เป็นเรื่องที่ผมเคยพูดเล่นกับเพื่อนๆว่า ถ้าสมมุติว่าเราอยากจะเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน
โดยที่มีเฉพาะผ้าขาวสำหรับตัดเย็บเป็นผ้าไตร กับผ้าครอง และสิ่งของบริวารอื่นๆ
แต่ไม่มีเงินเลยซักบาท(ย้ำว่าไม่มีเลยซักบาทเดียว)ไม่รู้ว่าวัดไหนจะกล้ารับหรือเปล่านะ
กลัวแต่บรรดาหลวงพ่อ หลวงพี่หรือกรรมการวัดจะพากันสาปแช่งกันให้ขรมไปเท่านั้น

การทอดกฐินผ้าป่าสมัยนี้ห่างไกลจากจุดประสงค์ดั้งเดิมเป็นอย่างมาก ทุกอย่างแม้จะอ้างว่าทำบุญ
แต่จุดประสงค์ส่วนใหญ่ก็มุ่งไปที่เงินเป็นหลักทั้งนั้น ถ้าจะอ้างเหตุผลว่าเพื่อนำเงินมาบำรุงวัด
มันก็พอจะฟังขึ้น แต่หลายวัดก็มีเงินเหลือเฟือแต่ก็ยังอยากได้อยู่นั่นแหละ

แม้แต่พระสงฆ์องคเจ้าเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับกฐินมากไปเท่าไหร่นอกจากจะหาเงินเข้าวัดเท่านั้น
(นี่เป็นเรื่องจริง เพราะผมเองก็เคยทำหน้าที่เป็นกรรมการวัดอยู่แห่งหนึ่ง เกลือกกลั้วอยู่กับวงการนี้มา
จนพอจะรู้จะเห็นอะไรหลายอย่าง ที่เขียนนี่ไม่ใช่จะตำหนิอะไรหรอก ก็แค่พูดให้ฟังเท่านั้น
ว่าวัตถุประสงค์การทำบุญทอดกฐินในสมัยนี้มันเปลี่ยนไป พระเจ้า นับตั้งแตเจ้าอาวาสลงไป
จนถึงกรรมการวัด เวลาที่พูดถึงกฐินก็ไม่ได้คิดเรื่องกฐินหรอกส่วนมากคิดแต่เรื่องเงินเป็นหลัก)

กฐินเดิมเริ่มตัดผ้า ทำไตร
หลังอยู่จำพรรษาไตร- มาสถ้วน
สมเด็จพระทรงชัย บัญญัติ
ภิกษุเก่าใหม่ล้วน เปลี่ยนผ้าครองกัน
แสวงหาผ้าตัดย้อม ไตรจี-วรเฮย
เดือนหนึ่งกำหนดมี เท่านั้น
ตัดเย็บอย่ารอรี จนเสร็จ-สรรพนา
เพ็ญกึ่งกติกมาสกระชั้น เร่งเร้าแสวงหา
การอนุญาตกฐิน จุดประสงค์เพื่อให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบไตรมาส เมื่อออกพรรษาแล้วได้มีโอกาสแสวงหาผ้า
เพื่อมาตัดเปลี่ยนชุดใหม่ โดยกำหนดระยะเวลาให้หาผ้า ตัดเย็บ ย้อมจีวร ให้เสร็จภายในระยะเวลา ๑ เดือน
โดยเริ่มตั้งแต่ แรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ จนถึง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เป็นอันหมดฤดูกฐิน โดยทายกจะถวายผ้าก็ได้
ในช่วงเวลานี้ พระภิกษุสามารถแสวงหาผ้ามาตัดเย็บจีวรและเก็บได้ ๑ เดือนโดยไม่ต้องอาบัติหรือไม่ต้องสละผ้านั้นทิ้ง





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า