้า
ต่างเพรียงพร้อม น้อมกราบ พระศาสดา
แล้วลับกาย หายหน้า ลากลับวัง
ได้เวลา สายัณห์ ตะวันตก
พระผ่านภพ หมดภัย ใจสุขสันต์
สงบเหลือ เหนืออาสน์ บาทบัลลังก์
แว่วสำเนียง เสียงจักจั่น ลั่นราวไพร
หมู่วิหค นกกา ลาบินกลับ
รวงรังรัก พักคอน นอนหลับใหล
เย็นระรื่น คืนค่ำ ดื่มด่ำใจ
เพลินลมไหว งามไม้ไกว..... ใต้แสงจันทร์

สืบ  ธรรมไทย

  

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ระนาดเอก, masapaer

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s