Re: หลับอยู่มิรู้ตื่น
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
30 เมษายน 2024, 06:42:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: หลับอยู่มิรู้ตื่น  (อ่าน 9672 ครั้ง)
panthong.kh
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2989
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 8,676



« เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2013, 09:16:PM »

1.
ข้าพเจ้าหลับอยู่มิรู้ตื่น
ใช่ชั่วคืนชั่วเดือนหากเหมือนกัป
จะเนิ่นนานปานใดมิได้นับ
เฝ้าไล่จับความฝันอันงามงด

ในฝันนั้นข้าฯผันพรากจากถิ่นฐาน
เที่ยวท่องผ่านเทือกเขายาวจรด
ปลายโพ้นฟ้าผืนนทีที่เคี้ยวคด
งามเกินพจมานจะหว่านคำ

บรรลุยังเมืองน้อยกลางดอยสูง
ล้วนเพื่อนฝูงมากหน้าเห็นคลาคล่ำ
ต่างสรวลเสเฮฮาว่าลำนำ
ไมตรีจิตเลอล้ำประจำไป

จิบสุราชมจันทร์รังสรรค์สรวง
มิรุกล่วงโลกียวิสัย
ทั้งอ่อนน้อมถ่อมยิ่งหาชิงชัย
เรื่องน้อยใหญ่รู้อภัยด้วยใจจริง

มิแบ่งเผ่าแบ่งพันธุ์ชั้นวรรณะ
วิสาสะในทีไมตรียิ่ง
พร้อมดูแลแผ่เผื่อเอื้อพักพิง
มิทอดทิ้งผู้ทุกข์ยากลำบากทน

แต่เรื่องจริง ไม่เป็น เช่นนั้นแน่
ฝันปรวนแปร เปลี่ยนไป ให้สับสน
กินอิ่มมาก เมื่อวาน เขาบานบน
ทั่งสกล เซ่นไหว้ หมายร่มเย็น

พอตกบ่าย นำมา เป็นอาหาร
กับแกล้มทาน อร่อย พลอยกินเล่น
ทั้งน้ำจิ้ม พริกหรือ คือประเด็น
ให้ลำเค็ญ อิ่มท้อง ต้องเข้านอน
พันทอง
 ส่งจูบจ้ะ เคารพรัก
2.
ข้าพเจ้าท่องไปในความฝัน
ผ่านคืนวันหฤหรรษ์อันเข้มข้น
มิรู้เหนือใต้ใดในสกล
หากเปี่ยมล้นความสุขทุกอณู

ริ้วอรุณอุ่นอาบทาบแผ่นผิว
ทุ่งทองปลิวลมพาหญ้าเอนลู่
หอมพฤกษาผกาพันธุ์กลั่นกลิ่นกรู
นกขันคูไพเราะเสนาะนาน

ใต้หุบเขาเหนือลำน้ำท่ามคลื่นหมอก
ล้อระลอกธารเมฆาฟ้าประสาน
ธรรมชาติวาดเห็นเด่นตระการ
กล่อมวิญญาณมวลมนุษย์ได้หยุดพัก

ละวางสิ้นทุกสิ่งทั้งจริงเท็จ
เพาะเมล็ดพันธุ์เอื้อเพื่อเป็นหลัก
แตกกิ่งก้านร่มเงาเฝ้าฟูมฟัก
รอความรักผลิบาน ณ.ลานใจ

ท่องเที่ยวแดน ดงใด ในความฝัน
คงไม่เท่า เทียมทัน วันสดใส
แสนยาวนาน กาลกล่าว หนาวฤทัย
ลำธารไหล หลั่งริน ถิ่นดงดอย

ริ้วเรื่อเรือง ทองทาบ ให้วาบหวาม
ค่อนสองยาม ท่ามกลาง ทางถดถอย
หุบเหวห้วง ลึกล้ำ น้ำตาปรอย
หินสลัก หยักย้อย ลอยวาริน
พันทอง
 ส่งจูบจ้ะ เคารพรัก
3.
ข้าพเจ้าสะดุ้งตื่นคืนสู่โลก
เสียงกรรโชกก่นทอก็แว่วไหว
ความโกรธเกลียดเคียดขึ้งอื้ออึงไกล
ใช่แล้วใช่!!นี่คือโลกของเรา

การแบ่งแยกแตกร้าวยังก้าวต่อ
แม่กับพ่อน้องกับพี่ผีไม่เผา
ตาต่อตาฟันต่อฟันต่างมันเมา
คือเรื่องเศร้าของสังคมอุดมการณ์

ไฟแห่งความชิงชังยังถูกจุด
ศพมนุษย์กองก่ายคล้ายสุสาน
ศาสนาพร่าเลือนเหมือนตำนาน
มือหนึ่งกรานมือหนึ่งกรีดมีดฆ่ากัน

เมื่อมันคือ เรื่องจริง ทุกสิ่งสร้าง
ปล่อยไปบ้าง ช่างเถิด จักเฉิดฉัน
ได้แต่ปลง ยืนดู อดสูพลัน
เขาห้ำหั่น เฉกเช่น ไม่เป็นไทย

จะกี่ยุค สมัย ใครจักช่วย
คงมอดม้วย มรณา ฆ่ากันใหญ่
จิตสำนึก ไม่มี ชี่ช้ำใจ
เวรกรรมไหม พี่น้อง ต้องจาบัลย์
พันทอง
 ส่งจูบจ้ะ เคารพรัก
4.
ข้าพเจ้าจึงหลับต่อไม่ขอตื่น
ใช่ชั่วคืนงดงามของความฝัน
แต่ขอหลับมิรู้ตื่นทุกคืนวัน
กว่าหมอกควันความเกลียดชังจะจางลง
 เคารพรัก

จะหลับต่อ หรือตื่น จำขื่นขม
เกิดเป็นปม แก้ยาก ขอฝากส่ง
หยุดเถอะหนอ บอบช้ำ ย้ำตามตรง
สันติจง คืนกลับ มาฉับไว
พันทอง
๕/๑๑/๕๖
 ส่งจูบจ้ะ ส่งจูบจ้ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

รพีกาญจน์, ไพร พนาวัลย์, จารุทัส, ชลนา ทิชากร, ดุลย์ ละมุน, ปู่ริน, ...สียะตรา.., D, อริญชย์, Shumbala, ยามพระอาทิตย์อัสดง, กังวาน, รัตนาวดี, พี.พูนสุข, เวหน.., เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 16 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s