จะรอ ติดตามอ่านเรื่องของเจ้าโชคดีจากคุณรพีกาญจน์นะครับ ระหว่างนี้ ก็จะเล่าเรื่องหมาๆของผมให้ฟังกันไปก่อน เนาะ
ผมก็เผอิญต้องรับเลี้ยงลูกหมา ที่เขามาเกิดในเขตบ้านถึง ๕ตัวตั้งแต่เล็กๆ ตัวผู้๓ ตัวเมีย๒ ตัวเมียให้ชื่อว่า “อีลำยอง” (เพราะจองหองเขามากๆ) กับ”น้องใบเตย” รู้สึกมีความสุขกับความไร้เดียงสาของพวกเขาจังเลย ถึงแม้จะพากันดื้อ คาบรองเท้าไปกัดเล่น (สมกับที่เขาเรียก หมาคาบเกิบแท้ๆ
) คาบเสื้อผ้าที่ลมปลิวตกไปกัดเล่น อีกหลายๆพฤติกรรมที่คนไม่รักหมารังเกียจมากๆ แต่ผมไม่เคยโทษพวกเขาเลย เพราะว่าเขาเป็นหมาจะมาบอกมาสอนเหมือนคนให้ได้อย่างใจได้ไง? เราก็ต้องระวังเก็บเกิบ เก็บเสื้อผ้าให้พ้นปากมันดิ 
ผมจะซื้อปลายข้าวมาต้มกับโครงกระดูกไก่บ้าง คอไก่บ้าง มาต้มให้พวกเขากินวันละเวลาคือตอนบ่าย๔-๕โมงเย็น หลานข้างบ้านเป็นครู ก็เอานมกล่องที่เหลือจากเด็กๆเอามาให้ ก็เอาให้กินตอนเช้า พอถึงเวลากิน เขาจะพากันมารอหน้าประตู แล้วก็เห่าฮ่องแฮ่งๆเตือนผม พอผมออกมารับทราบ เขาจะพากันดีดดิ้น ดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ไม่เก็บอาการหิวกันซะเล้ย..
ผมก็จะเดินไปใต้ร่มชมพู่ที่ต้มข้าวไว้ แล้วร้องบอกว่า “เอ้า แล้น.. แล้น.. แล้น..!!” เขาก็จะพากันวิ่งหัวปักหัวปำ บ้างก็หันมามองหกล้มหกลุก บ้างก็พันแข้งพันขา เหยียบหางกันร้องไปบ้าง บ้างก็เต้นแร้งเต้นหมา...
มันสนุกสนานเอาซะจริงๆ พอตักข้าวใส่กาละมังที่วางเรียงให้ ก็กินกันอย่างไม่มีมารยาทอะไรเลย..
แย่งกันกิน จะดุ จะว่า อย่างไรไม่เคยฟัง ตั้งอกตั้งใจแย่งกันกินอย่างเดียว วิ่งไปกาละมังโน้นมั่ง นี่มั่ง ทั้งๆที่มาจากหม้อเดียวกันแท้ๆ พอเขากินกันหมดจนเกลี้ยงกาละมัง ไอ้คนที่มันต้มก็ยิ้มชื่นใจในฝีมือการปรุงอาหาร
แต่มีอยู่วันหนึ่งที่ผมเอาใส้ในของฟักทองซึ่งมีเมล็ดและเยื่อใส่เข้าไปในหม้อต้มด้วย เพราะได้ยินมาว่าเมล็ดฟักทองนี่ แก้พยาธิตัวตืดได้ (เพราะเคยเอาออกจากตูดเขาที่มันย้อยออกมาจนต้องเอาตูดไถไปกับพื้น) แต่วันนั้นพวกเขากินอย่างสงบเสงี่ยม ไม่มูมมามเลย แล้วก็พากันเดินหนี จนผมท้อใจเป็นที่สุด ที่ปรุงอาหารให้ หมาไม่แดก (ขอโทษ)
เรื่องพยาธิสุนัขนี่ วันหลังผมก็ซื้อยาฆ่าพยาธิ์ตัวตืดมายัดใส่ในลูกชิ้นให้เขากินกัน ก็ไม่มีพยาธิ์ออกมาให้เห็นอีกเลย ยิ่งโต ยิ่งอ้วน ขนก็ยิ่งนุ่ม เพราะอาบน้ำให้แทบทุกวัน ตอนเย็นก็จะพากันออกวิ่งเป็นพรวนไปเลย วิ่งไปกัดกันไป ทะเลาะกันไปด้วย ต้องคอยห้ามแล้วก็ปลุกใจด้วยคำว่า “เอ้าแล้น..แล้น..แล้น!!” ก็วิ่งกันต่อไป ได้ออกกำลังทั้งหมาทั้งคน แล้วก็ต่อด้วยกีฬาให้เล่น คือเอาผ้าหย่อนๆหลอกๆให้เขากระโดดงับกัน เหมือนนักตบทีมชาติเลย พองับผิดก็จะล้มกลิ้งแล้วลุกขึ้นมากระโดดงับใหม่อีก เขาจะสนุกกันมากๆกับการกระโดดงับผ้า พอได้ก็จะกระชากแย่งกันอย่างสนุกสนาน มีความสุขทั้งหมาทั้งคน..

เล่าเรื่องหมาๆนี่ ไม่จบง่ายๆหรอกครับ ยิ่งมีเรื่องเศร้าๆให้น้ำตาตกนี่ ไม่สนุกเอาซะเลย..
ไพร พนาวัลย์
เกิบ=รองเท้า





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า