กาลามสูตร ๑๐ ประการ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
16 เมษายน 2024, 02:32:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กาลามสูตร ๑๐ ประการ  (อ่าน 17795 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
10 ตุลาคม 2011, 07:00:PM
ช่วงนี้ไม่ว่าง
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 358
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 792



« เมื่อ: 10 ตุลาคม 2011, 07:00:PM »
ชุมชนชุมชน


กาลามสูตร คือ พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกอีกอย่างว่า เกสปุตติยสูตร หรือเกสปุตตสูตร ก็ม�http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ภู กวินท์, พี.พูนสุข, ♥หทัยกาญจน์♥, เมฆา..., ...สียะตรา.., สล่าผิน, นาคสวาท, Music, รพีกาญจน์, อริญชย์, บ้านริมโขง, ดาว อาชาไนย, Thammada

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
10 ตุลาคม 2011, 08:18:PM
นาคสวาท
LV3 นักเลงกลอนประจำซอย.
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 29

รักของฉันเร่าร้อนดั่งฟอนไฟ ขอเทียนไขโซ่แส้กุญแจมือ


« ตอบ #1 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2011, 08:18:PM »
ชุมชนชุมชน

อันพระธรรม คำสอน องค์พุทธะ
"กาลามะ"จงนึกตรอง ให้หนักหนา
เรื่องความเชื่อ อย่างมงาย ใช้ปัญญา
พิจารณา ให้เห็นจริง ทุกเหตุการณ์

หนึ่งอย่าเชื่อ เพียงเพราะ ได้ยินฟัง
สองอย่าเชื่อ เพราะยัง ทำสืบสาน
สามอย่าเชื่อ เพราะเล่าลือ กันมานาน
สี่อย่าเชื่อ เพราะอ่าน อ้างตำรา

ห้าอย่าเชื่อ เพราะตรึก นึกคาดเดา
หกอย่าเชื่อ คะเนเอา ไม่ได้หนา
เจ็ดอย่าเชื่อ นึกคิดตาม เหตุผลพา
แปดอย่าเชื่อ เพราะเข้าท่า ทฤษฎีตน

เก้าอย่าเชื่อ เพราะรูปลักษณ์ ภักดิ์เชื่อถือ
สิบอย่าเชื่อ เพราะท่านคือ ครูฝึกฝน
พินิจธรรม สั่งสอน ก่อนเชื่อคน
พาชีพชนม์ พ้นงมงาย หายโง่งม...

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ♥หทัยกาญจน์♥, ช่วงนี้ไม่ว่าง, เมฆา..., ...สียะตรา.., สล่าผิน, Music, รพีกาญจน์, เอ๊พ, อริญชย์, บ้านริมโขง, ดาว อาชาไนย, Thammada, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รักรุมเราเร่าเร้า.         รอบกาย
พิษรักรายร่ายร้าย.       รุ่มร้อน
แม้นห่างหายห่ายห้าย     ร่ำไห้ เองนา
รักลงซอนซ่อนซ้อน.      แทรกซ้อนซ่อนทรวง
13 ตุลาคม 2011, 08:28:PM
อริญชย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,568


ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว


« ตอบ #2 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2011, 08:28:PM »
ชุมชนชุมชน

อย่าพึ่งเชื่อสิ่งใดทั่วใต้หล้า
ฟังกันมา ทำกันอยู่ ที่รู้เห็น
ทั้งตำรา อาจารย์ อาการเป็น
เหตุผลเด่น อนุมาน คาดการณ์เอา

แต่จงใช้ปัญญาพิจารณาแล้ว
เห็นแน่แน่วตามจริงทุกสิ่งเข้า
จึงค่อยเชื่อเรื่องดี-ชั่วด้วยตัวเรา
ไม่มัวเมาติดหล่มความงมงาย

"กาลามสูตร" คือธรรมอันล้ำค่า
ควรศึกษาแนวพุทธตรงจุดหมาย
มีปัญญานำทางส่องพร่างพราย
จึงจะได้ประโยชน์ ไร้โทษเอย ฯ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ♥หทัยกาญจน์♥, รพีกาญจน์, บ้านริมโขง, นาคสวาท, ดาว อาชาไนย, Thammada, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม
เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
15 ธันวาคม 2011, 02:07:PM
ดาว อาชาไนย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 394
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,472



poem.archanai?fref=ts
« ตอบ #3 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2011, 02:07:PM »
ชุมชนชุมชน


    กาลามสูตร เป็นพระสูตรที่ยาวกว่านี้  ขอนำกลอนซึ่งเขียนไว้นานแล้วมาลง  ซึ่งมีข้อความจนจบพระสูตร  โดยพยายามรักษาถ้อยคำให้ใกล้เคียงที่สุด เพื่อมิให้ใจความที่ทรงสั่งสอนผิดเพี้ยนความหมายไป

พระพุทธองค์ทรงสอนว่า  "กาลามะ
อย่าเชื่อเพราะ...วาทะที่โจษขาน
อย่าเชื่อเพราะ...คำเก่าเล่ามานาน
อย่าเชื่อเพราะ...ข่าวสารสื่อต่อกัน
อย่าเชื่อเพราะ...ตำราว่าเอาไว้
อย่าเชื่อเพราะ...เดาได้ถูกแม่นมั่น
อย่าเชื่อเพราะ...คาดเห็นเป็นเช่นนั้น
อย่าเชื่อเพราะ...คิดฝันกันเรื่อยไป
อย่าเชื่อเพราะ...เขาบ่งตรงลัทธิ
อย่าเชื่อเพราะ...เขาสิน่าเชื่อได้
อย่าเชื่อเพราะ...คำครูผู้สอนใจ
แต่เมื่อไรรู้ผลด้วยตนแล้ว

ธรรมนี้เป็น"อกุศล"ดลให้โทษ   คุณประโยชน์อย่างไรไร้แน่แน่ว
ท่านผู้รู้ตำหนิมิเพริศแพร้ว   มีทุกข์ใจไม่แคล้วท่านควรละ

เมื่อไรท่านรู้ผลด้วยตนว่า   ธรรมนี้ค่าเป็น"กุศล"ผลกระจะ
ธรรมเหล่านี้ปราศโทษโฉดเลยนะ   ย่อมเป็นประโยชน์ถ้าสมาทาน
ธรรมเหล่านี้มีผู้รู้สรรเสริญ   เมื่อเจริญหมดทุกข์ทุกสถาน
ควรถึงพร้อมธรรมนั้นนิรันดร์นาน"
อีกประการสอนบรรดากาลามชน

"อริยสาวกไม่พกโลภ   มีจิตใจไร้ละโมบมิฉ้อฉล
เว้นการผูกพยาบาทอาฆาตคน  ไม่หลงตนมีสติตรองพิจารณ์
รู้ตัวอยู่  เมตตา  กรุณา  มุทิตา  อุเบกขาพรหมวิหาร
จิตวิสุทธิ์ประเมินเกินประมาณ   เป็นผู้ผ่านอารมณ์เว้นจากเวรภัย
การเบียดเบียนเลิกละทุกประเภท   แผ่ความเมตตาทั่วทิศน้อยใหญ่
สรรพสัตว์เริงรื่นชื่นหทัย   ย่อมอุ่นใจอย่างดี ๔ ประการ

ถ้าโลกหน้าเป็นสิ่งมีจริงแท้   ผลกรรมนี้มีแน่หลายสถาน
ตายไปย่อมบันเทิงเริงสราญ   สู่วิมานสวรรค์อันลำยอง

ถ้าโลกหน้าไม่มี...ชาตินี้จบ   ดีชั่วลบไปหมดงดสนอง
ย่อมเป็นสุขปัจจุบันตามมั่นปอง   ไร้ทุกข์ผองไม่เบียดเบียนบีฑา

ถ้าการทำบาปกรรมทำแล้วบาป   ความชั่วหยาบย่อมหยุดพิสุทธิ์ค่า
ไฉนทุกข์จักต้องพ้องพานมา   เหตุเพราะว่าบาปใดได้ละวาง

ถ้าทำบาปเท่าไรไม่เป็นบาป   ย่อมเอิบอาบจิตใจไม่มีหมาง
บริสุทธิ์ผุดผ่องทั้งสองทาง"
ทรงสอนอย่างนี้ไว้ให้ประพฤติ.

ดาว อาชาไนย
   


                                                       

























   

      กาลามสูตร เป็นพระสูตรที่มีข้อความยาวกว่านี้  ขอนำบทกลอนที่เขียนจนจบพระสูตรซึ่งเขียนไว้นานแล้วมาลง
โดยพยายามใช้ถ้อยคำให้ใกล้เคียงพระสูตรมากที่สุด เพื่อมิให้ผิดใจความของพระสูตร  ต่อไปนี้เป็นข้อความจนจบพระสูตร

พระพุทธองค์ทรงสอนว่า  "กาลามะ
อย่าเชื่อเพราะ...วาทะที่โจษขาน
อย่าเชื่อเพราะ...คำเก่าเล่ามานาน
อย่าเชื่อเพราะ...ข่าวสารสื่อต่อกัน
อย่าเชื่อเพราะ...ตำราว่าเอาไว้
อย่าเชื่อเพราะ...เดาได้ถูกแม่นมั่น
อย่าเชื่อเพราะ...คาดเห็นเป็นเช่นนั้น
อย่าเชื่อเพราะ...คิดฝันกันเรื่อยไป
อย่าเชื่อเพราะ...เขาบ่งตรงลัทธิ
อย่าเชื่อเพราะ...เขาสิน่าเชื่อได้
อย่าเชื่อเพราะ...คำครูผู้สอนใจ
ต่อเมื่อไรรู้ผลด้วยตนแล้ว

ธรรมนี้เป็น"อกุศล"ดลให้โทษ    คุณประโยชน์อย่างไรไร้แน่แน่ว
ท่านผู้รู้ตำหนิมิเพริศแพร้ว         มีทุกข์ใจไม่แคล้วท่านควรละ

เมื่อไรท่านรู้ผลด้วยตนว่า          ธรรมนี้ค่าเป็นกุศลผลกระจะ
ธรรมเหล่านี้ปราศโทษโฉดเลยนะ  ย่อมเป็นประโยชน์ถ้าสมาทาน
ธรรมเหล่านี้มีผู้รู้สรรเสริญ        เมื่อเจริญหมดทุกข์ทุกสถาน
ควรถึงพร้อมธรรมนั้นนิรันดร์นาน"
อีกประการสอนบรรดากาลามชน

"อริยสาวกไม่พกโลภ     ทำจิตใจไร้ละโมบมิฉ้อฉล
เว้นการผูกพยาบาทอาฆาตคน   ไม่หลงตนมีสติตรองพิจารณ์
รู้ตัวอยู่  เมตตา  กรุณา  มุทิตา  อุเบกขาพรหมวิหาร
จิตวิสุทธิ์ประเมินเกินประมาณ   เป็นผู้ผ่านอารมณ์เว้นจากเวรภัย
การเบียดเบียนเลิกละทุกประเภท   แผ่ความเมตตาทั่วทิศน้อยใหญ่
สรรพสัตว์เริงรื่นชื่นทั่วไป    ย่อมอุ่นใจอย่างดี ๔ ประการ

ถ้าโลกหน้าเป็นสิ่งมีจริงแท้   ผลกรรมนี้มีแน่หลายสถาน
ตายไปย่อมบันเทิงเริงสราญ   สู่วิมานสวรรค์อันลำยอง

ถ้าโลกหน้าไม่มี...ชาตินี้จบ   ดีชั่วลบไปหมดงดสนอง
ย่อมเป็นสุขปัจจุบันตามมั่นปอง   ภัยทุกข์ผองไม่เบียดเบียนบีฑา

ถ้าการทำบาปกรรมทำแล้วบาป   ความชั่วหยายบ่อมหยุดพิสุทธิ์ค่า
ไฉนทุกข์จักต้องพ้องพานมา    เหตุเพราะว่าบาปใดได้ละวาง

ถ้าทำบาปเท่าไรไม่เป็นบาป    ย่อมเอิบอาบจิตใจไม่มีหมาง
บริสุทธิ์ผุดผ่องทั้งสองทาง"
ทรงสอนอย่างนี้ไว้ให้ประพฤติ.

ดาว อาชาไนย           



































             
                                                               

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, Thammada, พี.พูนสุข, รัตนาวดี

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เสี้ยวอารมณ์จากใจใครคนหนึ่ง
คงไม่ซึ้งจับใจใครทั้งหลาย
แค่มีใครคนหนึ่งซึ้งไม่คลาย
ก็สมหมายใครคนหนึ่งซึ่งรักกลอน
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s