ลายแทง : การทำกาพย์ยานีให้ไพเราะ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
16 มิถุนายน 2024, 05:58:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: พักยก...ถกกลอน  (อ่าน 16331 ครั้ง)
กามนิต
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 408
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 366


ฉันเห็นไฟในสายตาเธอ


« เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2012, 10:26:PM »


ลายแทง : การทำกาพย์ยานีให้ไพเราะ

การจะทำให้กาพย์ยานีไพเราะนั้น คมทวน คันธนู (กวีซีไรต์ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ จากผลงาน "นาฏกรรมบนลานกว้าง") ได้รจนาไว้ว่า...

"ให้ลองสังเกตกลวิธีลีลาก่อน คือ

        ๏  พฤกษ์ไพรไสวพริ้ว
วะไหวหวิวกับวันวาร
เสียงขับส่งศัพท์ขาน
คือสัตว์ส่ำซึ่งร่ำเสียง
      เริงเร้าเหนือเงาร่ม
สำราญรมย์แลรายเรียง
ร้องขานผสานเสียง
ผสมคู่สมสู่คา
        ไม้ดอกพันลอกดวง
ผลิผลพวงรำเพยพา
ห้อมให้หัวใจหา
และหอมให้หัวใจเห็น
       ชื่นฉ่ำถึงธรรมชาติ
หลังน้ำหยาดละอองเย็น
ชีพปวงลุล่วงเป็น
ชีวิตบ่มเพาะสมบูรณ์
        เหม่อมองแล้วหมองหม่น
ทวีคนทวีคูณ
โลกสวยพลันม้วยสูญ
มิหอมหวานเช่นวานวัน ฯ

        นี่เป็นจังหวะและลีลาอันสมบูรณ์แบบเต็มสภาพแห่งกาพย์ยานีลีลาใหม่ เพราะ

        - ใช้สัมผัสในด้วยจังหวะกระโดดมิใช่สัมผัสในเคียง
        - มีเสียงจัตวาแทรกเกือบทุกวรรค โดยเฉพาะวรรคหลัก คือ วรรคที่ ๓ หรือ วรรคที่ ๔ ที่คำลงท้ายควรใช้เสียงสูง และพุ่งใช้เสียงสูงเสียงสั้น (คือเสียงที่ใช้ไม้หันอากาศคุม หรือสระอำที่น้ำเสียงกระชับกับคำที่ ๑ ของทุกวรรค คำที่ ๓ ของวรรคแรก และวรรคที่ ๓ และคำที่ ๔ ของวรรคที่ ๒ กับวรรคที่ ๔


        พินิจดูดี ๆ นะครับ

        แล้วจะจับแจ้งจับใจมิใช่จับจด

        การเขียนบทกวีสิ่งต้องพึงมีสามสิ่งหรือ สิ่งสาม ได้แก่ "น้ำคำ" "น้ำความ" และ "น้ำเสียง" ซึ่งจะต้องเรียงรับประกับประกบกัน น้ำคำนั้นสร้างได้ด้วยการรู้จักเลือกพลังตัวอักษร อันจะทำให้กาพย์กลอนลื่นไหล, น้ำความก่อเกิดความประทับใจสร้างได้โดยรู้จักเลือกพลังความคิดอันให้ชีวิตชีวาและคุณค่าแก่ผลงาน, น้ำเสียงคือการผสานตัวบททั้งหมดให้ไพเราะเพราะพรายสร้างได้เมื่อรู้จักลีลาจังหวะฉันทลักษณ์นั้นๆ นั่นเอง

        แม้แต่งานเพลงหรือกลอนเปล่า ทั้งสามสิ่งจักต้องคลุกเคล้ามาร่วม มิฉะนั้นงานจะหลวมและหย่อนอรรถรสลง

        คงไม่ประหลาดใจว่าทำไมผมถึงเน้นเสียงจัตวาหนักหนา เพราะเสียงจัตวามีคลื่นเสียงเสนาะหูกว่าเสียงอื่น คลื่นเสียงนี้แทรกที่ไหนก็ได้ไม่จำกัด ณ แต่ละวรรค ด้วยคลื่นเสียงอื่นจักทำไม่ได้ เช่น การส่งท้ายโคลงสี่สุภาพ เสียงจัตวาจะจับใจเหนือเสียงสามัย อธิบายกันก็ดูจะยืดเยื้อ แต่เมื่อใดที่เราเขียนกวีได้ดังใจคิด และพิชิตการท้าทายสายฉันทลักษณ์ทั้งมวลไว้ถ้วนทั่ว หัวใจในการใช้เสียงจัตวามาแต่งแต้มแซมสอด จะต้องให้คุณตระกองกอดเสียงเสียงแนบแน่น และเข้าถึงแก่นแห่งการรำร่าย

       บอกลายแทงกาพย์ยานีแต่เพียงเท่านี้ หน้าที่ของคนเขียน คือ ต้องเพียรแสวงหาให้มากกว่าเดิม และรู้จักเพิ่มเติมรายละเอียด อันละเมียดละมุนสำหรับคนรุ่นต่อไป"


        นอกจากนี้กวีซีไรต์ยังย้ำว่าท้ายวรรคที่ ๒ ไม่ควรลงท้ายด้วยเสียงจัตวา และย้ำว่า "...ไม่น่าจะทำในกาพย์ยานีและฉันท์ที่มี ๔ วรรคเป็นหนึ่งบท แม้มิใช่กฎเกณฑ์แน่นเหนียว แต่จงเฉลียวใจคิดสักนิดหนึ่ง ถึงอย่างไรก็บั่นทอนความไพเราะลงจริงๆ ยิ่งลงด้วยเสียงเอกหรือโท ยิ่งจะเห็นช่องโหว่ยิ่งขึ้น"

คัดมาจาก "วรรณวิเคราะห์: ตำนานฉันทลักษณ์กับหลักการใหม่" ของ คมทวน คันธนู มาฝากผู้สนใจ ใคร่พัฒนาฝีมือกาพย์ อันใดดีก็นำไปใช้ แล้วแต่ความต้องใจนะครับ

        กาบกล้วยกาบอ้อยกาบ-               ไผ่ลำทาบโอบลำทอง
โอบคลุมเพื่อคุ้มครอง                            ต้นอ่อนง้ำขึ้นลำงาม
        กลอนกาพย์ประกอบกาบ              อันวะวาบวะวาววาม
แต่งต้นก็งามตาม                                   ประกายปลั่งกระทั่งปลาย


 ข้างบนว่าไงเนี่ย

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

Music, ไร้นวล^^, Prapacarn ❀, หนามเตย, panthong.kh, รพีกาญจน์, sunthornvit, อริญชย์, บูรพาท่าพระจันทร์, ดุลย์ ละมุน, ไม่รู้ใจ, พี.พูนสุข, เมฆา..., ยามพระอาทิตย์อัสดง, blues

ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรักแท้จริงมีสีดำดังศอพระศิวะ

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s