Re: ซาบซึ้งตรึงตรา..อักษรารังสรรค์
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
28 เมษายน 2024, 07:18:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ซาบซึ้งตรึงตรา..อักษรารังสรรค์  (อ่าน 153036 ครั้ง)
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« เมื่อ: 11 มิถุนายน 2019, 04:04:PM »

ซึ้งจัง ซึ้งจัง

กัญชายาดี
กัญชาหมาเห่าเมาแล้วง่วง
ทั้งปวงคน,สัตว์เดรัจฉาน
ดูด ดื่ม กินคละพอประมาณ
สำราญบันเทิงรื่นเริงพัก

ใช้พอก่อเกิดบรรเจิดแผ้ว
มึนแล้วล้มนอนเพื่อผ่อนหนัก
เมามากยากคุมรุ่มร่ามนัก
เห็นปลักเป็นทะเลรวนเรคิด !
                           เนิน  จำราย




                             กัญชา 

คำ ๆ นี้ปรากฏครั้งแรกในประวัติวรรณคดีไทยเมื่อไหร่
อ๋อ..ตอนเรียนมัธยมปลาย  ยิ้มหน้าใส ยิ้มหน้าใส หัวเราะยิ้มๆ

พระมหามนตรี (ทรัพย์)  ท่านนำคำว่า กัญชา มาใช้เป็นคนแรก
ในบทละครเรื่องระเด่นลันได ซึ่งเป็นวรรณคดีไทยสมัยรัชกาลที่ ๓
ในสมัยนั้นมีวรรณคดีที่มีชื่อเสียงมากเรื่องหนึ่ง คือ บทละครเรื่องอิเหนา
กวีจึงแต่งเรื่องนี้เพื่อล้อเรื่องอิเหนา เริ่มเรื่องก็ตลกขบขันชนิดวางไม่ลง
เน้นเรื่องความรักระหว่างตัวละครสามตัว คือ ระเด่นลันได  นางประแดะ
และท้าวประดู่  ซึ่งมีส่วนคล้ายคลึงกับเรื่องอิเหนา ที่กล่าวถึงความรัก
ของตัวละครสามตัวเช่นกัน คือ ระเด่นอิเหนา  นางบุษบา  และท้าวจรกา

บทละครเรื่องนี้ ปรากฏคำว่า “กัญชา” เป็นครั้งแรกในประวัติวรรณคดีไทย
และเป็นอีกคำ ที่บ่งบอกว่า "เมืองไทยใช้กัญชามานานโขแล้ว.."


ตอน เปิดตัวบรรยายถึงนางประแดะ


        ๏   เมื่อนั้น                                     นางประแดะหูกลวงดวงสมร
ครั้นรุ่งเช้าท้าวประดู่ภูธร                      เสด็จจรจากเวียงไปเลี้ยงวัว
โฉมเฉลาเนาในที่ไสยา                          บรรจงหั่นกัญชาไว้ท่าผัว
แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว                     หวีหัวหาเหาเกล้าผมมวย
ได้ยินแว่วสำเนียงเสียงหมาเห่า             คิดว่าวัวเข้าในสวนกล้วย
จึงออกมาเผยแกลอยู่แร่รวย                  ตวาดด้วยสุรเสียงสำเนียงนาง
พอเหลือบเห็นระเด่นลันได                   อรไทผินผันหันข้าง
ชม้อยชม้ายชายเนตรดูพลาง                 ชะน้อยฤๅรูปร่างราวกับกลึง
งามกว่าภัสดาสามี                                 ทั้งเมืองตานีไม่มีถึง
เกิดกำหนัดกลัดกลุ้มรุมรึง                    นางตะลึงแลดูพระภูมี
                                          ฯ ๑๐ ฯ
                      ระเด่นลันได - พระมหามนตรี (ทรัพย์)

กวีใช้คำเพื่อล้อการใช้คำราชาศัพท์และสะท้อนให้เห็นสภาพชีวิตของแขกแถวเสาชิงช้า แถวโบสถ์พราหมณ์
แขกผู้หญิงนิยมเกล้าผมมวย  มีเหา  เจาะหูกลวงรูกว้าง
แขกผู้ชายชอบเลี้ยงวัว ขอทาน ขายนม สูบกัญชา



                         ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้
 
ยังมีอีกตอน ตอนเปิดตัวระเด่นลันได..



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

เนิน จำราย, @free, พิณจันทร์

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มิถุนายน 2019, 09:38:AM โดย พี.พูนสุข » บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s