Re: กราบลง ณ ตรงพื้นธุลีพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
16 มิถุนายน 2024, 04:12:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: กราบลง ณ ตรงพื้นธุลีพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์  (อ่าน 4302 ครั้ง)
ไร้นวล^^
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 825
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,430

โปรดแนะนำเพื่อค้ำชูภาษาไทย


« เมื่อ: 03 มีนาคม 2013, 09:21:PM »

    (ขอบคุณความรู้จากอินเตอร์เน็ต     http://www.thatphanom.com/2401/(2).html)   
           
        พระธาตุพนม  เป็นอุทเทสิกเจดีย์สถานอีกแห่งหนึ่งที่ผูกศรัทธาของพี่น้องชาวอีสานกับทั้งประชาชนทั่วประเทศผู้ถือพระพุทธศาสนาค่าที่เป็น   ปฐมแห่งบรมเจดีย์ในสุวรรณภูมิ

     ในหนังสือเรียนระบุว่า   พระปฐมเจดีย์   เป็นหลักชัยแห่งแรกในประเทศที่ถูกสร้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงการ   "เข็นล้อธรรม"   ประกาศพระศาสนาที่แรกในแหลมทองนี้  โดยอาศัยเหตุจาก   พระโสณะเถระ  และ   พระอุตตระเถระ   เป็นต้นเค้าศรัทธา

     หากในทางปฏิบัติ  หลวงปู่ชอบ  ฐานสโม   วัดป่าโคกมน  อ.วังสะพุง  จ.เลย  ได้กล่าวหนักแน่นเมื่อครั้งไปสักการะพระธาตุพนมว่า   พระธาตุพนมนี้เป็นเจดีย์ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทยหรือแคว้นสุวรรณภูมิเรานี่แหละ  ยังเมตตาเล่าอีกว่าที่ท่านได้บวชแต่น้อยจนใหญ่และปฏิบัติจน   "ข้ามทะเลทุกข์"   ได้นี่ก็เพราะ...

   “เอาผ้าขาววาหนึ่ง  กับเงินบาทหนึ่งมาทานตอนสร้างพระธาตุพนม  แล้วอธิษฐานขอให้พ้นทุกข์”

             ครูบาอาจารย์จึงสอนนักว่า  อย่าประมาทกับความดีที่ทำว่าเพียงน้อยนิดและอย่าประมาทกับความชั่วว่าเล็กน้อยไม่น่าจะให้ผล

          พระธาตุพนม   ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 8  โดยพระมหากัสสปะเถรพร้อมทั้งพระอรหันต์ล้วนอีก  500  รูป  อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนกระดูกหัวอกหรือ   พระอุรังคธาตุ   มาจากชมพูทวีป(ประเทศอินเดีย) เพื่อประดิษฐานไว้ยังมงคลปเทสอันปัจจุบันคือพระธาตุพนม

     เนื่องจากพระมหากัสสปะเถรเป็นพระอรหันตเจ้าที่พระบรมศาสดาทรงยกย่องเป็นยิ่งในทุกด้านทุกทาง    กระทั่งพระองค์ทรงแลกผ้าสังฆาฏิกับพระมหากัสสปะและตรัสเรียกเสมอว่า     

  “กัสสปะผู้เป็นบุตรของเรา”

     ครั้งพระศาสดาเสด็จสู่มหาปรินิพพาน  พระสาวกทั้งหลายและกษัตริย์ทุกเมืองไม่อาจจุดไฟถวายพระเพลิงแก่พระบรมศพได้  กระทั่งพระมหากัสสปะธุดงค์ออกจากป่ามาถึง  ครั้นก้มลงกราบพระสรีระที่ปลายพระบาทก็ปรากฏอัศจรรย์  พระบาททั้งสองได้ยื่นออกจากผ้ากัมพลที่ห่อพระบรมศพไว้ถึง  500  ชั้นทะลุผ่านพระหีบทองทึบให้พระมหากัสสปะได้กราบซบลง

          จากนั้นเตโชธาตุก็ลุกโพลง

                 แผดเผาพุทธสรีระอยู่  7  วันจนหมดสิ้นคงเหลือแต่พระอัฐิธาตุ  7  ชิ้นที่ไฟไม่อาจทำลายได้คือ  พระอุณหิส(กระดูกกระหม่อม)  1  พระเขี้ยวแก้ว(ฟันส่วนเขี้ยว) ทั้ง  4    พระรากขวัญ(กระดูกไหปลาร้า) ทั้ง  2     

                    นอกนั้นแตกย่อยลงอย่างใหญ่สุดมีสัณฐานเท่าเมล็ดถั่วแตก  อย่างกลางเท่าเมล็ดข้าวสาร  อย่างเล็กเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด  รวมกันตวงได้  16  ทะนาน  จากนั้นโทณพราหมณ์ผู้ได้รับการตั้งให้เป็นคนแจกจ่ายพระบรมสารีริกธาตุได้ทำการ   แฮป   เอาพระทาฒธาตุหรือพระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาซี่บนไว้เป็นสมบัติตัวโดยซ่อนไว้ในผ้าโพกศีรษะ

               ปรากฏว่าพระอินทร์ส่องทิพยเนตรมาดูเห็นความไม่ซื่อของโทณพราหมณ์ก็คิดว่า  ตาพราหมณ์นี้ไม่บังควรได้ของดีวิเศษเป็นเลิศประเสริฐในโลกเช่นนี้ไป  ด้วยไม่อาจทำสักการวิธีอันสมควรแก่พระบรมธาตุได้  จึงตัดสินใจลงจากดาวดึงส์เทวโลกมา   ขมาย    คือแฮปต่ออีกทีหนึ่งไปประดิษฐานไว้ยังพระจุฬามณีเจดีย์สถานในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

     ส่วนพระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาซี่ล่างถูกอัญเชิญไปประดิษฐานอยู่เมืองกลิงคราฐและปัจจุบันไปอยู่ลังกาทวีป  (เมืองแคนดี้ในประเทศศรีลังกา)  พระเขี้ยวแก้วเบื้องซ้ายซี่บนประดิษฐานที่เมืองคันธารราฐ (แถบตะวันออกกลางแถวเมืองบามิยัน)  พระเขี้ยวแก้วเบื้องซ้ายซี่ล่างประดิษฐานอยู่  ณ  นาคพิภพ

            พระรากขวัญเบื้องขวาองค์อัมรินทราธิราชและหมู่เทพดามาอัญเชิญไปไว้ยังพระเกศแก้วจุฬามณีคู่กับพระเขี้ยวแก้วในเทวโลก  พระรากขวัญเบื้องซ้ายกับพระอุณหิสท้าวฆฏิการพรหมมาอัญเชิญไปประดิษฐานยังพระมหาทุสเจดีย์ในพรหมโลก

              พระมหากัสสปะเถรผู้เป็นพุทธบุตร  เมื่อกราบคารวะพระบรมศพแล้วก็เกิดปาฏิหาริย์คือพระอุรังคธาตุได้เสด็จออกจากพระหีบทองมาสู่ฝ่ามือขวาก่อนเตโชธาตุจะลุกเปลว

              ท่านจึงดำเนินการตามพุทธดำรัสก่อนปรินิพพานคือให้นำพระอุรังคธาตุไปประดิษฐานไว้  ณ  ดอยกปณคีรี  เมืองศรีโคตบูรณ์



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

choy, รพีกาญจน์, ♥ กานต์ฑิตา ♥, รัตนาวดี, ดุลย์ ละมุน, คอนพูธน

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แดนดินใดให้เราเกิด  เราจะเทิดทูนไว้เหนือเศียร

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s