ค่อยๆอ่านทีละบทนะครับ
เพราะว่ามันค่อนข้างเครียด
๑๔. วันหยุดสมอง
เช้าวันหยุดวันเสาร์อาทิตย์เหมือน
ชีวิตเชือนแชว่างช่างแปรผัน
จากงานรัดมัดตรึงถึงศุกร์จันทร์
จู่ๆ พลันงันเงียบเหยียบเยี่ยมเยือน
เคยตาเหลือกรีบแถกแหกขี้ตา
อาบน้ำท่าใส่ชุดเบื่อเสื้อแบบเหมือน
บริษัทจัดให้ไว้ย้ำเตือน
ทุกคนเพื่อนร่วมองค์กรป้อนชีวี
สมาธิเคยมุ่งยุ่งอยู่งาน
เรื่องเมื่อวานค้างบานปานยักษี
เรื่องมาใหม่สุมใส่ร่วมไล่ตี
ยุ่งอย่างนี้สมฤดีมีสำรวม
งานแม้ยุ่งใจนิ่งไม่วิ่งพล่าน
ปรับสันดานงุ่นง่านด้านหลุดหลวม
เพลินปัญหาแก้ไขทุกกำกวม
อารมณ์ร่วมท่วมท้นจนรื่นรมย์
พอวันหยุดยุดยื้อตื้อตันตีบ
ไม่รู้รีบรู้ร้อนนอนทับถม
เจ้านายปล้นสมองเฟือเหลืออาจม
ไร้ด่าชมสั่งเตือนเหมือนไร้เชาวน์
ไร้ปัญญาคิดเองอาทิตย์หน
ด้วยวกวนเป็นกลไกจนขลาดเขลา
หยุดสมองชะงักคิดเป็นนิตย์เนา
หัวซึมเซาเพลาผ่อนอ่อนแรงลง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๕. มุมเวรกรรม
กฎแห่งกรรมใช่คำพูดไพเบี้ย
ส่วนเฉลี่ยแนวคิดวิทยาศาสตร์
กระแสจิตติดกลืนคลื่นอากาศ
ไม่ผิดพลาดเป้าเล็งเพ่งอาจิณ
ถามตัวเองทุกวันไม่ฉันทา
ได้ฝืนฝ่าเพื่ออามิสทำผิดศีล
สร้างเวรกรรมย่ำยีต่อชีวิน
ทั้งหมดสิ้นเพื่อตัวกูผู้หิวโซ
เพราะบาปกรรมมีจริงจงกริ่งเกรง
กสิณเพ่งเปล่งแสงแรงอักโข
ผู้เดือดเจ็บเก็บไว้ในมโน
โกรธโมโหพลังจิตติดต่อไป
แรงอาฆาตเกลียดชังหลั่งไหลท่วม
สู่ศูนย์รวมคนกิเลสเปรตวิสัย
ต้อนเข้าสู่มุมกรรมกระหน่ำภัย
ป่นบรรลัยคนเงื่อนงำทำภัยพาล
เลิกสะสมเวรกรรมซ้ำเติมตน
ทำร้ายคนผุดผ่องจองล้างผลาญ
หลายกระแสหลากพลังรุมรังควาญ
เมื่อสุดต้านด่านแตกแหลกรวยริน
เลิกตะกรุมเข้าขุมมุมเวรกรรม
ผลเหยียบย่ำซ้ำวิบากยากเบือนผิน
อำนาจจิตฤทธิ์ล้นกว่ายลยิน
ประมาทหมิ่นจะภิณท์พังเกินหยั่งเดา
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๖. โบกมือลา
โบกมือลาพระอาทิตย์มิดขอบฟ้า
ลับนภาหายไปในแผ่นผืน
โลกกว้างใหญ่เปลี่ยนไปเป็นค่ำคืน
มืดมนกลืนพสุธาว้าเหว่แดน
โบกมือลาเพื่อนสนิทคนชิดเชื้อ
ร่วมแตกเนื้อแตกพานสำราญแสน
คล้องคอเที่ยวยิ้มหัวทุกทั่วแดน
เคยแนบแน่นแก่นใจใกล้ชิดกัน
เพราะเวลาของเพื่อนมีเท่านี้
รีบริบหรี่ดับหายตายจากฉัน
เร่งสลายกลายเห็นเป็นหมอกควัน
ด่วนดับขันธ์ผันผายหายจากไป
จะจดจำช่วงเวลาฟ้าสว่าง
ร่วมเดินทางสร้างสรรค์วันสดใส
ร่วมชีวิตมิตรภาพอาบเอิบใจ
ด้วยเยื่อใยอาทรไม่คลอนคลาย
เป็นแรงใจใช้ตอนอ่อนกำลัง
หมดพลังต่อสู้สู่เป้าหมาย
ครั้งหนึ่งเคยอิ่มใจไม่เดียวดาย
มีเพื่อนตายเพื่อนแท้แน่นิรันดร์
โบกมือลาคู่หูเคยอยู่ใกล้
จำจากไปใจขาดไม่คาดฝัน
โบกมือลาโชติช่วงดวงตะวัน
สิ้นสุขสันต์อันธการรุกรานมา
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๗. แรงอาทิตย์
เช้าจรดเย็นเข็ญใช้แรงอาทิตย์
เป็นเนืองนิตย์เนิ่นนานผ่านโกฏิชาติ
ไม่เคยจ่ายค่าแรงแสงอำนาจ
ยังผูกขาดผูกใช้อยู่ดาวเดียว
คู่ชีวิตชาวโลกชาวโลภมาก
ร่วมลำบากตรากตรำแนบแน่นเหนียว
พลิกฟื้นดาวท่วมน้ำบอบช้ำเซียว
เป็นดาวเขียวดินดำงามล้ำเกิน
เกิดดาวเคราะห์เหมาะเจาะมีชีวิต
ผู้มากคิดแต่จิตน้อยด้อยขัดเขิน
มีเมียหลวงแรงอาทิตย์ยังคิดเพลิน
ไฟฟ้าเชิญเป็นเมียน้อยใช้สอยเปลือง
เมียใต้ศอกเปลี่ยนคืนเป็นอุจาด
ร่วมสังวาสผัวรักจนหน้าเหลือง
ดาวและเดือนหายไปในแดนเมือง
จารีตเรืองเรื้อไปในแดนรอง
เมืองนีออนซ่อนขมคาวขื่นเหม็น
ไฟฟ้าเป็นเครื่องกวนตะกอนหมอง
ปลุกวิญญาณผีคืนตื่นทำนอง
กามาก้องร้องรำพร่ำเชื้อชวน
แรงอาทิตย์ใช้น้อยจากร้อยล้าน
ยังพลุ่งพล่านหาแรงใหม่ที่ยากผวน
ธรรมชาติให้มาตามสมควร
ลดเลิกกวนยวนย้อมกล่อมใจโคลง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๘. ปางพรหมแดน
อิฐต่ออิฐเรียงชิดเป็นองค์พระ
สิทธัตถะโคตมะพยัตเฉก
ด้วยเลื่อมใสศรัทธาในองค์เอก
ถือวิเวกอุเบกขาวิชชาแจง
ทองต่อทองห่อหุ้มสุกไสว
เรืองวิไลจับตารุจาแสง
รูปบูชาพญาปราชญ์วาดแสดง
ผู้รู้แจ้งดับทุกข์สู่นิพพาน
คนต่อคนกราบไหว้เลื่อมใสมั่น
นับหมื่นพันน้อมกราบตามเรียกขาน
เบญจางคประดิษฐ์สถิตนาน
คู่วิญญาณพุทธมามกะชน
ธูปต่อธูปโหมหอมพะยอมกลิ่น
เป็นอาจิณสมาจารนานพหล
ดอกต่อดอกเรียงรายไม้มงคล
ดั่งกมลสงบใจในศรัทธา
จนเกิดแต่งแบ่งเชื้อแยกชนชาติ
ถืออุบาทว์คล้องคาดศาสนา
ดาบต่อดาบไล่ฆ่าแต่นั้นมา
อวิชชาแบ่งเทือกเถาเข้าทดแทน
พุทธรูปปางไหนคนไหว้กราบ
อีกคนหยาบจาบจ้วงป่วงป่วนแสน
เผาองค์พระมอดไหม้ด้วยใจแคลน
ปางพรหมแดนปางใหม่ในโลกโทรม
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๙. หนีห้องหนัก
คำสั่งนายเข้าประชุมกุมขมับ
คณานับซับซ้อนเรื่องร้อนหัว
กำไรหายขายขัดหนี้รัดตัว
อีกเกลียดกลัวคู่แข่งแย่งกำไร
เดินเรียงแถวเข้าห้องประลองยุทธ์
หมายขูดขุดคิดเห็นเข็นข้อไข
เสนอดีวิสัยทัศน์วัดกว้างไกล
หน้าบานใหญ่อื้ออลบนเวที
เวทีคิดเวทีปากลำบากแสน
พร้อมดูแคลนแค่นแคะแขวะเสียดสี
ความรู้เธอรู้ฉันมันห่างปี
อย่าทำทีปีนเกลียวคนเชี่ยวโชน
นั่งหน้าเคร่งเร่งคิดประดิษฐ์หัว
เคยบอกยั่วบอกไว้ไร้หัวโขน
ยุสร้างสรรค์ปั่นอุบายคล้ายแกล้งโดน
มัดมือโยนลงสนามสงครามศักดิ์
นั่งประชุมคุมใจให้อยู่ที่
ด้วยอยากหนีอยากออกนอกห้องหนัก
ปลีกหลีกพ้นคนเปรื่องเรื่องมากนัก
ฝันทะลักหลามไหลไกลประเด็น
ประตูห้องจ้องอยู่ดูยั่วเย้า
กระโดดเข้าโลกจ้อยน้อยคิดเห็น
ลงมือทำล้ำกว่าพูดเช้าเย็น
ขี้ฟันเหม็นกระเด็นเกลื่อนเปื้อนปัญญา
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๐. โอกาสดี
เหมือนแสงส่องต้องตายามมืดมิด
เพียงน้อยนิดติดไฟให้ความหวัง
เหมือนของหวานกินเติมเสริมพลัง
ยามเซซังประทังแรงตะแบงเดิน
โอกาสมาเวลาอาการแย่
อารมณ์แพ้อบอวลป่วนขัดเขิน
มองไม่เห็นชะตาน่าเผชิญ
อีกบังเอิญไม่คาดฝันผันเหตุการณ์
โอกาสมาเวลาอาการยอด
อารมณ์ปลอดโปร่งโล่งโยงฝันหวาน
มองไม่เห็นทองเป็นตั้งอลังการ
ไม่ประสานพรสวรรค์ดันชำนาญ
อย่าทำลายโอกาสด้วยโอชา
อย่าเริงร่าเบี้ยบ้ายทำลายขวาน
พบไม้งามเมื่อคมบิ่นสิ้นเชี่ยวชาญ
เสียวิญญาณบันดาลไว้ให้ต่างกัน
รอโอกาสที่เป็นโอฬารึก
เป็นเรื่องนึกหวังไว้เรื่องใฝ่ฝัน
ไม่ว่าคอยมาน้อยนิดหรือกัปกัลป์
ฉกฉวยพลันมั่นไว้ในแนวทาง
โอกาสดีแวบมาเหมือนโอภาส
อย่ามัวขลาดเขลาขันหันรีขวาง
ผ่านไปแล้วแคล้วคลาดพลาดผิดทาง
ปลิวเคว้งคว้างห่างไกลจากใจปอง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๑. พิโรธผี
สัญญาณโกรธโทษร้ายทำลายล้าง
คนเคียงข้างห่างหนีไมตรีสูญ
บริวารกร้านเก็บกดงดเทิดทูน
ตัวเสียศูนย์สูญหายหลายปัจจัย
โทสะหมุนดุลพินิจผิดทิศทาง
เคยเที่ยงกลางกลับขวางคิดวินิจฉัย
พิเรนทร์เพี้ยนเปลี่ยนสัตย์ตัดสินใจ
คล้ายกลับวัยสู่เด็กดื้อถือเยโย
พิโรธผีที่มาหาให้เห็น
ประโยชน์เป็นช่วยระงับดับโทโส
บ้างท้องหิวอดนอนบ้างอดโว
บ้างผิดโผพลิกคาดวาดวิมาน
อารมณ์ร้ายป้ายผิดดีเอ็นเอ
เป็นพื้นเพจากพ่อแม่แฉรากฐาน
หรืออบรมอ่อนจางสร้างสันดาน
หรือสัญญานบอกไว้ให้โกรธา
เปลี่ยนสัญญาณเปลี่ยนใหม่กันได้แล้ว
อย่าติดแร้วแผ้วป่วงบ่วงมิจฉา
หยุดเคยชินเรื่องนี้คือที่มา
ภูตผีบ้าผีโกรธโทษเรื่อยไป
เหมือนแข่งขันตัวตนพ้นความเคย
ดุจเปรียบเปรยผีเสื้อเถือรังไหม
แหวกออกสู่โลกกว้างทางบินไกล
ไร้เงื่อนไขนายอารมณ์อาจมใจ
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๒. หาตัวเอง
หาตัวเองหาไปทำไมหรือ
เพียงรู้ชื่อรู้กำพืดยืดเชื้อสาย
น่าเพียงพอเกิดมาสะดวกดาย
เดี๋ยวก็ตายหายสิ้นแผ่นดินกลบ
หาตัวเองหาไปให้เหนื่อยยาก
เหมือนรู้มากลำบากเติมเพิ่มกระทบ
แค่หากินหาอยู่คู่ประสบ
ก็เกินงบเกินเวลารักษาพงศ์
คิดแค่กินแค่อยู่มีคู่ขวัญ
คิดตามกันวิญญาณใจจึงหายหลง
เหมือนเสือช้างสัตว์ป่ามาอยู่กรง
โอหังปลงปล่อยจมูกให้ผูกเดิน
วิญญาณใจหล่อเลี้ยงวิญญาณโลก
หมุนสุขโศกโยกดีร้ายคลายขัดเขิน
มีงานศิลป์งานประเสริฐงานพิศเพลิน
เรื่องบังเอิญเรื่องตั้งใจให้เผ่าพงศ์
พบตัวเองพบแรงหมุนหนุนโลกสวย
เต็มเม็ดหน่วยงานที่รักของที่หลง
ทุ่มเทกายใจจิตก่อนปลิดปลง
สมประสงค์กำเนิดมาฝ่ากบิล
จะคลั่งรักปักใจใฝ่โจรปราชญ์
หรือผูกขาดวาดฝันสรรสร้างศิลป์
หรืองกงันปั่นเงินเกินหมดกิน
ทุกสิ่งสิ้นจงทำไปให้เต็มแรง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๓. ละครฟ้า
ตะวันลาลับหลีกปลีกขอบฟ้า
ทิ้งมายานภาย้อมพลอมแพลมแสง
ส้มชมพูอาบอัมพรก้อนเมฆแดง
ฉากจำแลงแสดงลวงบ่วงดวงตา
ตะวันทาสีงามทาบทามเนตร
สีวิเศษย้อมประโลมโลกผืนฝา
ลวงมนุษย์กิเลสมากอยากบังตา
ระเริงร่าแสงอุบายฉายฉากมนต์
กระทั่งดวงอาทิตย์ยังคิดหลอก
เล่นกลับกลอกฟอกฟ้าน่าฉงน
นับอะไรมวลมนุษย์ชำรุดคน
มุ่งฉ้อฉลเป็นอาจิณร้อยลิ้นลาย
ละครฟ้าแสดงถึงละครโลก
ละครโรคมะเร็งปากหลากลิ้นหลาย
ทุกท่วงท่ามากเล่ห์เพทุบาย
มารยากลายเป็นสามัญมรรยาทคน
ทั้งมรรยาทมารยาเหมือนฟ้าสวย
งุนงงงวยแยกลำบากยากสับสน
ว่ามาดีมาร้ายหรือปลอมปน
ลีลาคนลีลาฟ้าลีลาใด
อยู่ใต้ฟ้าบนเวทีไม่หนีพ้น
ละครคนละครฟ้าน่าสงสัย
ล้วนแสดงแต่งเติมเสริมกลไก
ต้องตรองไตร่อย่าหลงตามมายาลวง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๔. กระเบื้องคน
เป็นมนุษย์มนาค่ากระเบื้อง
ดินเผาเครื่องผ่านไฟได้เนื้อแข็ง
อีกประดุจขุดมาศิลาแลง
เป็นอิฐแกร่งแปลงเนื้อเมื่อพ้นดิน
กระบวนการขั้นตอนสอนผู้คน
รู้อดทนทานเทียบเปรียบก้อนหิน
เรียนอดกลั้นเชี่ยวชาญเพดานบิน
เพื่อพ้นถิ่นมิจฉาโกรธานนต์
แต่สังคมเอาเปรียบเหยียบทับถม
ด้วยนิยมแข่งขันบรรลุผล
จ้องจังหวะกระหน่ำย่ำหัวคน
ใช้เล่ห์กลเพื่อตัวกูสู่ผู้นำ
เป็นมนุษย์ปุถุชนใช่โคลนเน่า
ให้ย่ำเท้าเย้าหยามตามใจหนำ
แต่เป็นของแข็งบาดพลาดทิ่มตำ
ยามล่วงล้ำทำแตกกระแทกชน
กระเบื้องคนทนทานงานเหนือหัว
กำหนดตัวแข็งขันกันแดดฝน
เป็นหลังคาหน้าที่มีเบื้องบน
มีชั้นชนศักดิ์ศรีมีที่ทาง
กระเบื้องคนเปราะบางยามย่างเหยียบ
เอารัดเปรียบจำกัดอีกขัดขวาง
เหมือนของสูงลงสู่ที่เดินวาง
รอยบาดหมางบาดลึกเกินตรึกตรอง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๕. คนขั้วบวก
สัตว์สังคมก้มหัวให้พวกพรรค
ร่วมปกปักรักษากลุ่มคุ้มเชื้อสาย
สืบทอดหวังตั้งมโนนโยบาย
ร่วมใจกายดำรงเหง้าเผ่าอ่อนแอ
เผ่าอ่อนแอแพ้ลำเค็ญเห็นแก่ตัว
สัญชาติกลัวเล่นพวกพ้องเป็นของแหง
ทั้งเผ่าเอกพันธุ์ประกอบหมอบกระแต
ยอมพ่ายแพ้สันดานเก่าเข้าพวกกัน
โลกโบราณผ่านมาถึงยุคใหม่
พ้นนิสัยก่อนเก่าเข้าพวกฉัน
โลกหมดยุครักษ์สาแหรกแยกเผ่าพันธุ์
เลิกปิดกั้นพวกมึงกูชูคนจริง
เพราะการเล่นพรรคพวกทำปวกเปียก
สิ้นสำเหนียกสร้างสรรค์จากพันธุ์สิงห์
เหมือนญาติมิตรพี่น้องข้องแอบอิง
ผิดท้วงติงได้ลูกด้อยต่ำต้อยเชาวน์
เพราะคนเคร่งเก่งกล้าไม่บ้าพวก
คนขั้วบวกโดดเด่นเช่นภูเขา
ที่อยู่ใต้เพียงแผ่นฟ้ามานานเนา
ไม่เคยเข้าหลบอยู่ใต้ภูใด
โลกต้องการคนเก่งมาเร่งสร้าง
หาหนทางอยู่รอดปลอดสิ้นขัย
อย่าปิดกั้นสามารถด้วยขลาดใจ
ใช้เงื่อนไขสมัยเก่าเอาพวกตน
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๖. โรงแรมหรู
ชีวิตคือเดินทางตามอ้างกล่าว
หลายครั้งคราวก้าวผิดเข้าทิศหลง
หลายครั้งคราวท้อถดหมดแรงลง
แทบปลิดปลงในชุมชนคนวุ่นวาย
การเดินทางต้องมีที่หยุดพัก
มีตั้งหลักหักลบกลบเหนื่อยหาย
อาบน้ำท่าเปลี่ยนผ้าผ่อนนอนสบาย
หย่อนใจกายคลายเคร่งเร่งแรมรอน
เลือกโรงแรมชีวิตคิดดีหน่อย
หลังนิดน้อยเรียบง่ายหน่ายเหนื่อยถอน
เหมือนเรือนบ้านสถานคุ้นอุ่นอาทร
ช่วยคนจรถอนล้าว้าเหว่ใจ
เลือกโรงแรมหลังหรูดูหรูหรา
ผิดหูตาผิดฝาตัวกลัวอาศัย
ผิดเคยคุ้นหนุนนอนผ่อนฤทัย
ผิดปราศรัยวินัยเคร่งเบ่งอวดโต
มีโรงแรมมากมายให้เลือกพัก
เช่นการหักห้ามใจใฝ่สุขโข
โลภหลงโกรธโฉดพล้ำด้วยธัมโม
ผ่อนมโนหยุดมิจฉามารยามาร
โรงแรมหรูจู่โจมใจใหลหลง
เฝ้าพะวงตามนิยมถมพร่าผลาญ
จับจ่ายหนักด้วยคิดจิตสำราญ
กลับพบพานทะยานอยากมากทุกที
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
| ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
|
05 ธันวาคม 2025, 02:02:PM
|
|||
|
|||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: หลับฝันดี (อ่าน 29527 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email:





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า