เรามาดูกันว่ากันว่า คนแต่งกลอนนั้นเขาเขียนกลอนไปเพื่ออะไรกัน
ซึ่งเป็นการจัดตามความคิดเห็นของผม มีดังนี้
๑. เขียนเพื่อความสุขแห่งตน ก็หมายความว่าเขียนไปตามที่ใจต้องการ อาจจะดีมั่ง เลวมั่ง
บางทีก็เขียนกลอนสุภาพ บางทีก็เขียนกลอนหยาบคาย หวานมั่ง ด่ามั่ง กวนตีนคนอื่นมั่ง
โดยไม่สนว่าใครจะว่าอะไร กลอนจึงมาทั้งดี เลว คละเคล้ากันไป สุดแต่ใจของผู้แต่ง
๒. เขียนเพื่อหวังชื่อเสียง ประมาณว่า สร้างผลงาน เพื่อให้คนยอมรับ งานเขียนแบบนี้จึงต้องประณีต บรรจง
เมื่อผิดต้องมีการแก้ไข อาจเป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพันครั้ง หรืออาจต้องรื้อแล้วเขียนใหม่ทั้งหมด
ทั้งนี้ก็เพื่อความโดดเด่น ดูดี เป็นที่ยอมรับนั่นเอง จะปล่อยออกมาชุ่ยๆไม่ได้ ไม่งั้นเสียชื่อเสียงแย่
๓. เขียนเพื่อการอนุรักษ์ศิลป และสร้างผลงานฝากไว้ให้ลูกหลาน คนรุ่นหลัง ตลอดจนถึงประเทศชาติ
การเขียนชนิดนี้คือเขียนแบบเป็นการเป็นงาน เขียนเป็นกิจลักษณณะ เขียนเป็นเรื่องเป็นราว
การเขียนต้องอาศัยการรวบรวม การค้นคว้าหาข้อมูล ผลงานอาจจะดีประณีตบ้าง ไม่ประณีตบ้าง
สุดแล้วแต่ความรอบรู้และความสมารถของผู้เขียน แต่สรูปแล้วคือ เป็นการสร้างผลงาน
เพื่อการอนุรักษณ์ หรือต้องการให้เป็นมรดกตกทอดไปสู่อนุชนรุ่นหลัง
อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงข้อคิดเห็นส่วนตัว ถ้าใครยังมีข้อคิดดีๆจะช่วยเสริมก็ได้ ไปละ
![งอนแล้วด้วย](http://www.klonthaiclub.com/Smileys/default/emo_52.gif)