Re: หลับฝันดี
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
14 มิถุนายน 2024, 12:10:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: หลับฝันดี  (อ่าน 23518 ครั้ง)
deja
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79


http://book.truelife.com/publisher/เดชา-เวชชพิพัฒน


« เมื่อ: 17 เมษายน 2010, 01:06:PM »

คุณ taxamon และคุณ จีโฮโต้หยิน
ขอบคุณที่ทำให้ประหยัดค่าอาหารไปได้หลายมื้อ ...
และขอขอบคุณด้วยบทกลอนที่เคยโพสต์ก่อนหนานี้ครับ

๒. สันโดษแดน

บ้านหลังนี้บังฟ้าอากาศหนาว
ด้วยฝาขาวยาวตลอดลอดลมไหว
ฝาอากาศขาดคนมาใส่ใจ
เป็นตึกไร้จับจองของได้มา
ตึกทึนทึกทะมึนมัวทั่วเมืองหลวง
อาคารลวงสถานหรูกู่เคหา
นิวาสร้างสร้างบนเงื่อนเงินตรา
นิราศพาคนจรอยู่นอนกิน
ทั้งยาเสพย์อาชญาหมาจรจัด
ร่วมรังวัดตัดแบ่งแท่งปูนหิน
นั่นที่นอนที่อยู่ที่ประทิน
ทั้งหมดสิ้นดิ้นอยู่แค่หนูตาย
ที่ปีชวดเพราะชวดที่จากท่านชวด
ไร้ทรัพย์อวดนับหน้าค่าหลากหลาย
ต้องอาศัยตึกเปลี่ยวเที่ยวเร้นกาย
หลบซ่อนอายว่ายวนจนด้านชา
ฉินนิเวศน์ติเตียนผู้อาศัย
คนหลากภัยมากพิษพวกมิจฉา
เป็นแหล่งรวมเหล่าร้ายนับนานา
มองอีกตาแดนวิเวกเสกภิรมย์
สันโดษแดนชื่อควรเรียกอีกปาก
คนใจจากตัดพรากรากสร้างสม
กินอยู่ง่ายไร้ห่วงบ่วงอาจม
ควรสังคมชื่นชมกว่ากรมใด

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๓. แสงอัตตา

เจ้าความรักความหลงจากดงไหน
มาผูกใจพันไว้มุมสลัว
มามอมเมาเป่ามนต์จนมึนมัว
ทั้งกล้ากลัวระรัวเพลงเร่งลุ้นลอง
เพลงลุ้นหนุนเพลงลองทำนองหลาก
เพลงลำบากเล่นรวดปวดสมอง
รักพลาดรักอกหักจักตานอง
รักสมปองดั่งทองทาบทาใจ
ดนตรีรอล่อไว้ในมุมมืด
ทั่วกายฝืดขัดแข้งไร้แรงไส
คู้จับเจ่าเฝ้ารอความเป็นไท
แถลงไขความในใจได้ลีลา
ในมุมมืดลีลาศไม่ขาดสิ้น
มีเพลงพิณบรรเลงเพลงตัณหา
มีแสงทองส่องแยงแสงอัตตา
ปลุกมิจฉาว้าวุ่นหมกมุ่นปอง
แสงอัตตาอัดแรงตะแบงอยู่
ลุ้นรักคู่สู่สมภิรมย์สอง
ลุ้นวิญญาณชิดชู้อยู่ร่วมครอง
ตามครรลองสนองเหงาเฝ้ารอคอย
เจ้าความรักความหลงจากดงมืด
เจ้าช่วยยืดลมใจไกลอีกหน่อย
ช่วยส่องแสงบอกทางคนเลื่อนลอย
คนท้อถอยคอยรักจนดักดาน

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์


๔. มุมนอนมอง

ตาต่อตาสบกันในชั้นเท่า
เจ้าต่อเจ้ามองกันไม่หวั่นไหว
ไพร่ต่อไพร่จ้องกันไม่หวั่นใคร
วัยเท่าวัยเห็นกันไม่พรั่นพรึง
ยืนต่อยืนนั่งต่อนั่งหยั่งเชิงได้
ใจต่อใจวัดกันปั่นเครียดขึง
นอนต่อนอนดูกันเกิดรัดรึง
แต่เป็นหนึ่งซึ่งรู้คิดนอนพิศมอง
นอนดูดาวบนฟ้าจ้าจรัส
เห็นแจ่มชัดทั่วนภาฟ้าไร้หมอง
ล้านดาราร่วมกระพริบละลิบนอง
ด้านที่สองของมุมมองตรองเป็นครู
มองเรื่องราวเล็กใหญ่ให้มองฟ้า
ที่นภาหาสิ้นสุดลูกตาหู
โลกเปรียบเป็นฝุ่นละอองของผาภู
เรื่องตัวกูกระทู้ใดเท่าไข่แมง
จงมองเหตุมองผลพ้นหลังคา
ของบังตาของยึดติดฤทธิ์แอบแฝง
ตาต่อตามุมเทียมเท่าเย้ายุแยง
เรื่องร้ายแรงมีที่มาจากมุมมอง
มุมมนุษย์พิศุทธิ์ได้ด้วยมุมฟ้า
มุมปัญญาเปิดกว้างทางทุกผอง
ทางช้างเผือกใหญ่กว่าอัตตาครอง
ฝุ่นละอองอวกาศผงาดใย
            
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
            
๕. ในห้องหนาว

ผนังขาวคลุมครอบพนักงาน
ใช่คนพาลคนผิดคนคิดโทษ
เป็นเพียงผู้เรียนมาเพื่อเดี่ยวโดด
มีรุ่งโรจน์เป็นมุมมองนอกห้องกรง
หลอดขาวนวลแท่งยาวแทนอาทิตย์
แสงส่องผิดฟ้าฝ้าแฝงประสงค์
ลมเคมีเป่าอ่อยปล่อยไอปลง
แรงเคยคงลงไปในห้องกลอน
ผู้ควบคุมความประพฤติยึดอำนาจ
เพียงกระดาษเงื่อนไขใบปลิ้นปล้อน
แผ่นม่วงแดงผู้กำหนดอดหลับนอน
ผู้ลิดรอนปีกชีวิตป่วยปลิดปลง
ปีกชีวิตบิดงอในห้องหนาว
ปีกเคยขาวคล้ำหม่นขนปลิวหลง
เคยโอบแอบแนบแน่นแผ่นอกทรง
มาทิ้งลงทิ้งปล่อยคอยสิ้นงาน
กำหนดโทษกำหนดไปไร้ทิศา
กำหนดมาตามนิยมสั่งสมสาน
กรงเวลาขังลืมนานเนิ่นนาน
กุญแจด้านกุญแจใดไขออกมา
ผนังขาวผนังผิวจางซีดแล้ว
ลมใจแผ่วแรงกายอ่อนอ้อนโหยหา
มุมมองนอกห้องกรงเคยคุ้นตา
มุมระอามองใกล้ไกลไม่พบเจอ

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๖. ศึกดวงตา

ทุกคนมีตาตำหนิติเตียนอยู่
จ้องมองดูรู้ทันแม่นมั่นหมาย
ประพฤติผิดคิดบาปทำหยาบคาย
มากอุบายหลายหน้าท้าเวรกรรม
ตาคู่นี้มีค่ากว่าที่คิด
ตักเตือนจิตห้ามใจไม่ถลำ
ดึงสติไม่ริชั่วหัวคะมำ
ตัวตกต่ำย่ำอาจมล้มคลุกคลาน
อย่าปิดตาตักเตือนบิดเบือนชั่ว
รู้จักกลัวมัวหมองจ้องล้างผลาญ
รู้ละอายบาปกรรมอำนาจมาร
ทำลายญาณค้านวิมุติพุทธองค์
จงสบตาเจ้าชีวิตพิศพิเคราะห์
ทำเหมาะเจาะเกาะกุมไม่ลุ่มหลง
หรือประพฤติยึดต่ำถลำลง
เข้ารกพงวงจรร้อนทุรน
จงสบตาพ่อแม่และญาติมิตร
ด้วยดวงจิตไร้มิจฉาพากุศล
ไม่ตะขิดตะขวงห่วงกังวล
ด้วยกมลหม่นหมองข้องเกี่ยวทราม
จงสบตาตัวเองไม่เกรงเขิน
รับสรรเสริญเจริญล้นพ้นเหยียดหยาม
ภาคภูมิใจในเคร่งครัดบัญญัติงาม
ด้วยทำตามจิตสำนึกศึกดวงตา

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
         

๗. คนสุดโต่ง

คนสุดโต่งโจ่งแจ้งแสดงชัด
อารมณ์จัดสัมผัสง่ายคลายฉงน
เหมือนรูปวาดบาดตาทาสีชน
ฟ้าเข้มข้นดำขำขลับขาวจับตา
เหมือนหนังสืออ่านง่ายสบายหัว
สอดหัวร่อใส่หัวรื่นชื่นเนื้อหา
เพลินอารมณ์สรวลเสคำเฮฮา
ไร้มารยาหน้าหลังกังขาแคลง
บางครั้งเหมือนพายุอุบัติไว
จะมาไปไม่รู้ตัวทั่วกำแหง
โมโหโกรธโหดหนุนหุนหันแรง
ดุจเพลิงแดงน้ำมันราดสังวาสกัน
   ยามซาบซึ้งตรึงใจเรื่องใดเข้า
เหมือนมัวเมาเหล้าร้ายทำลายขวัญ
หลงจนลืมปลื้มจนเลือนเลื่อนคืนวัน
ภูมิคุ้มกันสามัญคิดปิดดับตาย
คนอารมณ์ข้นเข้มเต็มเม็ดหน่วย
มักร่ำรวยเพื่อนสนิทมิตรสหาย
ด้วยมองเห็นทองคำประจำกาย
บอกความหมายจริงใจในอุรา
   คนชัดเจนเล่นชีวิตจนมิดด้าม
ไม่ครั่นคร้ามหวั่นไหวไร้กังขา
ด้วยหัวใจใสแจ่มแย้มปรัชญา
ทั่วผืนหล้าคือผืนเสื่อเกลื้อเกลือกมัน

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๘. เช่าชีวิต

เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนหมาล่า
เนื้อโอชารสล่อกลิ่นฉ้อฉล
ผลตอบแทนแผนเท่ห์ร้อยเล่ห์กล
อุบายคนกินคนชนชั้นเชิง
เป็นเทวาเงินผ่อนนอนครึ่งตา
อยู่พาราเมืองเทพเสพย์หลงเหลิง
เช่าชีวิตเขาอยู่อู่บันเทิง
รื่นระเริงเหลิงลอยด้วยน้อยเชาวน์
เป็นลูกจ้างขื่นขมก้มไถหว่าน
สร้างผลงานผลประโยชน์ให้โคตรเขา
เป็นลูกแถวไร้วันหน้าปัญญาเบา
เป็นผู้เช่าชีวิตจากเจ้านาย
เช่าชีวิตหัวโขนมาสวมใส่
หัวจัญไรเสือกไสไม่หลุดถอน
หน้ากากมารครอบสนิทฤทธิ์บั่นทอน
ดุจแร้วกลอนฉุดไว้ในวนวัง
วิสัยทัศน์ความคิดถูกปิดกั้น
ด้วยเชื่อมั่นเงินตราพาวาดหวัง
ทั้งเงินเดือนโบนัสอัดกำลัง
ขุดหลุมฝังความตั้งใจในชีวี
เป็นมนุษย์เงินเดือนต้องเตือนตน
อย่าหลงกลฝังรากฝากไข้ผี
กับเหล่าเหลือบเคลือบคลุมกุฎุมพี
เสือกไสตีบี้ไล่เห่าเอาแต่ตน
            
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๙. กำแพงคน

รอบรอบตัวมีคนอยู่มากมาย
รอบรอบกายหลากหลายมาห้อมล้อม
รอบรอบหูพูดฉุยคุยออมครอม
อยู่พรักพร้อมจอมเจ้าเฝ้าตระเวน
ฟังคนโน้นยินคนนี้มีหลากเรื่อง
ที่ประเทืองปัญญาน่าคิดเห็น
อีกเหตุการณ์ตรงเป้าเข้าประเด็น
แต่เหลือเข็นคือนินทาแอบว่ากัน
   อยู่กับคนมากมายทั้งซ้ายขวา
น่าอิจฉาเพื่อนพร้อมย้อมสุขสันต์
กลับรู้สึกอ้างว้างขึ้นกลางคัน
เหมือนติดจั่นคนนั้นนี้มีกำแพง
   กำแพงคนกั้นคนแม้ชนหน้า
มีเส้นผ่าเรื่องแบ่งแยกแขนง
ปากพูดคุยแต่ใจไหวระแวง
เรื่องไฟแดงไฟเขียวเลี้ยวให้ดี
   กำแพงคนทำคนเดี่ยวเดียวดาย
ไม่สบายเหมือนอยู่เพื่อนสูสี
ไม่คล่องใจสะดวกปากหลากท่าที
เรื่องโน้นนี้พูดไปใจบอกมา
   รอบรอบตัวแม้มีคนอยู่มาก
แต่ก็อยากหลบหลีกปลีกไปหา
เพื่อนสนิทชิดชอบตอบเฮฮา
ทุกวาจาพูดไปไม่ลิ้นเกร็ง
                        
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
   
๑๐. โรคศรัทธา

เคยมากมีศรัทธาต่อผู้คน
ทุกชั้นชนเลื่อมใสในจิตสวย
โน่นคิดดีนั่นคิดงามตามอำนวย
กลับมอดม้วยหมดเลื่อมใสใคร่โรมรัน
   เคยมองเห็นเพื่อนโลกโฉลกถูก
คิดพันผูกปลูกทางสร้างสิ่งฝัน
ให้ปรากฏงดงามตามสัมพันธ์
กลับหยามหยันกั้นปิดติดเงื่อนปม
   เคยบ้างานเชี่ยวชาญหลากหน้าที่
ทุกนาทีทุ่มใจกายหมายสุขสม
หามรุ่งค่ำย้ำสังคมบ่มนิยม
กลับเลิกล้มซมเบื่อเหลืองานทำ
   เคยมุ่งรักหมายหวานเบิกบานจิต
สวาทฤทธิ์สร้างหวังพลังหนำ
อารมณ์หวานซ่านซาบฉาบใจกรำ
กลับชอกช้ำกล้ำกลืนฝืนสืบพันธุ์
   เคยดูหนังมหรสพจบสนุก
คละเคล้าคลุกสุขเศร้าเขย่าขวัญ
ผสมโรงอารมณ์ใส่ใจพัวพัน
กลับแปรผันหยันด่าว่าเปิ่นเชย
   โรควิกฤตศรัทธามาระบาด
โรคอุบาทว์พิฆาตใจให้นิ่งเฉย
ซังกะตายไร้พลังดั่งเปรียบเปรย
เอ้อระเหยเลยตามเลยจนเคยตัว

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๑๑. ของเห่อเหิน

ใส่เสื้อยืดรองเท้าแตะแวะตลาด
ชมชาวกาดขายคาดวาดยอดขาย
ขนมต้มหมูแดงแกงปลากราย
กุ้งหอยลายไส้หมูปลาทูนา
   แหล่งของสดแม่ค้าหน้าผ่องใส
ผู้ใครใคร่ค้าใดก็ได้ค้า
ทั้งแกงไก่แกงเป็ดขนมยา
ของต้องตาน่าลองของถูกปาก
   ถิ่นชาวบ้านค้าขายจับจ่ายซื้อ
ไม่ยึดยื้อแผนขายมากหลายฉาก
ไม่มุ่งแข่งตามเป้าเฝ้าเพียรพาก
จนยุ่งยากมากเรื่องเปลืองปัจจัย
   เดินตลาดชาวบ้านร้านขายซื่อ
ราวฝึกปรือมุมมองลองสงสัย
ธุรกิจผลิตขายแข่งประลัย
ทุกขวบวัยใช้ของสนองเกิน
   ทรัพยากรมีอยู่เท่าดูเห็น
ยังใจเย็นเฟ้นเป็นของเห่อเหิน
ผลิตโน่นขายนี่เซ่นผีเงิน
ไม่หยุดเพลินจะเหมือนเดินบนเนินภัย
ตลาดสดหมดจดเรื่องเปลืองสิ้น
ทำพอกินทรัพย์สินไม่สิ้นขัย
อยู่ตรงไหนใช้ตรงนั้นทุกที่ไป
เลิกกินใช้ตามอย่างเขาวางลวง

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๑๒. คนคู่แท้

เชื่อว่าโลกนี้มีคนเคียงคู่
ร่วมกินอยู่สร้างสมภิรมย์สอง
ร่วมทุกข์สุขรักหลงร่วมปรองดอง
ประคับคองซึ่งกันทุกวันวาย
จึงเฝ้าหาเฝ้าสนคนเช่นว่า
“โซลเมต”หน้าตาใดให้ขวนขวาย
เขาว่าคู่แท้ถ่องเป็นของตาย
ต้องคลับคล้ายละม้ายเหมือนเตือนใจจำ
ทั้งหน้าเหมือนหน้าต่างถึงหน้าแปลก
ทำหน้าแตกแหกปลดกฎน่าขำ
เจอะเจอแล้วหลายพักตร์ล้วนปรักปรำ
เหมือนผีอำเย้าหยอกหลอกลำเค็ญ
คนเคียงคู่อาจอยู่ไม่ไกลใกล้
คนที่ใช่อาจเห็นเหมือนไม่เห็น
คนคนนี้หยอกเย้าทุกเช้าเย็น
มัวเลือกเฟ้นละเว้นเป็นคนเคย
คนคุ้นเคยเฉยชืดจืดสนิท
ไม่พลาดผิดแม่นยำคำเฉลย
เช่นลูกไก่ในมือกำคำพังเพย
จึงละเลยเขนยคุ้นหมดลุ้นลอง
   คนคู่แท้แน่แน่วอยู่แถวนี้
คนโชคดีบุญมีศรีสนอง
จึงมองเห็นมองลึกรู้ตรึกตรอง
รู้ค่าทองสายสร้อยห้อยใกล้ใจ

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

๑๓. ดวงดอกหรีด

ดวงดอกหรีดกรีดบานนับนานเนื่อง
เกลื่อนกลบเรื่องเร้นราวปกปิดซ่อน
เหลือเพียงซากที่ยังแต่ลมรอน
ขยับก่อนตายจมลมปากใคร
บันไดเมรุเอนนั่งหวังเคยคุ้น
วันหมดบุญสิ้นกรรมคงนำใกล้
ได้เผาผีเชื้อชั่วตัวจัญไร
ได้หนีไกลสังคมกามตามทำลาย
ในห้องมืดยืดเวลาพาหมองหม่น
ในสับสนใกล้สิ้นแล้วทุกลมหาย
ในที่นอนหมอนฟูกผูกกลิ่นอาย
กรุ่นกลิ่นตายกลิ่นดับระงับลง
หยดน้ำเกลือหยดแล้วก็หยดเล่า
หยดว่างเปล่าหยดไปในร่างหลง
ทั้งแขนแมนเนื้อตัวร่วมปลดปลง
ปลิดร่างทรงวิญญาณเวรเจนกามา
แผ่นไม้บางตีกรอบอยู่รอบร่าง
แผ่นกระด้างกั้นกันแดนตัณหา
ดับกิเลสดับทุกข์อวิชชา 
หยุดเวลาร้อนเร่าหยุดมัวเมา
ไฟเอ๋ยไฟจงมาลามเลียร่าง
ทำลายล้างดอกหรีดดวงกรีดเศร้า
เผาให้สิ้นร่างลวงดวงใจเบา
ขจัดเขลาสาบส่งสังคมกาม

ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

รพีกาญจน์, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s