Re: ซาบซึ้งตรึงตรา..อักษรารังสรรค์
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
26 เมษายน 2024, 03:26:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ซาบซึ้งตรึงตรา..อักษรารังสรรค์  (อ่าน 152644 ครั้ง)
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 99
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 579



« เมื่อ: 31 ตุลาคม 2020, 06:53:PM »

     

พบเห็นชื่ออุชเชนี มีความรู้สึกสองอย่าง คือ "เขื่อง" และ"เคือง"
เขื่องเพราะคุยได้ว่า ภูมิใจว่าเป็นผู้ชื่นชมท่านผู้ได้ชื่อว่่า "ผู้เจียรไนเพชรแห่งภาษา"
เคืองที่ว่า ทั้งที่กลอนท่านทั้ง คลาสสิค หวาน โรแมนติค ก็ยังอยากแย่งชิงให้ท่านเป็น กวีนักปฏิวัติ
ที่สุดผมก็ทำใจ  บ้านเรากวีทุกคนถูกติดยี่ห้อเป็นนักปฏิวัติหมด สุนทรภู่ยังใช่
ทั้งที่ภายหลังหลายๆคนก็ถูกผลักยันไปอยู่ตรงข้าม
ยังกะขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาลงไปเป็นบ้องกัญชา ว่าไปนั่น




อยู่เพื่ออะไร
อุชเชนี

ฉันอยู่เพื่อบุคคลที่ฉันรัก        ซึ่งใจซื่อถือศักดิ์สุจริต
และรักฉันมั่นมานปานชีวิต        ในความผิดความหลงปลงอภัย

ฉันอยู่เพื่อหน้าที่ที่พันผูก        เพื่อฝังปลูกความหวังพลังไข
เป็นท่อธารรักท้นล้นพ้นไป        หล่อดวงใจแล้งรื่นให้ชื่นบาน

ฉันอยู่เพื่อค้นคว้าหาสัจจะ        กลางโมหะอาเกียรณ์เบียฬประหาร
เพื่อสื่อแสงแจ้งสว่างพร่างตระการ       
กลางวิญญาณมืดมิดอวิชชา

ฉันอยู่เพื่อดวงใจที่ไร้ญาติ        ที่แร้นแค้นแคลนขาดวาสนา
เพื่อรอยยิ้มพริ้มยลปนน้ำตา
บนดวงหน้าโศกช้ำระกำกรม

ฉันอยู่เพื่อเยื่อใยใจมนุษย์        บริสุทธิ์สอดผสานงานผสม
เป็นเกลียวมั่นขันแกร่งแรงกลืนกลม       
 พายุร้ายสายลมมิอาจรอน

ฉันอยู่เพื่อความฝันอันเพริศแพร้ว       
เมื่อโลกแผ้วหลุดพ้นคนหลอกหลอน
เมื่ออามิสฤทธิ์แรงแท่งทองปอนด์       
มิอาจคลอนใจคนให้หม่นมัว

ฉันอยู่เพื่อยุคทองของคนยาก        ที่เขาถากทรกรรมซ้ำปั่นหัว
เพื่อความถูกที่เขาถมจมทั้งตัว        เพื่อความกลัวกลับบ้าบั่นอาธรรม

เพื่อโลกใหม่ใสสะอาดพิลาศเหลือ        เมื่อคนเอื้อไมตรีอวยไม่ขวยขำ
เพื่อแสงรักส่องรุ่งพุ่งเป็นลำ        สว่างนำน้องพี่มีชัยเอย

.....

       

   อาบดินชุ่มอุ้มดินชื่นคืนหรรษา
คำคนลาคาคนหลง..พะวงหวาน
ล้างไม่จบลบไม่จาง..อย่างดอกจาน
จงแว่วคำหว่านหวานคำวอน..ยังหลอนใจ.
*ท่าม = ที่

ปริญญา อินทร์อุดม
อุดร
…..

แต่งตามครับ แต่ ไม่ชอบกลอนเก้า
ลองปรับฉันทลักษณ์ และสัมผัส เป็นแบบกลอนแปดสุภาพ ผลก็ไม่ไพเราะเท่ากับต้นแบบ
ก็ช่าง ไม่ว่าอย่างไร เราก็ฝีมือไม่เท่าเทียม แน่ๆอยู่แล้ว ครับ

   
       

นั่งนึกย้อนอนนึกย้ำอ้ำอึ้ง
หลอกคนหนึ่งหลอนคนนี้มีใหม่
เด็ดดอกชมดมดอกเชื่่อเยื่อใย
จานเผื่อใครเจียนเผื่อแคล้วแล้วเรา

กลีบกระจายกลายกระจัดขัดข้อง
หมางใจล่องเมินใจลอยหงอยเหงา
ล้ามือฉุดหลุดมือชิงพริ้งเพรา
สูญใจเราเสียใจหลงพะวงภวังค์

ปล่อยลอยลิ่วปลิวลอยลมตรมตรอม
จานกลิ่นหอมจางกลิ่นหายคลายขลัง
ชักใจหยุดฉุดใจหยิ่งจริงจัง
ลืมความหลังลบความหลอนคลอนแคลน


     

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

พี.พูนสุข, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 พฤศจิกายน 2020, 10:17:AM โดย @free » บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s