ลายแทง : การทำกาพย์ยานีให้ไพเราะ
การจะทำให้กาพย์ยานีไพเราะนั้น คมทวน คันธนู (กวีซีไรต์ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ จากผลงาน "นาฏกรรมบนลานกว้าง") ได้รจนาไว้ว่า...
"ให้ลองสังเกตกลวิธีลีลาก่อน คือ
๏ พฤกษ์ไพรไสวพริ้ว
วะไหวหวิวกับวันวาร
เสียงขับส่งศัพท์ขาน
คือสัตว์ส่ำซึ่งร่ำเสียง
เริงเร้าเหนือเงาร่ม
สำราญรมย์แลรายเรียง
ร้องขานผสานเสียง
ผสมคู่สมสู่คา
ไม้ดอกพันลอกดวง
ผลิผลพวงรำเพยพา
ห้อมให้หัวใจหา
และหอมให้หัวใจเห็น
ชื่นฉ่ำถึงธรรมชาติ
หลังน้ำหยาดละอองเย็น
ชีพปวงลุล่วงเป็น
ชีวิตบ่มเพาะสมบูรณ์
เหม่อมองแล้วหมองหม่น
ทวีคนทวีคูณ
โลกสวยพลันม้วยสูญ
มิหอมหวานเช่นวานวัน ฯ
นี่เป็นจังหวะและลีลาอันสมบูรณ์แบบเต็มสภาพแห่งกาพย์ยานีลีลาใหม่ เพราะ
- ใช้สัมผัสในด้วยจังหวะกระโดดมิใช่สัมผัสในเคียง
- มีเสียงจัตวาแทรกเกือบทุกวรรค โดยเฉพาะวรรคหลัก คือ วรรคที่ ๓ หรือ วรรคที่ ๔ ที่คำลงท้ายควรใช้เสียงสูง และพุ่งใช้เสียงสูงเสียงสั้น (คือเสียงที่ใช้ไม้หันอากาศคุม หรือสระอำที่น้ำเสียงกระชับกับคำที่ ๑ ของทุกวรรค คำที่ ๓ ของวรรคแรก และวรรคที่ ๓ และคำที่ ๔ ของวรรคที่ ๒ กับวรรคที่ ๔
พินิจดูดี ๆ นะครับ
แล้วจะจับแจ้งจับใจมิใช่จับจด
การเขียนบทกวีสิ่งต้องพึงมีสามสิ่งหรือ สิ่งสาม ได้แก่ "น้ำคำ" "น้ำความ" และ "น้ำเสียง" ซึ่งจะต้องเรียงรับประกับประกบกัน น้ำคำนั้นสร้างได้ด้วยการรู้จักเลือกพลังตัวอักษร อันจะทำให้กาพย์กลอนลื่นไหล, น้ำความก่อเกิดความประทับใจสร้างได้โดยรู้จักเลือกพลังความคิดอันให้ชีวิตชีวาและคุณค่าแก่ผลงาน, น้ำเสียงคือการผสานตัวบททั้งหมดให้ไพเราะเพราะพรายสร้างได้เมื่อรู้จักลีลาจังหวะฉันทลักษณ์นั้นๆ นั่นเอง
แม้แต่งานเพลงหรือกลอนเปล่า ทั้งสามสิ่งจักต้องคลุกเคล้ามาร่วม มิฉะนั้นงานจะหลวมและหย่อนอรรถรสลง
คงไม่ประหลาดใจว่าทำไมผมถึงเน้นเสียงจัตวาหนักหนา เพราะเสียงจัตวามีคลื่นเสียงเสนาะหูกว่าเสียงอื่น คลื่นเสียงนี้แทรกที่ไหนก็ได้ไม่จำกัด ณ แต่ละวรรค ด้วยคลื่นเสียงอื่นจักทำไม่ได้ เช่น การส่งท้ายโคลงสี่สุภาพ เสียงจัตวาจะจับใจเหนือเสียงสามัย อธิบายกันก็ดูจะยืดเยื้อ แต่เมื่อใดที่เราเขียนกวีได้ดังใจคิด และพิชิตการท้าทายสายฉันทลักษณ์ทั้งมวลไว้ถ้วนทั่ว หัวใจในการใช้เสียงจัตวามาแต่งแต้มแซมสอด จะต้องให้คุณตระกองกอดเสียงเสียงแนบแน่น และเข้าถึงแก่นแห่งการรำร่าย
บอกลายแทงกาพย์ยานีแต่เพียงเท่านี้ หน้าที่ของคนเขียน คือ ต้องเพียรแสวงหาให้มากกว่าเดิม และรู้จักเพิ่มเติมรายละเอียด อันละเมียดละมุนสำหรับคนรุ่นต่อไป"
นอกจากนี้กวีซีไรต์ยังย้ำว่าท้ายวรรคที่ ๒ ไม่ควรลงท้ายด้วยเสียงจัตวา และย้ำว่า "...ไม่น่าจะทำในกาพย์ยานีและฉันท์ที่มี ๔ วรรคเป็นหนึ่งบท แม้มิใช่กฎเกณฑ์แน่นเหนียว แต่จงเฉลียวใจคิดสักนิดหนึ่ง ถึงอย่างไรก็บั่นทอนความไพเราะลงจริงๆ ยิ่งลงด้วยเสียงเอกหรือโท ยิ่งจะเห็นช่องโหว่ยิ่งขึ้น"
คัดมาจาก "วรรณวิเคราะห์: ตำนานฉันทลักษณ์กับหลักการใหม่" ของ คมทวน คันธนู มาฝากผู้สนใจ ใคร่พัฒนาฝีมือกาพย์ อันใดดีก็นำไปใช้ แล้วแต่ความต้องใจนะครับ
กาบกล้วยกาบอ้อยกาบ- ไผ่ลำทาบโอบลำทอง
โอบคลุมเพื่อคุ้มครอง ต้นอ่อนง้ำขึ้นลำงาม
กลอนกาพย์ประกอบกาบ อันวะวาบวะวาววาม
แต่งต้นก็งามตาม ประกายปลั่งกระทั่งปลาย
![ข้างบนว่าไงเนี่ย](https://www.klonthaiclub.com/Smileys/default/snowtoo_icon93.gif)