มงคล ๓๘ ประการ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
16 เมษายน 2024, 05:18:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มงคล ๓๘ ประการ  (อ่าน 5694 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
05 มิถุนายน 2013, 09:44:AM
ไร้นวล^^
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 825
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,430

โปรดแนะนำเพื่อค้ำชูภาษาไทย


« เมื่อ: 05 มิถุนายน 2013, 09:44:AM »
ชุมชนชุมชน



                       ในคัมภีร์ชั้นอรรถกถา อธิบายไว้ว่า ประมาณ ๑๒ ปีก่อนพุทธกาล ประชาชนต่างตื่นตัวว่า อะไรคือเหตุที่ทำให้ชีวิตเป็นมงคล กล่าวว่า บ้างก็ว่า วัตถุสิ่งของ เช่น ต้นไม้ สัตว์ หรือว่ารูปเคารพต่าง ๆ จะทำให้ชีวิตเป็นมงคล เรื่องราวการอภิปรายเรื่องมงคล ก็ไปถึงภุมเทวา คือเทวดาในระดับพื้นดิน เทวดาก็สนทนากันว่าอะไรคือมงคล ประเด็นนี้ก็ลุกลามไปถึงอากาศเทวา ไปถึงสวรรค์ชั้นต่าง ๆ จนถึงพรหมโลกชั้นสุธาวาส ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย ของผู้ที่บรรลุธรรมเป็นพระอนาคามีแล้ว มีความเข้าใจในเรื่องมงคลชีวิตเป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถอธิบายได้ จึงได้ประกาศให้เทวดาทราบว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเสด็จลงมาตรัสรู้ธรรมในอีก ๑๒ ปี ให้ไปถามพระพุทธองค์ในตอนนั้น

                       เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว คืนหนึ่งขณะที่ประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร ใกล้เมืองสาวัตถี ท้าวสักกเทวราชได้นำหมู่เทวดาเข้าเฝ้า และบัญชาให้เทพบุตรองค์หนึ่งทูลถามพระองค์ว่า อะไรคือมงคลของชีวิต พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงหลักมงคลสูตร ซึ่งมีทั้งหมด ๑๐ หมวด นับเป็นรายการได้ ๓๘ ประการ




๑.ไม่คบคนพาล

(โคลงโลกนิติ)

๐ปลาร้าพันห่อด้วย           ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา            คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา                คบเพื่อน พาลนา
ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง             เฟื่องให้เสียพงศ์ฯ

                เคารพรัก

(โคลงไร้น่วม)

๐เศวตรหงส์หากคละเคล้า   โคลนตม
บงก์บ่อปรักเถื่อนถม          ศักดิ์ไซร้
ผิวพรรณผ่องเพริศคม         ฉลข่ม
พาลเพ่งเพียงพาลให้          เหตุร้ายรุมราญ

๐สามประการปราชญ์เว้น    สมาคม
หนึ่งทุจริตคิดปม              ละโมบกล้ำ
สองปากเปล่งแต่ลม          ลาญสัตย์
สามกิจวัตรเวียนซ้ำ          ซึ่งร้อนภายหลังฯ


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : คอนพูธน, Shumbala, ดาว อาชาไนย, ชลนา ทิชากร, choy, รพีกาญจน์, พยัญเสมอ, บูรพาท่าพระจันทร์, รัตนาวดี, พี.พูนสุข, แป้งน้ำ, ศรีเปรื่อง, เนิน จำราย, ไพร พนาวัลย์, panthong.kh

ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แดนดินใดให้เราเกิด  เราจะเทิดทูนไว้เหนือเศียร
05 มิถุนายน 2013, 04:57:PM
ไร้นวล^^
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 825
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,430

โปรดแนะนำเพื่อค้ำชูภาษาไทย


« ตอบ #1 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2013, 04:57:PM »
ชุมชนชุมชน



๒.คบบัณฑิต

(โคลงโลกนิติ)

๐ใบพ้อพันห่อหุ้ม           กฤษณา
หอมระรวยรสพา           เพริศด้วย
คือคนเสพเสน่หา          นักปราชญ์
ความสุขซาบฤๅม้วย      ดุจไม้กลิ่นหอมฯ

                เคารพรัก

(โคลงไร้หนาม)

๐ภุมรินดอมดอกฟ้า       เสาวคนธ์
กลิ่นเฟื่องกระจายปน      ปีกป้าย
ทั้งเมล็ดแห่งพฤกษ์ผล     พลอยผลิ
ถ้วนกถารุจาท้าย-         เทศน์ถ้อยถกสุธี

๐คนดี ดีเด่นด้วย        มนตร์ใด
หนึ่งตรึกตรองนอกใน    จิตแผ้ว
สองพจน์สวัสดิ์ใส         สุจริต
สามมุ่งกอปรกิจแก้ว     ก่อเกื้อเกียรติตนฯ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, บูรพาท่าพระจันทร์, choy, พยัญเสมอ, ชลนา ทิชากร, พี.พูนสุข, แป้งน้ำ, Shumbala, ศรีเปรื่อง, ดาว อาชาไนย, เนิน จำราย, ไพร พนาวัลย์

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แดนดินใดให้เราเกิด  เราจะเทิดทูนไว้เหนือเศียร
05 มิถุนายน 2013, 09:16:PM
ไร้นวล^^
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 825
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,430

โปรดแนะนำเพื่อค้ำชูภาษาไทย


« ตอบ #2 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2013, 09:16:PM »
ชุมชนชุมชน



๓.บูชาบุคคลที่ควรบูชา

(โคลงโลกนิติ)

๐ป่าหลวงหลายโยชน์พร้อม       พฤกษา
หาแก่นจันทน์กฤษณา              ยากไซร้
ฝูงคนเกิดมีมา                       เหลือแหล่
หาปราชญ์ฤๅจักได้                 ยากแท้ควรสงวนฯ

(โคลงไร้อนงค์)

๐สวนบุปผชาติเชิดช้อย           ชุติมา
แสงแห่งสุริยา                      หยาดแย้ม
บานสะพรั่งพราววิภา             พรรณผ่อง
สัจธรรมปราชญ์แต้ม          แต่งร้อยเรืองฤทัย

๐ไตรรัตนะนบน้อม               วันทา
ยกปิฎกธรรม์พา                  พฤฒิพร้อม
ฝึกสติวิปัสสนา                    นำสุข    นิรันดร์นา
กองกิเลสตัณหาห้อม             ห่างได้โดยธรรม

๐สัมปทาทศพิธไท้                เทิดองค์
เอกบุรุษสกาวทรง                ปกหล้า
ศูนย์รวมราษฎร์ดำรง            เป็นหนึ่ง
เบื้องยุคลบาทระย้า              ระยิบย้อยยศสยาม

๐ความรู้ซึ่งศาสตร์สร้าง         ศิลป์ศรี
ครบเครื่องเปรื่องวิถี             ถ่องเกล้า
เชี่ยวชาญชุบชีวี                  วิศิษฏ์
ย่อมครุจารย์ค่ำเช้า              ถักเถ้าเป็นทอง

๐มองรอบร่างหลากล้วน        ลักขณา
ทุกอย่างลลิตตา                 ตระหง่านตั้ง
จากหยดธุลีมา                   เมลืองมิ่ง
พรพ่อแม่มอบทั้ง-              มาสแม้นมไหศวรรย์ฯ

ปล.
มาส=พระจันทร์
มไหศวรรย์=ความเป็นใหญ่ในแผ่นดิน



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, รัตนาวดี, พยัญเสมอ, ชลนา ทิชากร, พี.พูนสุข, choy, แป้งน้ำ, บูรพาท่าพระจันทร์, Shumbala, ศรีเปรื่อง, ดาว อาชาไนย, เนิน จำราย, ไพร พนาวัลย์, panthong.kh

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แดนดินใดให้เราเกิด  เราจะเทิดทูนไว้เหนือเศียร
06 มิถุนายน 2013, 09:51:AM
ไร้นวล^^
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 825
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,430

โปรดแนะนำเพื่อค้ำชูภาษาไทย


« ตอบ #3 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2013, 09:51:AM »
ชุมชนชุมชน



๔.อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม

(โคลงโลกนิติ)

๐นารายณ์วายเว้นจาก          อาภรณ์
อากาศขาดสุริยจร              แจ่มหล้า
เมืองใดบ่มีวร                    นักปราชญ์
แม้ว่างามล้นฟ้า                ห่อนได้งามเลยฯ

(โคลงไร้รัก)

๐เปรยปลูกเรือนเลือกพื้น       พัสถาน
เว้นหล่มตมดินดาน              ดื่นด้อย
หากโดยรอบกนกกาญจน์       กะก่อง
พอพิพัฒน์พงศ์ช้อย              ชดชื้นชนม์เฉลิม

๐เสริมสิริโรจน์แล้               ทำเล   เรือนแล
ภูมิศาสตร์ถ่ายเท               ร่มไม้
สุขลักษณ์รื่นสรวลเส-          วนาปราชญ์
โอชะผลาหารไซร้               เพียบพร้อมบริบูรณ์

๐จรูญเจริญจริตไร้               โจรจร
ย่องย่ามขโมยกลอน            กล่นบ้าน
นอนบ่หลับอนาทร              ถัมภ์เถื่อน
มองรอบทิศรอบด้าน           เกลื่อนด้วยกลโกง

๐โยงกถาธรรมถิ่นนั้น          ควรนอน
ทางโลกย์เลิศล้วนสอน         ศาสตร์รู้
โพธิ์พุทธศาสน์บวร             วิสุทธ์
แถบถิ่นนั้นเหมาะผู้             เพ่งเพี้ยงพิศาลฯ





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : choy, Shumbala, รพีกาญจน์, บูรพาท่าพระจันทร์, ศรีเปรื่อง, พี.พูนสุข, ชลนา ทิชากร, ดาว อาชาไนย, เนิน จำราย, ไพร พนาวัลย์, panthong.kh, แป้งน้ำ

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แดนดินใดให้เราเกิด  เราจะเทิดทูนไว้เหนือเศียร
06 มิถุนายน 2013, 09:30:PM
ไร้นวล^^
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 825
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,430

โปรดแนะนำเพื่อค้ำชูภาษาไทย


« ตอบ #4 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2013, 09:30:PM »
ชุมชนชุมชน



๕.มีบุญวาสนามาก่อน

(พุทธโอวาท)

     "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้าวเปลือก ทรัพย์ เงินทองหรือของที่บุคคลหวงแหนอย่างใดอย่างหนึ่ง รวมทั้งทาส กรรมกรคนใช้และที่อยู่อาศัย สิ่งอื่นๆทั้งหมดนี้บุคคลนำไปไม่ได้ต้องทอดทิ้งไว้ทั้งหมด แต่สิ่งที่บุคคลทำด้วยกาย วาจา หรือด้วยใจ นั่นแหละที่จะเป็นของเขา เป็นสิ่งที่เขาต้องนำไปเหมือนเงาตามตัว เพราะฉะนั้นผู้ฉลาดพึงสั่งสมกัลยาณธรรมอันจะนำไปสู่สัมปรายภพได้ บุญย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายทั้งในโลกนี้และโลกหน้า"

              เคารพรัก

บุญคือ?

๐บุญคือกิจก่อแล้ว            เจริญจินต์
ไร้ขุ่นคือราคิน                 ข่มข้อง
ยอยศเยี่ยงกวินทร์            วิวรรธน์
เอิบอิ่มประโยชน์คล้อง       ค่าคล้อยบุญหนุน

คุณสมบัติของบุญ

๐คุณค่าบุญบ่มเบื้อง           อานิสงส์
(๑)กายจิตวจีจง                 แจ่มจ้า
(๒)สุขจรูญแผ่เผ่าพงศ์         เครือว่าน วงศ์นา
(๓)ผลส่งถึงภพหน้า            ภพนี้ก็เห็น

๐(๔)เป็นประโยชน์เฉพาะผู้    ดำเนิน
(๕)โภคทรัพย์จักจำเริญ        ระย้า
(๖)ทิพย์สมบัติบุญเชิญ         เฉลิมฉัตร
(๗)เป็นเกราะคุ้มภัยกล้า      ครอบเกล้ากันพาล

๐ทั้งญาณทัศนะน้อม          มโนธรรม์
(๘)เป็นปัจจัยเอกอนันต์       นาถแล้
มิช้าย่อมถึงวัน                 นิรทุกข์
คือสุขนฤพาลแก้-             เหตุร้อนเหือดหาย

ประเภทของบุญในกาลก่อน

๐ขยายความแยกขั้น          คณะบุญ
ท่านแบ่งเป็นสองคุณ          ส่งไซร้
บุญใกล้ย่อมอาจหนุน         ประเภทหนึ่ง
สองหากบุญไกลได้            ส่งเชื้อข้ามขันธ์

๐หนึ่งนั้นว่าระยะใกล้         คือชนม์   นี้นา
กำเนิดจากแม่ตน             แต่ต้น
ความดีสะสมจน              เติบใหญ่
ผลลัพธ์ฤๅจักพ้น             ผ่องแผ้วผลานิสงส์

๐บุญส่งจากอดีตโพ้น         ภพเดิม
ดุจคัดเมล็ดเติม               ค่าแต้ม
ปลูกเพียงกลบดินเจิม        สินธุ์จ่าง
กล้าอ่อนกลับระยิบแย้ม     ใหญ่ย้ำพันธุ์สวรรค์

บุญกิริยาวัตถุ ๑๐

๐(๑)ทานอันอาจแผ่เอื้อ       กรุณา
(๒)ศีลที่ควบคุมวจา-         กิจพร้อม
(๓)ฝึกปฏิบัติปัญญา          แลสติ
(๔)ตั้งจิตให้อ่อนน้อม         ต่อผู้เผดียงธรรม

๐(๕)นำความเย็นผ่อนร้อน   มิตรผจญ
(๖)อุทิศส่วนกุศล              เผื่อพ้อง
(๗)อนุโมทนาบน              บุญอื่น
(๘)ธรรมบทคิดคล้อง         คติคล้อยเทศนา

๐(๙)เสวนาถกถ้อย            กระทงธรรม์
(๑๐)ปรับทิฏฐิพินิจอัน         อ่อนด้อย
ตรึกตรองเหตุแห่งขันธ์         เวียนว่าย  วัฏฏะนา
รวมทศบทบุญช้อย            แช่มชั้นปัญวาฯ





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, choy, ศรีเปรื่อง, พี.พูนสุข, ชลนา ทิชากร, ดาว อาชาไนย, เนิน จำราย, ไพร พนาวัลย์, panthong.kh, แป้งน้ำ

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แดนดินใดให้เราเกิด  เราจะเทิดทูนไว้เหนือเศียร
07 มิถุนายน 2013, 07:25:PM
ไร้นวล^^
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 825
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,430

โปรดแนะนำเพื่อค้ำชูภาษาไทย


« ตอบ #5 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2013, 07:25:PM »
ชุมชนชุมชน



๖.ตั้งตนชอบ

โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์(พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)

ศรัทธาทำจิตหมั้น                คงตรง
สงบระงับดับประสงค์            สิ่งเศร้า
จิตสะอาดปราศสิ่งพะวง         วุ่นขุ่น
สามส่วนควรใฝ่เฝ้า              แต่ตั้งอธิษฐานฯ

                     เคารพรัก

โคลงโลกนิติ

๐ก้านบัวบอกตื้นลึก               ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน                ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน           ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแร้งเรื้อ          บอกร้ายแสลงดินฯ

                       เคารพรัก

โคลงไร้นาง

๐สุคนธ์กลิ่นประทิ่นเที้ยน         ทิพย์สุมน
เทใส่กะลาปน                      มูตรเปื้อน
กลิ่นหอมคูถกลบจน              หืนกลิ่น
สาธุชนหยุดเอื้อน                 สัตย์แล้วฤๅดี

๐เรือล่องนทีลึกล้ำ                กระแสสินธุ์
หมายมุ่งเพชรพลอยนิล          เกาะโน้น
พายุคลื่นโถมผิน                  ทิศพร่า
พายฝ่าถึงฝั่งโพ้น                 เพราะเฟ้นหางเสือ

"สารธรรม" ธรรมที่เป็นแก่น ถ้าผู้ใดมีคุณธรรมที่ชื่อสารธรรมนี้ ชื่อว่า เป็นคนที่มีแก่นโดยแท้จริง สามารถตั้งตนชอบได้


๐(๑)ความเชื่อคือศรัทธ์ด้วย      ปัญญา     ยิ่งเฮย
มีเหตุมีผลพา                       พินิจคล้อย
ฉุกเชื่อเช่นปิดตา                  งมโง่
เชื่ออย่างงมงายจ้อย-            จากแจ้งจรุงจินต์

๐(๒)ศีลกลิ่นหอมเฟื่องฟุ้ง        ถึงพรหม
ยศยติตรงสม                      มนุษย์เนื้อ
ฐานรากแห่งเงื่อนปม             อรหัต-   ผลแฮ
เบญจศีลก่อเกื้อ                   นฤให้สมบูรณ์

๐(๓)เพิ่มพูนศาสตร์สิ่งรู้          สรรพวิชา
ราบรื่นปูนชีวา                    วิวัฒน์ก้าว
เพียงหนึ่งแขนงสา-               ขาเชี่ยว- ชาญนา
ความเจริญย่อมน้าว              แน่วโน้มนิรัติศัย

๐(๔)ฝึกใจให้สละได้              โดยทาน
คือทรัพย์ภักษาหาร              กนกแก้ว
เผื่อแผ่เพื่อนมนุษย์สาน           ใจใส่
พึงภิยโยผ่องแผ้ว                 สะพรั่งพร้อมเพริศผล

๐(๕)ฝึกฝนสมาธิทั้ง              ภาวนา
ใจจึ่งมั่นคงครา                   กิเลสเร้า
ทนต่อยั่วยวนตรา                ตรวนต่ำ
เบญจสารธรรมเข้า              คุปต์เกล้าไกรศรีฯ

เชิงอรรถ(โดยสังเขป)

ชลธาร, นที= แม่น้ำ
สินธุ์= น้ำ
สุคนธ์=เครื่องหอม
ประทิ่น= หอม
เที้ยน= เทียบ,เปรียบด้วย
สุมน=ดอกไม้
 นิรัติศัย(ว.)=ประเสริฐยิ่ง           
ภิยโย(ว.)=ยิ่งขึ้นไป
คุปต์=คุ้มครอง
ไกรศรี=ผู้มีสิริ,ผู้ที่มีความงาม



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ดาว อาชาไนย, พี.พูนสุข, เนิน จำราย, ชลนา ทิชากร, รัตนาวดี, choy, ไพร พนาวัลย์, panthong.kh, แป้งน้ำ

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แดนดินใดให้เราเกิด  เราจะเทิดทูนไว้เหนือเศียร
08 มิถุนายน 2013, 07:03:PM
ไร้นวล^^
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 825
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,430

โปรดแนะนำเพื่อค้ำชูภาษาไทย


« ตอบ #6 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2013, 07:03:PM »
ชุมชนชุมชน



๗.เป็นพหูสูตร

โคลงโลกนิติ

๐อายุถึงร้อยขวบ               เจียรกาล
ธัมโมชอันโอฬาร               บ่รู้
เด็กน้อยเกิดประมาณ         วันหนึ่ง
เห็นถ่องธรรมยิ่งผู้             แก่ร้อยพรรษาฯ

                     เคารพรัก

โคลงไร้นิทรา

๐ทาสาอุตส่าห์รู้                 เชิงชาย    ชาญเฮย
ฝึกยุทธอย่างแพรวพราย        เพื่อไท้
ยามศึกรบอย่างหมาย           เถลิงเกียรติ     กษัตริย์นา
รอบ่ช้าจักได้                    เดชขั้นคุณหลวงฯ

๐พรานคล้องบ่วงจั่นแร้ ว        ช่ำชอง
เห็นร่องรอยริมคลอง           สัตว์ข้าม
คุ้นกับกลิ่นกวางมอง            มูลบ่ง
ถึงรุ่งมิคิดคร้าม                 ขาดเนื้อคืนเรือน

คุณสมบัติของพหูสูตร

(๑.พหุสสุตา)

๐ร่ำเรียนเพียรอ่านให้          แตกฉาน
เคล็ดลับศาสตร์เชี่ยวชาญ     แก่นแท้
กลเม็ดครุจารย์                 จำแนก   ขจ่างนา
ท่องสูตรค่ำเช้าแก้              โจทย์แจ้งคาถา

(๒.ธตา)

๐จดจำสาระจ้าน               จรัสใจ  แจ่มนา
นึกตรึกพิเคราะห์นัย           แน่นเนื้อ
เฉลียวหลักลัพธ์ไข             คำตอบ
จักพบผลจากเกื้อ              เหตุให้สมหวัง

(๓.วจสา ปริจิตา)

๐ทั้งท่องมนตร์คล่องคล้าย   คำครู
ไป่สะดุดป่าวดู                 เลิศล้ำ
สำเนียงเสนาะหู               นันท์สดับ
ยอดพหูสูตรย้ำ                ยอดถ้อยสม่ำเสมอ

(๔.มนสานุเปกขิตา)

๐บทเลอเลิศร่ายไร้          รีรอ
คือจดจำจารกรอ            จิตข้น
ท่องจนจับใจคลอ           ความคล่อง
ลืมรึหลับตาล้น              หลากล้วนระบิล

(๕.ทิฏฐิยา สุปฏิวิทธา)

๐แจ่มแจ้งสิ้นซึ่งข้อ         สงสัย
พินิจคิดครวญไข            เงื่อนข้อง
ปัญญาส่องไสว             แทงตลอด
ย่อมยอดพหูสูตรต้อง      ต่อถ้อยธรรมกถาฯ

ปล.

แร้ ว=เครื่องมือดักสัตว์ชนิดหนึ่ง(ภูมิปัญญาท้องถิ่น). *ต้องเขียนแยกเพราะcomputerมันautocorrectเป็นแล้ว ตลอด

นันท์สดับ= ยินดีในการฟัง(คล้ายnonstopมาก) เอ้อ..จริงว่ะ

ต้อง(ในบาทสุดท้ายของบทสุดท้าย) หมายถึง ถูกต้อง





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, เนิน จำราย, choy, ชลนา ทิชากร, ไพร พนาวัลย์, พี.พูนสุข, panthong.kh, แป้งน้ำ

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แดนดินใดให้เราเกิด  เราจะเทิดทูนไว้เหนือเศียร
25 มิถุนายน 2013, 09:50:AM
ไร้นวล^^
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 825
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,430

โปรดแนะนำเพื่อค้ำชูภาษาไทย


« ตอบ #7 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2013, 09:50:AM »
ชุมชนชุมชน





๘.มีศิลปะ

(โคลงโลกนิติ)

๐ความรู้ดูยิ่งล้ำ               สินทรัพย์
คุณค่าควรเมืองนับ           ยิ่งไซร้
เพราะเหตุจักอยู่กับ           กายอาต   มานา
โจรจัดเบียนบ่ได้              เร่งรู้เรียนเอา

(โคลงไร้ฤทัย)

๐ขี้เถ้าปนอิฐปั้น               เป็นศิลป์
งามเหลี่ยมลักษณ์ลายดิน    เด่นช้อย
ชนยกช่างเยี่ยงกวินทร์       กระเดื่อง  นามนา
กระจ่างหนึ่งไป่น้อย           เชี่ยวช้อนชนม์เฉลิม

๐ตรึกต่อเติมแต่งป้าย        ประดาชาญ
ศาสตร์สักเพียงหนึ่งงาน     เงื่อนล้ำ
รอบ่อาจช้านาน               ศาสตร์ส่ง
ลิ้มรสเลิศลัญจ์น้ำ-           ทิพย์ท้ายศาสตร์เสริมฯ



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : panthong.kh, แป้งน้ำ, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แดนดินใดให้เราเกิด  เราจะเทิดทูนไว้เหนือเศียร
28 กรกฎาคม 2013, 12:32:PM
ไร้นวล^^
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 825
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,430

โปรดแนะนำเพื่อค้ำชูภาษาไทย


« ตอบ #8 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2013, 12:32:PM »
ชุมชนชุมชน



๙.มีวินัย

"ช่างดาบทำฝักดาบไว้กันอันตราย, ช่างทำระเบิดก็ทำสลักนิรภัยไว้เช่นกัน ดังนั้น เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนพุทธศาสนิกชนให้เป็นคนฉลาดรู้ฉลาดทำแล้วจึงทรงสำทับด้วยว่า "ต้องมีวินัย"

(พระมหาสมชาย  ฐานวุฑโฒ, จากหนังสือมงคลชีวิตฉบับก้าวหน้า, ๒๕๔๗)

(วินัยทางโลก)

๐ระบอบระเบียบตั้ง                  ระเบียนบูรณ์
เสกส่งเจตจำรูญ                       รุจหล้า
ศาสตร์ศิลป์ซึ่งเพิ่มพูน              เพียรพรั่ง  เผดิมนา
จึงจักยังระย้า                           อย่างคล้องหางเสือ

๐วิชาเฝือเฝื่อนเฟ้อ                   เฟือนแฝง
ประพฤติประทุษแทง               ทั่วถ้อง
ดีด้อยเด่นสำแดง                    ดังอยาก
ดุจล่องเรือคว้างท้อง-              สมุทรแม้นพายฉมัง

(วินัยทางธรรม)

-อนาคาริยวินัย-

(วินัยสำหรับผู้ออกบวช)

๐(๑)สังวรปาฏิโมกข์ถ้วน           ศีลศรี
(๒)ตั้งสติตรองอินทรีย์             สวัสดิ์ไซร้
(๓)เพียรผดุงวัฒน์ชีวี                  วิสุทธิ์
(๔)บริโภคภัณฑ์เครื่องใช้           อย่าคล้อยจินต์หลง

-อาคาริยวินัย-

(วินัยสำหรับผู้ครองเรือน)


๐ดำรงศักดิ์มนุษย์พร้อม-           เพรียงพรรณ
เบญจศีลคือศรันย์                     รูปแล้
คนพาลพร่องศีลบรร-              ยงอาตม์
ฤๅต่างดิรัจชาติแม้                    พักตร์แพร้วผิว์ผกาฯ


เชิงอรรถ(พอสังเขป)

รุจ(ว.)=รุ่งเรือง
ถ้อง(น.)=ทาง
ศรันย์(ว.)=ซึ่งเป็นที่พึ่ง
บรรยง(ก.)=ทำให้งาม
อาตม์(น.)=ตน



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ชลนา ทิชากร, แป้งน้ำ

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แดนดินใดให้เราเกิด  เราจะเทิดทูนไว้เหนือเศียร
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s