
๕.มีบุญวาสนามาก่อน
(พุทธโอวาท)
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้าวเปลือก ทรัพย์ เงินทองหรือของที่บุคคลหวงแหนอย่างใดอย่างหนึ่ง รวมทั้งทาส กรรมกรคนใช้และที่อยู่อาศัย สิ่งอื่นๆทั้งหมดนี้บุคคลนำไปไม่ได้ต้องทอดทิ้งไว้ทั้งหมด แต่สิ่งที่บุคคลทำด้วยกาย วาจา หรือด้วยใจ นั่นแหละที่จะเป็นของเขา เป็นสิ่งที่เขาต้องนำไปเหมือนเงาตามตัว เพราะฉะนั้นผู้ฉลาดพึงสั่งสมกัลยาณธรรมอันจะนำไปสู่สัมปรายภพได้ บุญย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายทั้งในโลกนี้และโลกหน้า"

บุญคือ?
๐บุญคือกิจก่อแล้ว เจริญจินต์
ไร้ขุ่นคือราคิน ข่มข้อง
ยอยศเยี่ยงกวินทร์ วิวรรธน์
เอิบอิ่มประโยชน์คล้อง ค่าคล้อยบุญหนุน
คุณสมบัติของบุญ
๐คุณค่าบุญบ่มเบื้อง อานิสงส์
(๑)กายจิตวจีจง แจ่มจ้า
(๒)สุขจรูญแผ่เผ่าพงศ์ เครือว่าน วงศ์นา
(๓)ผลส่งถึงภพหน้า ภพนี้ก็เห็น
๐(๔)เป็นประโยชน์เฉพาะผู้ ดำเนิน
(๕)โภคทรัพย์จักจำเริญ ระย้า
(๖)ทิพย์สมบัติบุญเชิญ เฉลิมฉัตร
(๗)เป็นเกราะคุ้มภัยกล้า ครอบเกล้ากันพาล
๐ทั้งญาณทัศนะน้อม มโนธรรม์
(๘)เป็นปัจจัยเอกอนันต์ นาถแล้
มิช้าย่อมถึงวัน นิรทุกข์
คือสุขนฤพาลแก้- เหตุร้อนเหือดหาย
ประเภทของบุญในกาลก่อน
๐ขยายความแยกขั้น คณะบุญ
ท่านแบ่งเป็นสองคุณ ส่งไซร้
บุญใกล้ย่อมอาจหนุน ประเภทหนึ่ง
สองหากบุญไกลได้ ส่งเชื้อข้ามขันธ์
๐หนึ่งนั้นว่าระยะใกล้ คือชนม์ นี้นา
กำเนิดจากแม่ตน แต่ต้น
ความดีสะสมจน เติบใหญ่
ผลลัพธ์ฤๅจักพ้น ผ่องแผ้วผลานิสงส์
๐บุญส่งจากอดีตโพ้น ภพเดิม
ดุจคัดเมล็ดเติม ค่าแต้ม
ปลูกเพียงกลบดินเจิม สินธุ์จ่าง
กล้าอ่อนกลับระยิบแย้ม ใหญ่ย้ำพันธุ์สวรรค์
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐
๐(๑)ทานอันอาจแผ่เอื้อ กรุณา
(๒)ศีลที่ควบคุมวจา- กิจพร้อม
(๓)ฝึกปฏิบัติปัญญา แลสติ
(๔)ตั้งจิตให้อ่อนน้อม ต่อผู้เผดียงธรรม
๐(๕)นำความเย็นผ่อนร้อน มิตรผจญ
(๖)อุทิศส่วนกุศล เผื่อพ้อง
(๗)อนุโมทนาบน บุญอื่น
(๘)ธรรมบทคิดคล้อง คติคล้อยเทศนา
๐(๙)เสวนาถกถ้อย กระทงธรรม์
(๑๐)ปรับทิฏฐิพินิจอัน อ่อนด้อย
ตรึกตรองเหตุแห่งขันธ์ เวียนว่าย วัฏฏะนา
รวมทศบทบุญช้อย แช่มชั้นปัญวาฯ






ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า