กาลครั้งหนึ่ง....
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
19 พฤษภาคม 2024, 10:51:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง....  (อ่าน 4105 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
05 กุมภาพันธ์ 2011, 04:13:PM
ณัฐชรี
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 106
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 126


ยิ่งมืดยิ่งเห็นดวงดาวชัดเจน


« เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2011, 04:13:PM »
ชุมชนชุมชน



"ไม่ใช่ชน...คนแรก...ที่แหวกม่าน
มาพบพาน...อักษร...สุนทรศิลป์
หลงและรัก...อักขระ...แก้วกวิน
ขอเป็นดิน...หินสะเก็ด...แห่งเม็ดคำ

เพียงสื่อสาร...ผ่านนาม...ของความเชื่อ
ที่หลงเหลือ...จากเมื่อวาน...อันต้อยต่ำ
กับผลึก...หมึกที่...สาดสีดำ
บนกระดาษ...วาดซ้ำ...อยู่ร่ำไป

และความเชื่อ...เหลือปัน...มาวันนี้
ศรัทธาที่...มีกานท์...จึงขานไข
ฝากบันทึก...นึกฝัน...เขียนทันใด
เพียงเก็บไว้...ให้วันอื่น...เปิดชื่นชม

ทุกบทเบื้อง...บอกเรื่องเล่า...แก่ชาวโลก
สุขเศร้าโศก...ไหวหวาน...ผสานผสม
ห้วงความคิด...ปริศนา...แห่งอารมณ์
กับความโง่...โสมม...อุดมการณ์

จากถ้อยคำ...ความฝัน...ของวันนี้
ผ่านลานรส...บทสี...กวีสาร
รวมความรัก...ความฝัน...ของวันวาร
ระบายลาน...นานเนือง...เป็นเรื่องราว

กาลครั้งหนึ่ง...พึ่งผ่าน...ไม่นานนัก
มีคนตัก...สีสาด...กระดาษขาว
สร้างบันได...ไต่สรวง...ถึงดวงดาว
เพื่อมากล่าว...เล่านิทาน...จากม่านฟ้า"


วรรณศิลป์


ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

we will be forever
05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:08:PM
ปรางทิพย์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 355
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 429



« ตอบ #1 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:08:PM »
ชุมชนชุมชน


โลกนิทานขานกล่าวนั้นยาวนัก
เป็นเรื่องรักอักษรอ้อนเวหา
ยกดาวเดือนเกลื่อนฝันปั้นเมฆา
จวบจันทราอาทิตย์ลิขิตคำ

คราเปิดม่านกานท์กลอนละครโลก
อิงบทโศกโชคร้ายคล้ายถลำ
ตัวแสดงแต่งแต้มแจมลำนำ
เช่นระบำทำนองเสียงกลองรัว

เป็นจังหวะระเริงบันเทิงฝัน
ผู้ประพันธ์ปั้นแต่งแสงสลัว
ใต้เงามืดชืดชาแสนน่ากลัว
จึงพาตัวหัวใจห่างไกลตาม

รับบทหวานซ่านซึ้งคะนึงหา
วอนดินฟ้าปรากฏถ้อยพจน์หวาม
อยากแนบข้างปรางเธอละเมอความ
แล้วส่งข้ามยามยลกมลครวญ

คือกวีที่หวังว่าครั้งหนึ่ง
เคยรำพึงถึงกันคอยวันหวน
คล้ายบันทึกตรึกตรองพร้องสำนวน
ทุกถ้อยถ้วนล้วนฝากมาจากใจ

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
05 กุมภาพันธ์ 2011, 08:06:PM
ดอกกระเจียว
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 317
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,264


จินตนาการในความว่างเปล่า


« ตอบ #2 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2011, 08:06:PM »
ชุมชนชุมชน




กาลครั้งหนึ่ง..เยาว์วัยความใฝ่ฝัน
ซึ่งปลุกปั้นเป็นมั่นคงให้หลงใหล
บทกวีอันฉ่ำหวานซ่านซึ้งใน
นำพาใจไขว่คว้าการมาเป็น

จึงกระดาษปากการับหน้าที่
กานท์กวีต่อเพื่อนผู้เยือนเห็น
ประสานรักถักไยใจลำเค็ญ
ได้ชื่นเย็นรสอักษรสะท้อนมาน

กาลเวลามิพลัดพรากให้จากรัก
ร้างสำนักไกลกลอนเคยอ่อนหวาน
ถึงวันนี้ชีวิตอันเนิ่นนาน
ยังสำราญในรสบทกวี





ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

05 กุมภาพันธ์ 2011, 08:43:PM
สายลมสีขาว
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 261
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 823


จงพัดพา ความเป็นไปได้


« ตอบ #3 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2011, 08:43:PM »
ชุมชนชุมชน

สาดหมึก...ตรึกคำ...ลำนำฝัน
ร้อยพัน...เรื่องราว...เล่าขับขาน
ดี-ร้าย...สื่อได้...ด้วยกลอนกานท์
เป็นบท...นิทาน...เคยจารคำ

...กาลครั้ง...หนึ่งนาน...ผ่านมาแล้ว
ยังแว่ว...ภวังค์...ทั้งเช้า-ค่ำ
หนึ่งคน...หายไป...จากทรงจำ
เงื่อนงำ...ปริศนา...มีมากมาย

แกะเชือก...แก้เงื่อน...ที่เกลื่อนกราน
จากเรื่อง...นิทาน...ม่านความหมาย
ค้นหา...สาเหตุ...หล่นกระจาย
สุดท้าย...พบเพียง...เสียงภวังค์

**************

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...
บางสิ่งบางอย่างที่หาไม่เจอ ก็อย่าไปเพ้อว่ามันจะกลับมา เพราะบางทีอาจจะไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก ^^b
ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
05 กุมภาพันธ์ 2011, 11:03:PM
chaipan1999
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 93
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 365


กวีจรนอนตลาด-กวีปราชญ์นอนวัง


« ตอบ #4 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2011, 11:03:PM »
ชุมชนชุมชน

วางจรด หยดสาย แห่งปลายหมึก
ร่ำระลึก ห้วงฤทัย ที่ไหวหวาม
กล่อมประเลง เพลงน้อย ให้คล้อยตาม
ดังไผ่งาม เอนพลิ้ว ลิ่วตามลม

เสียงไผ่ซอ อ้อออด หยอดสำเหนียก
เหมือนเสียงเพรียก  พงพณา ว่าขื่นขม
ปานประหนึ่ง กล้ำกลืน ฝืนระทม
หมายปองชม เพียรหวัง พังทลาย

เฉกขุนเขา คอยเฝ้า เคล้าสายหมอก
คลายระลอก เมฆเลือน เคลื่อนสลาย
หากขุนเขา คอยอยู่ สู้เดียวดาย
หวังเมฆคลาย เคลื่อนกลับ ประทับทรวง

เหมือนไม้ใหญ่ เคียงคู่ หมู่วิหค
บินผันผก เริงเร้า เฝ้าห่วงหวง
คราสิ้นแสง สุริยา ลาลับดวง
วิหคล่วง คืนรัง ยังกายา

เป็นเรื่องขาน รอยกานท์ กาลครั้งหนึ่ง
ห้วงคำนึง อาจินต์ ถวิลหา
เป็นเรื่องราว เก่าก่อน ย้อนเวลา
รอยน้ำตา รักซึ้ง..."หนึ่งครั้งกาล"...



 เอ้อ..จริงว่ะ emo_85ติชมได้นะครับ เอ้อ..จริงว่ะ เอ้อ..จริงว่ะ
ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
06 กุมภาพันธ์ 2011, 06:46:PM
ณัฐชรี
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 106
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 126


ยิ่งมืดยิ่งเห็นดวงดาวชัดเจน


« ตอบ #5 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2011, 06:46:PM »
ชุมชนชุมชน

นิทานนี้...มีมานาน...เกินขานกล่าว
จากเรื่องราว...ป่า ว ร้อง...ร้อยกรองฉัน
จนพบเพื่อน...เยือนมา...สารพัน
ต่างผลัดกัน...หมั่นเล่า...กล่าวนิทาน

เรื่องของเธอ...เผลอฟัง...ในครั้งก่อน
ยังเก็บนอน...ตอนฝัน...อันไหวหวาน
แต่ละเรื่อง...เบื้องบท...เลิศรสนาน
ทั้งตื่นเต้น...เป็นตระการ...นิทานเธอ

ล้อมวงคน...สนทนา...ประสาศิลป์
ยังได้ยิน...สำเนียง...เสียงเสมอ
ขอบคุณให้...ไมตรี...ยามที่เจอ
คืนนี้เพ้อ...เก็บฝัน...นิทานก่อนนอน

วรรณศิลป์

*..."ขอบคุณทุก ๆ นิทานครับ คืนนี้คงหลับฝันดีอีกคืนหนึ่ง
ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

we will be forever
06 กุมภาพันธ์ 2011, 08:04:PM
บอม ซอง ดุ๊ก
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 589


เสกสรรกลั่นอักษร พลิ้วโอนอ่อนตามอารมณ์


« ตอบ #6 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2011, 08:04:PM »
ชุมชนชุมชน




~นิทานย่า~


ตอนเป็นเด็ก ย่าเฒ่า เล่าอีสป
จุดนัดพบ ต้นมะยม ลมเอื่อยเอื่อย
ท่านเคี้ยวหมาก ปากตุ้ย คุยไปเรื่อย
แม้นเนื้อเปื่อย เกี๊ยวกรอบ แต่ชอบใจ

ฟังคำเล่า ร้อนร้อน ถอนผมหงอก
เพราะย่าบอก ถอนนาน นิทานไหล
ตอบงับป๋ม..อมขี้มูก ถูกต้องไป
เอายังไง เอากัน..ฉันชอบฟัง

คราบทยักษ์ กินมนุษย์ มันสุดเสียว
ปนเสียงเคี้ยว หมากพลู ช่างดูขลัง
ยามพระเอก เสกสร้อย ปล่อยพลัง
ฉันต้องนั่ง หน้าเบี้ยว เอี้ยวตัวตาม

แม้นเรื่องนี้ ฟังมา สิบห้าครั้ง
แต่ยังนั่ง ตั้งจิต ไม่คิดถาม
แม้นบทเก่า เล่ามา แต่ว่างาม
แม้นทุกยาม ไม่เหมือนกัน..สักครั้งเดียว

ยามพระเอก เสียท่า พาให้เครียด
เผลอฟัดเฟียด ดึงหงอก ออกดังเฟี้ยว
ย่าร้องจ๊าก หมากพ่น จนเป็นเกลียว
ก็มันเสียว นี่ครับ..ขอโทษที

โจรตัวเดิม แต่ตาย คนละช่วง
ฤษีควง สองกะ พระกะผี
พระเอกเก่า ชื่อใหม่ แต่ใจดี
ส่วนยักษี ตัวเขื่อง พาเรื่องตัน

นิทานย่า เมามัน ตะวันคล้อย
หลานตาย้อย เหลือล้น จนท่านขัน
งั้นพรุ่งนี้ ฟังต่อ ก็แล้วกัน
ฟังเรื่องนั้น..เรื่องเดิม..ยักษ์ กิน  คน..คร่อก..ก


 หลับดีกว่า ตรู

บักหัมน้อย บอม ซอง ดุ๊ก

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เสกสรรกลั่นอักษร....พลิ้วโอนอ่อนตามอารมณ์
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s