
๖.ตั้งตนชอบ
โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์(พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
ศรัทธาทำจิตหมั้น คงตรง
สงบระงับดับประสงค์ สิ่งเศร้า
จิตสะอาดปราศสิ่งพะวง วุ่นขุ่น
สามส่วนควรใฝ่เฝ้า แต่ตั้งอธิษฐานฯ

โคลงโลกนิติ
๐ก้านบัวบอกตื้นลึก ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแร้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดินฯ

โคลงไร้นาง
๐สุคนธ์กลิ่นประทิ่นเที้ยน ทิพย์สุมน
เทใส่กะลาปน มูตรเปื้อน
กลิ่นหอมคูถกลบจน หืนกลิ่น
สาธุชนหยุดเอื้อน สัตย์แล้วฤๅดี
๐เรือล่องนทีลึกล้ำ กระแสสินธุ์
หมายมุ่งเพชรพลอยนิล เกาะโน้น
พายุคลื่นโถมผิน ทิศพร่า
พายฝ่าถึงฝั่งโพ้น เพราะเฟ้นหางเสือ
"สารธรรม" ธรรมที่เป็นแก่น ถ้าผู้ใดมีคุณธรรมที่ชื่อสารธรรมนี้ ชื่อว่า เป็นคนที่มีแก่นโดยแท้จริง สามารถตั้งตนชอบได้
๐(๑)ความเชื่อคือศรัทธ์ด้วย ปัญญา ยิ่งเฮย
มีเหตุมีผลพา พินิจคล้อย
ฉุกเชื่อเช่นปิดตา งมโง่
เชื่ออย่างงมงายจ้อย- จากแจ้งจรุงจินต์
๐(๒)ศีลกลิ่นหอมเฟื่องฟุ้ง ถึงพรหม
ยศยติตรงสม มนุษย์เนื้อ
ฐานรากแห่งเงื่อนปม อรหัต- ผลแฮ
เบญจศีลก่อเกื้อ นฤให้สมบูรณ์
๐(๓)เพิ่มพูนศาสตร์สิ่งรู้ สรรพวิชา
ราบรื่นปูนชีวา วิวัฒน์ก้าว
เพียงหนึ่งแขนงสา- ขาเชี่ยว- ชาญนา
ความเจริญย่อมน้าว แน่วโน้มนิรัติศัย
๐(๔)ฝึกใจให้สละได้ โดยทาน
คือทรัพย์ภักษาหาร กนกแก้ว
เผื่อแผ่เพื่อนมนุษย์สาน ใจใส่
พึงภิยโยผ่องแผ้ว สะพรั่งพร้อมเพริศผล
๐(๕)ฝึกฝนสมาธิทั้ง ภาวนา
ใจจึ่งมั่นคงครา กิเลสเร้า
ทนต่อยั่วยวนตรา ตรวนต่ำ
เบญจสารธรรมเข้า คุปต์เกล้าไกรศรีฯ
เชิงอรรถ(โดยสังเขป)
ชลธาร, นที= แม่น้ำ
สินธุ์= น้ำ
สุคนธ์=เครื่องหอม
ประทิ่น= หอม
เที้ยน= เทียบ,เปรียบด้วย
สุมน=ดอกไม้
นิรัติศัย(ว.)=ประเสริฐยิ่ง
ภิยโย(ว.)=ยิ่งขึ้นไป
คุปต์=คุ้มครอง
ไกรศรี=ผู้มีสิริ,ผู้ที่มีความงาม






ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า