Re: ... EASTER DAY ...
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
01 พฤศจิกายน 2024, 05:46:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ... EASTER DAY ...  (อ่าน 7003 ครั้ง)
รัตนาวดี
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 977
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 3,130


❤ ลองล้มลงดูบ้าง แล้วจะรู้ว่าใครยังอยู่ข้างๆเรา*¨♥


« เมื่อ: 08 เมษายน 2012, 06:30:PM »



วันอีสเตอร์ในปีนี้คือวันที่ 8 เมษายน 2012

ใกล้เข้ามาแล้ว เมษายนเดือนแห่งวันหยุด เราชาวไทยก็จะได้หยุดสงกรานต์ ส่วนฝรั่งมังค่าได้หยุด “ล่าหาไข่อีสเตอร์”

หลายๆ คนคงทราบแล้ว ว่า “วันอีสเตอร์” เป็นวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ ที่เป็นการเฉลิมฉลองและระลึกถึงการตายและฟื้นคืนชีพของพระเยซูคริสต์ แต่ทำไม จึงมี “ไข่หลายสี” และ “กระต่าย” เป็นสัญลักษณ์  ให้ได้สงสัยถึงความเกี่ยวข้องซะเหลือเกิน

วันนี้ วันอีสเตอร์ ที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ถึงความเป็นมาของคำว่า Easter รวมไปถึง สัญลักษณ์ของ ‘ไข่หลากสี’ (Easter Eggs) กับ ‘กระต่ายน้อย’ (Easter Bunny) ทำไมไม่เป็น ไข่กับไก่ หรือ กระต่ายกับเต่า อย่างที่เราคุ้นเคยนะ

Easter มาจาก คำว่า Eostre = Spring Equinox หรือ “วันวสันตวิษุวัต” = "วันแรกของฤดูใบไม้ผลิ"

เรื่องมันเริ่มที่ “ฤดูใบไม้ผลิ”…
1. อีสเตอร์ “เรื่องของฤดูใบไม้ผลิ” แบบวิชาการ
Easter มาจาก คำว่า Eostre (อียอสเตอร์) ที่เป็นอีกชื่อของคำว่า Spring Equinox หรือภาษาไทยเรียกว่า “วันวสันตวิษุวัต” (ชื่อไฮโซมาก) หรือวันช่วงเดือนมีนาคม ที่นับเป็น “วันแรกของฤดูใบไม้ผลิ”

ขอขยายความว่า ‘Spring Equinox’ คือ 1 ใน 2 วัน Equinox* วันที่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตก “ตรงเส้นทิศอย่างพอดี” จึงเป็นผลทำให้ระยะเวลา “กลางวันและกลางคืนยาวนาน 12 ชั่วโมง เท่ากันเป๊ะ” ความพิเศษนี้จะมีเพียง ปีละ 2 วันเท่านั้น คือ ช่วงเดือน มีนาคม (Spring) และ กันยายน (Winter) ซึ่งตรงกับ 2 ฤดูกาลของปี ในสมัยโบราณแองโกล แซกซอน ที่อ้างอิงการนับฤดูกาลจากวัน Equinox

ข้อสนับสนุนอีกประการ ย้อนมาสมัยอังกฤษโบราณ หรือสมัยแองโกล แซกซอน เขาเรียก เดือนเมษายน ว่า Eostremonath (อียอสเตอร์มอนแนท) ซึ่งมีที่มาจาก คำว่า Eostre (อียอสเตอร์) ซึ่งเป็นรากศัพท์ของคำว่า “East” หรือ ทิศตะวันออก นั่นเอง

จากท้องเรื่องนี้ ความหมายของ Easter จึงแปลว่า “ช่วงเวลาของการเข้าฤดูใบไม้ผลิ เวลาของตะวันฉายแสง และทุกอย่างกลับมีชีวิตอีกครั้ง”

equinox มีรากศัพท์จาก 2 คำ equi = equal และ  nox = night รวมแปลว่า คืนที่เท่ากัน เรื่องมันเป็นฉะนั้นเอง

1. Spring Equinox บางที่เรียก Vernal Equinox (สปริง อิควินอกซ์ หรือ เวอร์นัล อิควินอกซ์ )
หรือ “วสันตวิษุวัต” ช่วงเดือนมีนาคม หรือ ช่วงเวลาผลัดเข้าฤดูใบไม้ผลิ
2. Autumnal Equinox (ออทัมนัล อิควินอกซ์)
หรือ “ศารทวิษุวัต” ช่วงเดือนกันยายน รือ ช่วงเวลาผลัดเข้าฤดูใบไม้ร่วง

1. Eostre “เทพเจ้าแห่งฤดูใบไม้ผลิ” หรือ “เทพเจ้าแห่งการฟื้นคืนชีพ” 2.ไข่ทาสีแดงแทนความหมายโลหิตพระเยซูคริส
2. “เรื่องของฤดูใบไม้ผลิ” ตามนิยายเทพปกรณัมกรีก และ “ความหมายของการฟื้นคืนชีพ”
จากความเชื่อกรีกโบราณ ว่าด้วย Eostre (อียอสเตอร์) คือชื่อของ “เทพเจ้าแห่งฤดูใบไม้ผลิ”  หรือ “เทพเจ้าแห่งการฟื้นคืนชีพ”เพราะก่อนจะถึงฤดูนี้ ต้นไม้ ใบหญ้า เหี่ยวแห้งร่วงหล่น แต่พอฤดูใบไม้ผลิ ทุกอย่างก็จะกลับผลิใบ และมีชีวิตอีกครั้ง ดังนี้ Eostre หรือ East จึงมีความหมายถึง การผลัดเข้าฤดูใหม่ ฟื้นจากความตาย ตะวันขึ้นเปิดวันใหม่ นั่นเอง และ Easter Day จึงเป็นวันที่ชาวคริสใช้เรียกวันรำลึก การฟื้นคืนชีพของพระคริสต์ในวันที่สามของการถูกตรึงบนไม้กางเขน


Bunny
ที่มาของกระต่าย
(และแล้วกระต่ายก็ได้เข้าซีน) ตามความเชื่อกรีกโบราณ กระต่ายนับเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำองค์เทพ Eostre และเป็นสัตว์สัญลักษณ์แทน “ความอุดมสมบูรณ์ และการเกิดใหม่” ตามความเชื่อโบราณนี้เอง จึงได้มีการนำกระต่ายเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของ อีสเตอร์ โดยที่เรื่องราว และกิจกรรมของวันสำคัญนี้ ได้มีการปรับและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และ วัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น

ไข่ทาสี
ตามความเชื่อในตำนานนับพันๆ ปี โดยเฉพาะชาวคริส ไข่ถือเป็นสัญลักษณ์แห่ง “การเกิด” แต่เดิมทีชาวคริสต์ใช้ ไข่ แทนการปรากฏตัวอีกครั้งของพระคริสต์หลังสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน โดย ทาเปลือกไข่ด้วย “สีแดง” แทนโลหิตพระคริสต์ แต่ไม่นาน การทาสีไข่อีสเตอร์ก็พัฒนาไปเป็นหลากสี และมีประเพณีเป็นของมันเองดังทุกวันนี้ (จะเหมือนที่เราทาไข่ต้มสีชมพู เวลาถวายที่ศาลเจ้าพ่อเสือด้วยรึเปล่านะ)

เรื่องมันจึงเป็นดังนี้ เหตุผลและที่มาของทั้ง สามอย่าง ในเรื่องเดียวกัน “อีสเตอร์”, “ไข่” และ “กระต่าย” คือตัวแทน ความหมาย ของคำว่า “เกิดใหม่” (Re-Birth) หรือฟื้นจากตายแล้วนั่นเอง

-----------------------------------ขอขอบคุณป้ายบอกทางค้นหาค่ะ---------------------------------------------

รัตนาวดี
 เคารพรัก

...❤...❤...❤...




ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

Thammada, sunthornvit, blues, รพีกาญจน์, navee, พี.พูนสุข, สะเลเต, ไม่รู้ใจ

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 เมษายน 2012, 07:38:AM โดย รัตนาวดี » บันทึกการเข้า

..อสงไขย..ใน..ใจ..คุณ...❤... สาวน้อยเซย์ ฮาโหล.....
☆★*•.¸All You Need Is  ℒƠѵℯ ✫*¸.•*¨♥¸.•*★☆

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s