~*~ ม่านบางขวางใจ ~*~
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
17 พฤษภาคม 2024, 04:35:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ~*~ ม่านบางขวางใจ ~*~  (อ่าน 7852 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
10 กรกฎาคม 2011, 09:41:AM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2011, 09:41:AM »
ชุมชนชุมชน


~*~ ม่านบางขวางใจ ~*~

เมื่อเกิดแก่ใจแล้วหากแคล้วคลาด
ปล่อยภพชาติล่วงผ่านมิหาญหัก
ฤๅเพรงกรรมทำแต่งนั้นแรงนัก
จึงเก็บกักอาวรณ์จนรอนทรวง

ยอมกดข่มอาลัยอยู่ในอก
น้ำตาตกค่ำเช้าเพราะเฝ้าหวง
จินตภาพทาบจิตนิมิตลวง
ตรึงเป็นบ่วงบาศรั้งสุดยั้งทัน

หยาดน้ำตาคับแค้นเขียนแทนหมึก
ลงจารึกในทรวงกลางดวงขวัญ
คำที่เรียงลงประทับนับอนันต์
สูงถึงชั้นอินทร์พรหมเพราะตรมใจ

ดำรงอยู่เช่นนั้นแม้วันคล้อย
มีแต่รอยรำพันยามหวั่นไหว
สลักลึกล่วงกาลตราบนานไกล
ตราบปราณไร้ชีพร้างฤๅจางรอย

สายกาลพรากจากต้นสุดด้นกลับ
จนเลือนลับรูปนิมิตแม้คิดถอย
ก็สุดดึงวันวารย้อนการคอย
มาร่วมร้อยรวมชนม์ท่องบนทาง

บันทึกนั้นคงอยู่มิรู้จบ
อีกกี่ภพชาติพรากเพราะขวากขวาง
เวียนเกิดดับต้น-ปลายตราบวายวาง
จักไม่จางลายลักษณ์อักขรา

วนรอบวัฏฏ์บรรจบร่วมภพชาติ
กลับนิราศร้างรอยให้คอยหา
ยั่วหยอกเถิดกรองบทรจนา
ย้ำจนกว่าสาสมที่ตรมทรวง

ตราบก้าวล่วงม่านบางที่ขวางอยู่
แล้วจะรู้น้ำใจอันใหญ่หลวง
แอบเก็บงำหนึ่งใครแนบในดวง
ฤทัยล่วงพ้นวารแสนนานมา

เมื่อเกิดแก่ใจแล้วยากแคล้วคลาด
แม้อีกกี่ภพชาติปรารถนา
จะขึงใยข้ามผ่านกาลเวลา
รอจนกว่า..อีกมาน..พ้นม่านบัง

วลีลักษณา
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ลมหนาว, บ้านริมโขง, รัตติกาล, victoria's secret, สะเลเต, นพตุลาทิตย์, มนัสศิยา, amika29, ปุถุชน ฅนธรรมดา, เมฆา..., คนโบราณ, สล่าผิน, สายใย, ดาว อาชาไนย, --ณัชชา--, ทอฝัน, คนเผาถ่าน, พี.พูนสุข, กัลมลี*, ratikal, ยามพระอาทิตย์อัสดง, กังวาน, tina

ข้อความนี้ มี 24 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
10 กรกฎาคม 2011, 08:35:PM
บ้านริมโขง
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 869
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,026



« ตอบ #1 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2011, 08:35:PM »
ชุมชนชุมชน

จ๋อยจนเหงื่อตก


อะโห..อะหังการ์วาจาเจ้า
ที่วอนเว้าพรรณนาครารักหวัง
ยิ่งใหญ่นักรักหนึ่งซึ่งคงยัง
เฝ้าเวียนว่ายหมายดังตั้งปณิธาน

เฝ้าอ่านคำพรรณนามาหลายรอบ
ยากจะตอบใจตนค้นประสาน
ว่าเข้าใจถูกไหมในต้องการ
นางส่งสารสู่ถึงรักตรึงมาน

นางรักมั่นต่อใครในชาติภพ
แล้วก็จบรักพลาดสวาทหวาน
ไม่อาจครองรักไว้ได้ยืนนาน
อีกชาติกาลภพหน้ายังมาคอย

ยอมรับว่าเข้าใจยากจากบทร่ำ
จนระกำใจตนหม่นเศร้าหงอย
อยากรับรู้สู่เสียงสำเนียงกลอย
ได้แต่พลอย งี่เง่า ไม่เข้าใจ...

ไม่เอาๆ ไม่ชอบเลย ร้องไห้งอแง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : victoria's secret, สะเลเต, รพีกาญจน์, นพตุลาทิตย์, รัตติกาล, วลีลักษณา, ปุถุชน ฅนธรรมดา, เมฆา..., สายใย, ลมหนาว, ดาว อาชาไนย, --ณัชชา--, สล่าผิน, ทอฝัน, พี.พูนสุข, กัลมลี*, ยามพระอาทิตย์อัสดง, tina

ข้อความนี้ มี 18 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

10 กรกฎาคม 2011, 10:41:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2011, 10:41:PM »
ชุมชนชุมชน

เพราะอักษรร้อยเรียงหวังเพียงฝาก
กรองคำจากจินตนา..ลงอาศัย
ขอที่ว่างวางอักษรบ้านกลอนไทย
ซึ่งอาจแปลกออกไปแต่ใจความ-

ดั่งที่ท่านตีความก็ตามนั้น
คำที่สรร..ใช่ยอกดั่งตอกหนาม
อาจเขียนเชิง "อติพจน์" ไม่งดงาม
จึงเฝ้าเพียรพยามร้อยความเรียง

แม้ระคายระคางจนหมางจิต
มิได้คิดอหังการ์มาทุ่มเถียง
ต่างความคิด..ต่างคำ..ต่างสำเนียง
ที่ประเดียงเนื้อความออกตามจินต์

จึงหลากหลายรจนาวางปรากฏ
ต่างบริบทรสร้อยเป็นสร้อยศิลป์
ต่างคนต่างสร้างสรรค์วรรณกวิน
ที่หลั่งรินจากสมองเป็นกรองคำ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตติกาล, รพีกาญจน์, นพตุลาทิตย์, มนัสศิยา, บ้านริมโขง, ปุถุชน ฅนธรรมดา, เมฆา..., สะเลเต, สล่าผิน, สายใย, ลมหนาว, ดาว อาชาไนย, --ณัชชา--, ทอฝัน, พี.พูนสุข, กัลมลี*, tina

ข้อความนี้ มี 17 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
17 กรกฎาคม 2011, 07:58:PM
เพรางาย
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 553
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,312


ทุกคำถามจะนำมาซึ่งคำตอบ


« ตอบ #3 เมื่อ: 17 กรกฎาคม 2011, 07:58:PM »
ชุมชนชุมชน


เหมือนม่านบางขวางไว้เอื้อมไม่ถึง
เสียงรำพึงแผ่วผ่าวราวครวญคร่ำ
ไม่ได้คิดปล้นคร่ามาเก็บงำ
แต่รักทำเที่ยวเล่นเบนเบี่ยงทาง

เราต่างคนต่างมาเวลาไหน
ช่อเข็มร่วงรอยใครได้เหยียบย่าง
เก้าอี้อุ่นใครหนอมารอนาง
เรานั่งบ้างเช็ดป้ายสายน้ำตา

วันสุดท้ายให้กันพลันยุติ
รักเพิ่งผลิหักรายตายตรงหน้า
ไร้โอกาสพลาดหวังสั่งอำลา
จะถอนใจคืนมาอย่างไรทัน


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สะเลเต, สล่าผิน, สายใย, ลมหนาว, ดาว อาชาไนย, เมฆา..., ทอฝัน, วลีลักษณา, พี.พูนสุข, กัลมลี*, พิมพ์วาส, tina

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

คนที่กำลังไล่ตามความฝัน  ท่ามกลางความผกผันของเวลา
18 กรกฎาคม 2011, 04:42:PM
ดาว อาชาไนย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 394
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,472



poem.archanai?fref=ts
« ตอบ #4 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2011, 04:42:PM »
ชุมชนชุมชน


~*~ ม่านบางขวางใจ ~*~

เมื่อเกิดแก่ใจแล้วหากแคล้วคลาด
ปล่อยภพชาติล่วงผ่านมิหาญหัก
ฤๅเพรงกรรมทำแต่งนั้นแรงนัก
จึงเก็บกักอาวรณ์จนรอนทรวง

ยอมกดข่มอาลัยอยู่ในอก
น้ำตาตกค่ำเช้าเพราะเฝ้าหวง
จินตภาพทาบจิตนิมิตลวง
ตรึงเป็นบ่วงบาศรั้งสุดยั้งทัน

หยาดน้ำตาคับแค้นเขียนแทนหมึก
ลงจารึกในทรวงกลางดวงขวัญ
คำที่เรียงลงประทับนับอนันต์
สูงถึงชั้นอินทร์พรหมเพราะตรมใจ

ดำรงอยู่เช่นนั้นแม้วันคล้อย
มีแต่รอยรำพันยามหวั่นไหว
สลักลึกล่วงกาลตราบนานไกล
ตราบปราณไร้ชีพร้างฤๅจางรอย

สายกาลพรากจากต้นสุดด้นกลับ
จนเลือนลับรูปนิมิตแม้คิดถอย
ก็สุดดึงวันวารย้อนการคอย
มาร่วมร้อยรวมชนม์ท่องบนทาง

บันทึกนั้นคงอยู่มิรู้จบ
อีกกี่ภพชาติพรากเพราะขวากขวาง
เวียนเกิดดับต้น-ปลายตราบวายวาง
จักไม่จางลายลักษณ์อักขรา

วนรอบวัฏฏ์บรรจบร่วมภพชาติ
กลับนิราศร้างรอยให้คอยหา
ยั่วหยอกเถิดกรองบทรจนา
ย้ำจนกว่าสาสมที่ตรมทรวง

ตราบก้าวล่วงม่านบางที่ขวางอยู่
แล้วจะรู้น้ำใจอันใหญ่หลวง
แอบเก็บงำหนึ่งใครแนบในดวง
ฤทัยล่วงพ้นวารแสนนานมา

เมื่อเกิดแก่ใจแล้วยากแคล้วคลาด
แม้อีกกี่ภพชาติปรารถนา
จะขึงใยข้ามผ่านกาลเวลา
รอจนกว่า..อีกมาน..พ้นม่านบัง

วลีลักษณา
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔


ฟันม่านขาดกระเด็นเป็นทางผ่าน
เห็นดวงมานพธูอยู่เบื้องหลัง
ใจคนยากฝากไว้เธอไม่ชัง
แนบใจยั่งยืนอยู่มิรู้คลาย

ข้ามภพชาติปรารถนาหาคลาดแคล้ว
รักเพริศแพร้วรออยู่ไม่รู้หน่าย
กาลเวลากี่กัปมิกลับกลาย
โยงใยสายสวาทคล้องชีพสองเรา

              ดาว อาชาไนย



[

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : เมฆา..., เพรางาย, รพีกาญจน์, สล่าผิน, ทอฝัน, สะเลเต, วลีลักษณา, ลมหนาว, กัลมลี*, พิมพ์วาส

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เสี้ยวอารมณ์จากใจใครคนหนึ่ง
คงไม่ซึ้งจับใจใครทั้งหลาย
แค่มีใครคนหนึ่งซึ้งไม่คลาย
ก็สมหมายใครคนหนึ่งซึ่งรักกลอน
22 กรกฎาคม 2011, 08:34:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2011, 08:34:PM »
ชุมชนชุมชน


เหมือนม่านบางขวางไว้เอื้อมไม่ถึง
เสียงรำพึงแผ่วผ่าวราวครวญคร่ำ
ไม่ได้คิดปล้นคร่ามาเก็บงำ
แต่รักทำเที่ยวเล่นเบนเบี่ยงทาง

เราต่างคนต่างมาเวลาไหน
ช่อเข็มร่วงรอยใครได้เหยียบย่าง
เก้าอี้อุ่นใครหนอมารอนาง
เรานั่งบ้างเช็ดป้ายสายน้ำตา

วันสุดท้ายให้กันพลันยุติ
รักเพิ่งผลิหักรายตายตรงหน้า
ไร้โอกาสพลาดหวังสั่งอำลา
จะถอนใจคืนมาอย่างไรทัน





ยามผลิบานรวยรินทั้งกลิ่นสี
ภุมรีบินเร่อยู่เหหัน
ก่อนด่ำหวานพึงมีมาลีพรรณ
ยอมชีวันแม้สิ้นทั้งอินทรีย์

มิต่างรักยามเริ่มประเดิมหวาน
ครั้นเนิ่นนานผ่านวันก็ผันหนี
ลืมเลือนสิ้นเยื่อใยที่ใจมี
ดั่งมาลีไร้ค่าเมื่อลากัน

ปล่อยกลีบบางคว้างร่วงซบห้วงหล้า
รอเวลาเป็นดินสิ้นสีสัน
คือเศษปรักซากใจไร้ชีวัน
เป็นความรักแสนสั้นในฝันลวง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ลมหนาว, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, กัลมลี*, ดาว อาชาไนย, สายใย, tina, สะเลเต

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
24 กรกฎาคม 2011, 09:03:AM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2011, 09:03:AM »
ชุมชนชุมชน



ฟันม่านขาดกระเด็นเป็นทางผ่าน
เห็นดวงมานพธูอยู่เบื้องหลัง
ใจคนยากฝากไว้เธอไม่ชัง
แนบใจยั่งยืนอยู่มิรู้คลาย

ข้ามภพชาติปรารถนาหาคลาดแคล้ว
รักเพริศแพร้วรออยู่ไม่รู้หน่าย
กาลเวลากี่กัปมิกลับกลาย
โยงใยสายสวาทคล้องชีพสองเรา

              ดาว อาชาไนย






คงด้วยบาปเบื้องบรรพ์ตรึงสัญญา
ให้พลัดฟ้าพรากถิ่น..ไม่สิ้นเหงา
หลงแต่คำเย้ายั่วจนมัวเมา
คว้าได้เงามืดดำแอบอำทรวง

สายใยรักล่ามขึงห่างครึ่งฟ้า
เฝ้าคอยหาแลหายยังหมายหวง
ท่ามกลางความผันแปรหนึ่งแดดวง
ยังติดบ่างรักล่ามนิยามลม


สวัสดีค่ะพี่ดาว
ขออภัยอย่างสูงเลยนะคะที่ต่อช้า ไม่ได้เข้ามาซะนาน
พี่ดาวสบายดีนะคะ เอ้อ..จริงว่ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พิมพ์วาส, ยามพระอาทิตย์อัสดง, สายใย, รพีกาญจน์, tina, ลมหนาว, สะเลเต

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
24 กรกฎาคม 2011, 10:12:PM
กังวาน
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 904
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,505



« ตอบ #7 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2011, 10:12:PM »
ชุมชนชุมชน

อนิจจาอนิจจังฟังเรื่องม่าน
ที่พาดผ่านขวางใจกระไรหนอ
เหมือนอกหักเหมือนรักที่ต้องรอ
ข้ามรอยต่อภพชาติประหลาดจริง

เขาไม่รักไม่สนทนด้วยหรือ
ชีวิตคือการอยู่คุณผู้หญิง
เพราะว่าจิตหวงห่วงจึงท้วงติง
ปล่อยวางนิ่งเรื่องชาติหน้าเลิกปรารมภ์

ทำวันนี้ดีที่สุดหยุดแหวกม่าน
จงเบิกบานสดชื่นเลิกขื่นขม
สักวันหนึ่งชายในฝันอันอุดม
คงได้สมปรารถนาปรากฎเอย











ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สายใย, รพีกาญจน์, ratikal, tina, ลมหนาว, สะเลเต

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ถ้ารู้สึกพอ ก็เป็นสุขทันที
29 กรกฎาคม 2011, 08:30:PM
sitang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 46
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 129



« ตอบ #8 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2011, 08:30:PM »
ชุมชนชุมชน

มืดมิดปิดขวางบางแห่งห้วง
ทั้งดวงใจหายมิรู้เห็น
ร่ำร้อนวอนเขาเศร้ารำเค็ญ
ที่เป็นฉันรู้อยู่แค่ตน
บางทางอย่างที่เธอรับรู้
ตรองดูฉันบาปสาปส่งผล
ยื้อชัดถนัดแจ้งดวงกมล
ว่ายวนบนม่านพาลขวางใจ
[/color]

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ลมหนาว, สะเลเต, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s