โพธิสัตว์ฉัททันต์คำกลอน ๓ ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
14 มกราคม 2025, 11:55:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โพธิสัตว์ฉัททันต์คำกลอน ๓ ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย  (อ่าน 3678 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
04 สิงหาคม 2024, 07:25:PM
kapheetam
LV3 นักกลอนประจำบ้าน
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« เมื่อ: 04 สิงหาคม 2024, 07:25:PM »
ชุมชนชุมชน

จึงวันหนึ่ง  ให้ถึง  ซึ่งโอกาส
โฉมพิลาส  มากแสร้ง  แกล้งโศกศัลย์
อ้างเป็นไข้  ใจรุ่ม  กลุ้มจาบัลย์
เอาน้ำมัน  ทากาย  หมายหลอกไท
องค์ราชัน  ฟังคำ  กำนัลกล่าว
อกร้อนราว  ไฟลน  ทนไม่ไหว
รีบย่างองค์  ตรงหา  ยอดยาใจ
หวังเฝ้าไข้  ใกล้พธู  ดูอนงค์
ถึงตำหนัก  ตรัสถาม  อาการสมร
ไยบังอร  นอนไข้  ไม่สุขสม
ผิวเหลืองแปลก  แผกไป  คนละคน
ให้ฉงน  นงพะงา  ล้าอ่อนแรง
ท้าวสนม  บรรทม  บนไสยาสน์
แค่เอ่ยปาก  ยากยิ่ง  ประวิงแกล้ง
พูดสำเนียง  เสียงกระเส่า  เล่าสำแดง
บอกแถลง  แจ้งเหตุ  อาเพศไป
เมื่อคืนน้อง  นอนฝัน  อัศจรรย์เหลือ
ยากคนเชื่อ  เมื่อฟัง  คำบอกไข
เกิดความอยาก  มากประมาณ  เกินห้ามใจ
ถ้าไม่ได้  ใคร่ตาย  วายชีวี
แถมเจ้าครรภ์  พลันกำเริบเสิบสานซ้ำ
แพ้ประดัง  จำเพาะ  เหมาะเหลือที่
ช่วยกันรุม  สุมน้อง  รุ่มร้อนทวี
อยากจักลี้  หนีหน้า  ลาจากไกล
แม้ไม่สม  อารมณ์  ระทมคิด
น้องคงจิต  ปลิดดับ  ชีพตักษัย
ใจคับข้อง  หมองเหงา  เฉาแห้งตาย
แหลกสลาย  อย่าหมายคืน  ฟื้นชีวี

ธรณินทร์ ยินคำ รำพันกล่าว
ให้ตาวาว เฝ้าจำ คำมารศรี
แพ้ครรภ์ท้อง ร้อนรุ่ม กลุ่มฤดี
จึงยินดี ปรีดา หน้าบานครัน
โอ้นงเยาว์ เจ้าแพ้ท้อง หรือน้องพี่
ยุพดี ศรีไผท ไอศวรรย์
เจ้ามีเชื้อ หน่อเนื้อพงศ์ วงศ์เทวัญ
ในกายนั้น ช่างดีเลิศ ประเสริฐจริง
จึงตรัสถาม อาการแพ้ แลความฝัน
เกี่ยวข้องกัน ฉันใด ไยโฉมฉิน
จึงนอนซม อมไข้ ไม่ยอมกิน
ขอยุพิน ผินหน้า บอกมาที

โฉมนงราม  ฟังความ  ภูบาลตรัส
ทำกระสับกระส่าย  บ่ายหน้าหนี
ให้ลำบาก  ยากเอ่ย  เผยวจี
แพ้ครรภ์นี้  มีประหลาด  หากบอกไป
ก่อนเล่าขาน  น้องใคร่ถาม  ถึงพรานป่า
ทั่วอาณา  กาสี  มีเพียงไหน
ขอทรงสั่ง  บัญชา  มาเร็วไว
จึงจักได้  เผยไป  ให้ทราบกัน
ภูวไนย  ได้ฟัง  พลันสงสัย
แต่เร่งไป  เพราะใจ  ใคร่ทราบฝัน
ตรัสบัญชา  ข้าไท้  ให้รวมกัน
บอกแถลง  แจ้งคำ  กัลยาณี
เหล่าข้าบาท  ประหลาดฟัง  พระบรรหาร
รีบสั่งการ  ตามบัญชา  เจ้ากาสี
ทั่วแว่นแคว้น  แดนวัน  อารัญมี
แจ้งวจี  ภูบดี  มีบัญชา
ให้ผองพราน  ชำนาญดง  พงไพรศรี
ทั่วธาษตรี  บุรีครอบ  รอบทิศา
ทุกชนเผ่า  รีบเข้า  เฝ้าราชา
กันพร้อมหน้า  เจ็ดวันมี  จากนี้ไป
ผู้ใดขืน  ฝืนขัด  ดำรัสสั่ง
ให้โบยหลัง  ขังรวม  ตีตรวนใส่
ทรมาน  งานโยธา  เป็นข้าไท
ขออย่าได้  เนิ่นช้าไป  ให้รีบมา
หลังแถลง  แจ้งราช  โองการ
เหล่าผองพราน  ชำนาญไพร  ใจผวา
จัดเสบียง  เตรียมการ  ตามบัญชา
มารวมกัน  ยังหน้า  ศาลาลาน
แล้วเคลื่อนพล  ตรงมา  พาราหลวง
หลากขบวน  รวมวัย  ให้ล้นหลาม
ทั้งหนุ่มอ่อน  ค่อนแก่  แต่ชำนาญ
เรื่องอารัญ  วันพนา  ป่าพนอง
ถึงกำหนด  ครบกาล  พรานพร้อมพรั่ง
แออัดนั่ง  ลานเต็ม  เห็นสลอน
บรรณารักษ์  นับแถว  ทุกแนวตอน
อำมาตย์พร้อม  น้อมบอก  ยอดพรานไพร
หลังรวบรวม  จำนวนพราน  ตามดำรัส
ยอดประจักษ์  นับยาก  มากเหลือหลาย
หกหมื่นพร้อม  น้อมฟัง  รับสั่งไท
ขอทรงได้  ทัศนา  หน้าบัญชร
องค์ราชัน  ครั้นทราบ  เอิบอาบนัก
เสด็จตำหนัก  เทวี  ศรีสมร
เข้าตระกอง  ประคองนำ  ยังบัญชร
เชิญเนื้ออ่อน  มองพราน  ตามสบาย

เมื่อนั้น….ท้าวสนม  สมจิต  พิศพรานเถื่อน
ชายตาเลื่อน  เอื้อนความ  ยามหลับใหล
ฝันเห็นช้าง  งามสง่า  เจ้าป่าไพร
งางอนใหญ่  ไร้คราบ  ปราศมลทิน
เรืองรองวาว  พราวประกาย  เลื่อมพรายพิศ
หกชนิด  พิสดาร  เกินช้างถิ่น
ทั่วไผท  ไร้เทียบ  เปรียบคชินทร์
เหล่าทรัพย์สิน  สิ้นหล้า  ไร้ค่ายล
แม้ไม่ได้  ครอบครอง  สองงาคู่
ใจหดหู่  อยู่ไป  ไม่สุขสม
ยากจักขืน  ฝืนขันธ์  ตั้งดำรง
คงไม่พ้น  ตรมตาย  วายชีวา
องค์ภูมินทร์  ยินคำ  รำพันไห้
ให้ร้อนใจ  ใคร่ปลอบ  ถอดสีหน้า
มองโฉมฉิน  ผินพักตร์  หันกลับมา
ประกาศกล้า  หน้าพราน  ชำนาญไพร
เจ้าทั้งมวล  ล้วนฟัง  คำสั่งข้า
ใครได้งา  มอบภรรยา  ของข้าได้
จักประทาน  รางวัล  ตามดังใจ
อยากจักได้  สิ่งใด  ให้บอกมา
กามสมบัติ  อัครค่า  ทั่วหล้านั้น
ข้ากำนัล  ปันให้  ไม่กังขา
ทั้งแก้วแหวน  แดงปลั่ง  สุวรรณา
ทาสช้างม้า  นาสวน  ล้วนเลือกเอา
เหล่าพรานไพร  ได้ฟัง  พลันฝันหวาน
วาดวิมาน  มีบ้านโต  โอ่คนเขา
มีเงินทอง  กองเรือน  เกลื่อนวับวาว
ช่างยั่วเย้า  ใจยิ่ง  กว่าสิ่งใด
จึงเอ่ยถาม  นามกรินทร์  ถิ่นพำนัก
ว่าอยู่ชัฏ  พนัสภู  คูหาไหน
แคว้นกาสี  หามีสาร  ดั่งคำไท
ขอจอมไท้  วานบอก  ทรงตอบที

เมื่อนั้น  โฉมงามฟังพราน  เอ่ยถามถิ่น
เจ้าคชินทร์  มิ่งคชา  พนาศรี
จึงเพ่งมอง  ผองพราน  เบื้องล่างมี
หาผู้ที่  มีพักตร์  ดูขัดตา
เนื่องเจ้าชั่ว  ทั่วร่าง  กลางพรานหมู่
เคยเป็นผู้  คู่เวร  จ้องเข่นฆ่า
เจ้ากุญชร  คล้องกรรม  ผูกพันมา
จักอาสา  ราชัน  บุกบั่นดง
แล้วนงเยาว์  สะดุดเข้า  เจ้าพรานหนึ่ง
จ้องถมึง  ขึงตา  ท่าฉงน
เท้าใหญ่งุ้ม  ตะปุ่มตะป่ำ  ช่างพิกล
เคราแดงล้น  พ้นหน้า  ตาเหลือกโปน
ท้าวสนม  สมจิต  พิศอยู่ครู่
จ้องมองดู  ศัตรูสาร  พลางสุขสม
แล้วชี้หัตถ์  ตรัสพา  มาชั้นบน
ยังตำหนัก  บรรทม  องค์ชายา
ฝ่ายพรานเถื่อน  เบือนมอง  จ้องเปะปะ
เห็นนางตรัส  หัตถ์ชี้  ที่ไหนหวา
ไอ้คนไหน  พรานใด  ให้สงกา
ทั่วผืนป่า  ข้าก็แน่  ไม่แพ้ใคร
ครั้นเห็นยาม  ยืนทวาร  เยื้องย่างหา
มองสบตา  กายา  พาสั่นไหว
เกิดหวาดหวั่น  พรั่นจิต  ผิดกระไร
พอยามไข  หายข้อง  ต้องอุรา
ให้พาเขา  เข้าวัง  ฟังรับสั่ง
อย่างงงัน  ทำซื่อ  ทึ่มทื่อหนา
ลุกเร็วไว  รีบกราย  ย้ายย่างมา
ขืนชักช้า  จักหาเศียร  เปลี่ยนไม่ทัน
เจ้าพรานไพร  ใจชื้น  ระรื่นยิ้ม
ลุกขึ้นวิ่ง  ตามยาม  อย่างสุขสันต์
หัวบานเถิก  เบิกตามอง  ผองเพื่อนกัน
แบะปากหยัน  พลันห้อ  หัวร่อไป

ถึงทวาร  มีนงราม  ตามเสด็จ
บอกชั้นเจ็ด  ภูเบศรอ  พ่ออย่าสาย
พรานงกเงิ่น  เดินตาม  นางขึ้นไป
พบห้องใหญ่  ไหวหวั่น  สั่นฤดี
เห็นธเรศ  เนตรมอง จ้องเขม็ง
ตาวาวเด่น  เปล่งอำนาจ  ราชสีห์
ครั้นสบพักตร์  ธ ตรัส  ทักทันที
เจ้าผู้นี้  นี่ฤาพราน  ชำนาญไพร
ข้าขอถาม  นามระบือ  ชื่อออเจ้า
เรียกใดเล่า  เผ่าประยูร  ตระกูลไหน
จึงอัปลักษณ์  ขัดตา  กว่าผู้ใด
เหตุไฉน  ดูแผก  แปลกนัยน์ตา
พรานรูปชั่ว  กลัวก้ม  บังคมกราบ
แทบสองบาท  ปากตอบ  บอกพงศา
โสณุดร  น้อมไหว้  ไท้ราชา
คือนามข้าพระพทุธเจ้า  เผ่าพรานไพร
ขอพระองค์  ทรงเปรย  เผยหลักแหล่ง
เจ้าพลายแกร่ง  แข็งกล้า  อยู่ป่าไหน
เกล้าจักบุก  รุกฝ่า  ตามล่าไป
ตัดงาใหญ่  ให้เทวี  ศรีสุดา
ภูวไนย  ได้ฟัง  พลันผินพักตร์
เอ่ยโอษฐ์ตรัส  กับยาจิต  ขนิษฐา
ขอแม่บอก  ตอบแหล่ง  แห่งคชา
ว่าอยู่ป่า  พนาใด  ในธาษตรี
พี่จะใช้  ให้พราน  ชำนาญดง
ออกดั้นด้น  ค้นหา  ทั่วกาสี
ทุกพนา  คูหา  ภูผามี
เพียงบอกพี่  เทวี  ศรีสุดา

องค์โฉมฉิน  ยินคำ  พลันเยื้องย่าง
ยืนหน้าต่าง  หว่างช่อง  จ้องภูผา
แล้วตรัสให้  ไพร่พราน  คลานเข้ามา
ชี้เบื้องหน้า  สุดตาลิบ  ทิศอุดร
ถัดเขตแดน  แคว้นนี้  มีดงป่า
ใต้อาณา  พารณะ  อดิศร
เป็นสถาน  ตระการตา  น่าเพลินมอง
เจ็ดเขาห้อม  ล้อมมิด  ปิดนัยน์ตา
เทือกสุดท้าย  พรรณราย  เลื่อมพรายส่อง
แววเรืองรอง  ทองประกาย  บนไหล่ผา
สวยอร่าม  งามตรึง  ซึ้งอุรา
นามภูผา  สุวรรณ  ปัสสคิรี
สูงใหญ่ล้ำ  ค้ำฟ้า  ท้าเวหน
กว่าพนม  หนใด  ในกาสี
มีกินนร  มกรม้า  สัมพาที
คชสีห์  อินทรีย์หงส์  ปะปนกัน
สัตว์หลายหลาก  มากล้น  พิกลแปลก
แฝงตัวแยก  แทรกกาย  ในไพรสัณฑ์
ต่างสดใส  ไร้ทุกข์  สนุกกัน
เพลินสุขสันต์  หรรษา  ท่องป่าไพร
มวลหมู่ไม้  หลายหลาก  มากชนิด
ดูวิจิตร  ผลิงาม  อร่ามไสว
ชูช่อดอก  ออกผล  เกลื่อนกล่นไป
กลิ่นรสไซร้  ให้ไกล  ไปจากเรา
ณ ยอดผา  คูหาทอง  กินนรพัก
ถ้ำพำนัก  กระจัดกระจาย  รายยอดเขา
สูงเสียดจน  ชนฟ้า  นภาพราว
เหนือยอดเขา  วาวรุ้ง  รุ่งโรจน์เรือง
ใต้เชิงผา  สง่าเด่น  เห็นไทรใหญ่
ใบประกาย  เลื่อมคราม  งามใดเหมือน
แผ่กิ่งก้าน  ย่านพราง  ดูลางเลือน
เปรียบเสมือน  เครื่องคั่น  กั้นนัยน์ตา
เจ้าพารณ  ดมไร  ผู้ใหญ่ยิ่ง
ครอบครองถิ่น  หิมพานต์  งามใดหา
พาโขลงเที่ยว  เทียวไพร  สบายอุรา
เหนื่อยก็พา  ฝูงพัก  พำนักไทร
มีทันติน  คชินทร์สาง  ล้นหลามเฝ้า
งาใหญ่ยาว  ขาวอ่อน  เท่างอนไถ
แปดพันเป็น  เช่นยาม  ไม่ห่างไทร
กันมิให้  ผู้ใด  ใกล้ฉัททันต์
เหล่ามาตงค์  วนเปลี่ยน  เยี่ยงทหาร
ป้องภัยพาล  พรางแอบ  แทรกไพรสัณฑ์
ก้องเกรี้ยวกราด  ตวาดขู่  จู่โจมพลัน
เหยียบขย้ำ  ตามขยี้  ไพรีกราย
ขรัวพรานไพร  ได้ฟัง  พลันเหงื่อท่วม
คิดทบทวน  ถ้วนที   ฤดีหาย
เหมือนเลาะผา  ตาบอด  ใคร่ถอดใจ
คงลับหาย  ตายเดียว  เปลี่ยวเอกา
จึงร่ำไห้  พิไรวอน  องค์อ่อนไท้
เหตุอันใด  เงินทอง  ไม่ปองหา
เพชรมณี  สีงาม  ไม่นำพา
กลับใฝ่หา  แต่งานาค  ยากสมใจ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : msp.

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s