พูดถึงกลอนกลบทสะบัดสะบิ้งแล้ว เป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยจะกล้าแต่ง เนื่องจากรู้สึกว่ามันยากที่จะหาคำมาลงท้าย
กลบทสะบัดสะบิ้ง คือรูปแบบกลอนที่อาศัยคำพูดที่คนมักจะพูดติดปากเป็นคำซ้อนๆกันนั่นเองมาประกอบกันขึ้นเป็นกลบท
คำพูดติดปากที่เรามักจะได้ยินจนชินหู ก็อย่างเช่น สม่ำเสมอ สว่างไสว ละมุนละม่อม ไม่ทงไม่ทน ไม่ล่งไม่เล่น
ไม่หงไม่เห็น ไม่กงไม่กิน ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ทงไม่ทำ ไม่รงไม่เรียน ไม่องไม่เอา ไม่ปงไม่ไป สน่งเสน่ห์
น้ำหวงน้ำหวาน ตัดม้งตัดไม้ พระเนตรพระกรรณ์ ขวางหูขวงตา หรืออื่นๆฯลฯ
ข้อแม้หรือความยากของกลบทชนิดนี้อยู่ที่ผู้แต่งต้องรู้จักเลือกสรรถ้อยคำที่ติดปากเหล่านี้เพื่อเอามาประกอบ
เป็นคำลงท้ายแต่ละวรรคในบทกลอนของตนนั่นเอง ยิ่งสมารถคัดสรรเอาแต่คำที่พูดกันจนติดปากหรือชินหู
มาใส่ในบทกลอนอย่างแนบเนียนจะยิ่งถือว่ายอดมาก ตรงกันข้ามถ้าผู้แต่งไม่สามารถจะสรรหาถ้อยคำที่ติดหูติดปาก
เหล่านั้นมาใส่ไว้ในกลอนจนต้องประดิษฐ์คำขึ้นเอง ซึ่งไม่ใช่คำพูดที่ติดปาก ผลจะกลายเป็นตรงกันข้าม
ความเป็นกลบท จะกลายเป็น ไม่ใช่กลบท(ถ้าแต่งได้ง่ายๆจะเรียกว่าของยากได้ยังไงล่ะ)
ขออนุญาตบทเดียวก็เต็มที จะไม่แต่งเลยเดี๋ยวพวกจะว่า ดีแต่พูด...แต่ทำไม่ได้
นั่งร้อยกรอง ตรองตรึก พิลึกพิลั่น
แต่ว่ามัน ยากเข็ญ กระเซ็นกระสาย
เพราะปัญญา อับจน ทุรนทุราย
ไม่ถึงตาย แต่ก็ยาก ลำบากลำบน





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า