
คุณสียะตราว่าก็ถูกนะครับ ทำหมันคือการตัดไฟแต่ต้นลม ผมมีความคิดอย่างนี้เมื่อ แม่หมามาจากบ้านอื่น แต่มาสนิทกับเจ้าตูบศักดิ์ เมื่อเขาเป็นสัด ก็เลยอยู่ที่บ้านนี้ ก็เลี้ยงดูเขามาตามมีตามเกิด จนคลอดลูกออกมา ๗ตัว ออกมาได้สิบกว่าวัน ก็พากันมานอนสนามหน้าบ้าน ลูกสะใภ้ขับรถมาธุระตอนกลางคืน ไม่รู้ว่ามีลูกหมา ก็ทับตายไปซะสองตัว เหลือห้าตัว ก็เลี้ยงกันมากำลังอ้วนดีๆกำลังน่ารัก ผมขับรถเข้าบ้านช้าๆอย่างระมัดระวัง แต่เจ้าตัวหนึ่งวิ่งลอดใต้ท้องรถไม่เห็น ตายไปอีกหนึ่ง เหลือสี่ตัว เอ๊า..ไปกินยาเบื่อมาอีกตายอีกสองตัว การเลี้ยงลูกหมาน้อยๆที่เขามาเกิดกับเรานี้ ท่ามกลางเสียงบ่นเสียงด่าของมนุษย์ผู้ไม่มีเมตตาต่อสัตว์ พอดีมีคนมาขอ ก็เลยต้องให้เขาไปทั้งๆที่แสนรักแสนอาลัยเขามากๆ พอเขาไปได้สิบกว่าวันไปเยี่ยมโอ๊ย...ทั้งหมาทั้งคน พอเห็นหน้ากัน มันตะกุยตะกาย หยอกเล่นกับมันด้วยความสุขที่สุด แต่ก็ต้องทำใจ เพราะเขาไปอยู่กับคนรักสัตว์แล้ว
เจ้าตูบศักดิ์มันเพิ่งเริ่มเป็นหนุ่มแตกพาน ก็ได้เป็นพ่อหมาแล้ว ตอนนี้มันเป็นหนุ่มเต็มที่ กำลังห้าว คิดว่าจะเอาไปทำหมันซ้า...แต่พอเห็นความคึกคะนองของมันแล้วก็คิดถึงตอนที่เราเป็นหนุ่ม ก็อยากจะมีความสุขบ้างตามประสาสัตว์โลกผู้ยังติดอยู่ในโลกียะสุข ครั้นจะไปตัดความสุขของเขาก็เกรงจะเป็นบาปกรรมเหมือนคุณรพีว่า ก็เลยจะปล่อยเขาไปก่อน ส่วนแม่หมานั้น มันคงจะมีจิตใต้สำนึกที่เคยถูกตีมาแต่เล็กๆ มันไม่คุ้นเอาซะเลย ทั้งๆที่ให้ข้าวให้น้ำทุกๆวัน คงจะจับไปทำหมันไม่ได้ ก็ต้องรอรับเลี้ยงลูกๆของเขาต่อไปด้วยความสุขสนุกสนาน กับการได้หยอกล้อกับสิ่งไร้เดียงสาต่อไป ท่ามกลางเสียงบ่นเสียงด่าของมนุษย์รอบข้างอีก นี่แหละชีวิตอีกมุมหนึ่งที่มีความสุขกับสัตว์เลี้ยง อ่ะนะ
ไพร พนาวัลย์






ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า