Re: กระทู้ที่ตอบกลับ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
28 เมษายน 2024, 04:35:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: กระทู้ที่ตอบกลับ  (อ่าน 37032 ครั้ง)
ชลนา ทิชากร
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1601
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,453



« เมื่อ: 28 มีนาคม 2013, 10:23:PM »

   
Re: ~@ ยังคงรัก @~
« ตอบ #15 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2012, 05:05:am »


ปลายฟากฟ้าฝั่งนี้..มีรักมั่น
ผูกสัมพันธ์ผันพ่วงเพราะหวงแหน
ไม่อยากให้ใจเจ้าชู้มาดูแคลน
รักด้วยแก่นของใจ..ให้คนดี

รักพี่นั้นงันงง..น้องสงสัย
รักอย่างไรไม่ปองจับจองที่
หรือเป็นแค่โลเลให้เสรี
เอ่ยวจีเพ้อพร่ำ..เหือดน้ำใจ

แม้อึดอัดขัดข้อง..น้องลาก่อน
เกินจะอ้อนซ้ำซ้ำ..ช้ำ !รู้ไหม?
จะเจียมตัวเจียมตน..ประสาคนไกล
น้องคงแค่ ”คนไม่ใช่”..พี่ไม่แคร์

แซม

ปลายฟากฟ้า ฝั่งโนน ไกลโพ้นนัก
แต่มีรัก ปักใจ ไว้แน่วแน่
รักคงมั่น รักเธอนั้น ไม่ผันแปร
รักจริงแท้ แน่นอนนัก ฉันรักเธอ

ปลายฟากฟ้า ฝั่งโนน ไกลโพ้นยิ่ง
มีรักจริง ยิ่งใหญ่ ให้เสมอ
ถึงตัวไกล ใจใกล้ ใฝ่ปรนเปรอ
รักบำเรอ เสมอมั่น นิรันดร

ปลายฟากฟ้า ฝั่งโนน ไกลโพนจัง
รักฉันยัง ดำรงอยู่ คู่สมร
จะเนินนาน ปานไหน ใจอาวรณ์
รักงามงอน คนดี นี้ทุกวัน

ชลนา  ทิชากร

<a href="http://www.youtube.com/v/-o0g6HDjPDQ&amp;rel=0&amp;fs=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/-o0g6HDjPDQ&amp;rel=0&amp;fs=1</a>

Re: "เพราะเหตุใด?"
« ตอบ #1 เมื่อ: 06 มีนาคม 2014, 10:16:pm »


ไอละมุนอุ่นรักสลักฝัน
เคยบอกกันมั่นนักมิผลักใส
แม้นเวลาผ่านล่วงเฝ้าห่วงใย
นานแค่ไหนใจพร้อมนำน้อมเคียง

คำที่เผยเอ่ยอ้างเส้นทางนี้
โอ้คนดีลืมไฉนจึงไร้เสียง
สิ้นความหมายคลายลับดับสำเนียง
ที่ร้อยเรียงเพียงหนึ่งพึงมอบมา

สร้อยอักษรก่อนเคยเผยคำอ้อน
ใยสั่นคลอนอ่อนไหวไม่ห่วงหา
ปรารถนาเกี่ยวคล้องยามต้องตา
หรือลืมแล้วสัญญา..เคยสาบาน

จึงไม่เหลือสิ่งใดคาใจค้าง
ปลดปล่อยวางคว้างคล้อยล่องลอยผ่าน
ที่รินร่ายกลายขมตรมร้าวราน
รสรักหวานพาลชืดจืดจางลง

เฝ้าคิดครวญทวนความถามหาเหตุ
เพราะอาเพศใดหนอก่อประสงค์
ให้ต้องเจ็บเกินเก็บซ่อนผ่อนปลิดปลง
ความมั่นคงหลงเลือนไม่เหมือนเดิม

เฝ้าถักทอรอขวัญในวันชื่น
เธอกลับยื่นรอยช้ำระกำเสริม
เปรียบน้ำใจแห้งหมดไม่รดเติม
สิ้นใยเสริมรักเศร้าสิ้นเงาเธอ...

“สุนันท์ยา”

แสงจันทร์นวล ชวนมอง ส่องฟ้าใส
หริ่งเรไร ร่ำร้อง ฉันมองเหม่อ
นกจับคอน นอนเหงา เฝ้าละเมอ
เสียงใครเพ้อ คอยคู่ อยู่เดียวดาย

ฟังเธอพร่ำ ช้ำทรวง ทวงสัญญา
เอ่ยวาจา ว่ารัก ปักใจหมาย
จะรักกัน มั่นอยู่ ไม่รู้คลาย
สิ้นสลาย หายลับ ไม่กลับคืน

คอยอักษร กลอนกานท์ ผ่านเลยหาย
เขาแหนงหน่าย หรือไร ให้ขมขื่น
เสียงเธอเพ้อ เธอพร้ำ ช้ำกล้ำกลืน
แผ่วสะอื้น เบาเบา เศร้าใจจัง

หริ่งเรไร ระงม ลมพัดผ่าน
แสนสงสาร ยิ่งนัก รักผิดหวัง
เธอคร่ำครวญ ทวนความ ยามได้ฟัง
ทุกข์ประดัง โถมทับ จับหัวใจ

เผยวจี  รินคำ รำพันผ่าน
ปลอบนงคราญ ผ่ากลม พรมพัดไหว
รักมีสุข โศกเศร้า เคล้ากันไป
จงเผื่อไว้ ผิดหวัง ยั้งอุรา

คิดรักใคร อย่าหวัง จะยั่งยืน
รักมีขื่น มีหวาน ซ่านเสน่หา
รักมีขม ตรมเศร้า เคล้าน้ำตา
โอ้กานดา อย่าเหงา เศร้านักเลย

ชลนา  ทิชากร

Re: ใบไม้พลัดต้น
« ตอบ #1 เมื่อ: 21 มีนาคม 2014, 01:57:pm »
อ้างจาก: ละอองดิน ที่ 21 มีนาคม 2014, 01:57:pm

ชลสินธุ์รินใสไหลเรื่อยล่อง
โค้งคุ้งคลองนองเนืองเมลืองค่า
พาดผันผ่านกาลกัลป์วันเวลา
นับคณาผาสุขทุกวานวัน

ชินกับคลองหมองนวลสาวสวนส้ม
สุขอารมณ์เพียงเพ้อละเมอฝัน
ยามดึกดื่นคืนค่อนนอนมองจัทร์
ก็สุขสันต์หรรษาคนป่าดอย

ช่วงเวลาพาเปลี่ยนหมุนเวียนผัน
ชีวิตหันเหห่างใช่วางปล่อย
เคยฟ้ากว้างสร้างฝันดาว,จันทร์ลอย
กลับต้องหงอยในตึกรู้สึกตน

เปลี่ยนดาวเดือนเถื่อนไพรอยู่ไฟสี
หลากล้นหนีปัญหาพาฉงน
คิดสร้างตัวฐานะคละระคน
จึงจำด้นฝ่าไป...ใจเหมือนเดิม

"ดิน"


ชลสินธุ์ รินไหล ไม่คอยท่า
กาลเวลา หมุนเวียน เปลี่ยนแปลงเพิ่ม
มีทั้งลด หดไป ไม่เหมือนเดิม
มีทั้งเสริม เติมต่อ ตามพอใจ

เคยอยู่นา ป่าดอน นอนกระต็อบ
ให้นึกชอบ ตึกหรู คู่เมืองใหญ่
ขายที่นา ป่าดง หลงแสงไฟ
ศิวิไลซ์ ปัญหา บรรดามี

หลงสุขกาย สบายตัว มัวสนุก
ใจเป็นทุกข์ ร้อนเร่า เศร้าหมองศรี
ค่าครองชีพ บีบรัด มัดชีวี
ใจร้อนฉี่ ดิ้นรน ให้พ้นตาย

มองดวงไฟ แทนดาว พราวเวหา
นาฬิกา ปลุกก่อน นอนตื่นสาย
เข้าห้องน้ำ ชำระ สะสางกาย
รีบสะพาย กระเป๋า เข้าทำงาน

ชลนา  ทิชากร

Re: ใบไม้พลัดต้น
« ตอบ #8 เมื่อ: 23 มีนาคม 2014, 10:24:pm »
อ้างจาก: ละอองดิน ที่ 23 มีนาคม 2014, 08:43:pm

ความว้าเหว่เปปนระคนเหงา
ทุกค่ำเช้าปล่อยจินต์ให้ผินผ่าน
ช่างเวิ้งว้างฤดีราตรีกาล
ปลอบดวงมานลำพังวาดหวังไกล

แหงนหน้ามองดาวเดือนจิตเฝื่อนพร่า
น้ำตาบ่าเอ่อท้นล้นรินไหล
ทาบฉาบปรางพลางทดรดรินใจ
สะกดกลั่นกลั้นไว้ให้อดทน

สักวันหนึ่งถึงฝันอย่าหวั่นไหว
ก้าวต่อไปใจแกร่งทุกแห่งหน
หน้ายิ้มรื่นกลืนกล้ำช้ำกมล
หาสักคน คนรู้ใจไปบ้านเรา

"ดิน"


จงปล่อยวาง จิตใจ ให้หลุดพ้น
ตนพึ่งตน พ้นเหงา เศร้าหมองศรี
อยู่กับลม หายใจ พ้นไพรี
ทั้งโลกนี้ โลกไหน ใจชื่นบาน

อยู่กับลม หายใจ ไม่มีเศร้า
หายใจเข้า ก็รู้ ดูลมผ่าน
หายใจออก ก็รู้ ดูเหตุการณ์
ตอนทำงาน ก็รู้ ดูที่ใจ

อิริยาบถ สี่ มีเดินยืน
ยามค่ำคืน นั่งนอน ก่อนหลับใหล
หายใจเข้า หายใจออก บอกความใน
หลับตอนไหน เขาหรืออก บอกฉันที

ชลนา  ทิชากร


รำลึก...ลา
« เมื่อ: 23 มีนาคม 2014, 03:57:pm »

รำลึก..ลา

รำพันฟันฝ่าเข้าป่ากว้าง
น้ำค้างเย้าหยอกรับหมอกเย้า
ชื่นฝนหล่นฟ้าเวลาเช้า
คัดเค้าอิดเอื้อนเคลื่อนดอกย้อย

ไม่เด็ดได้ดมฉมชื่นนัก
จำหลักไว้ในดวงใจด้อย
หลากหลายมาลาเก็บมาร้อย
เหลือน้อยช่อหนึ่งไว้ตรึงจำ

ประทับรับขานเพียงพรานด้อย
เร่งถอยผันผายเกินกรายกล้ำ
รอบานงามพร้อมได้หอมซ้ำ
สุขล้ำเลิศเลอเสมอใด

กักกลิ่นชื่นหอมกับอ้อมอก
กอดกกสุขสันต์กับฝันใฝ่
ก่อเกิดกำลังกับหวังไว้
กล้ำกลืนความในกับภวังค์

เนิน จำราย

แว่วรำลึก อำลา เข้าป่ากว้าง
ให้อ้างว้าง รำพึง ถึงความหลัง
เนินจำราย ลาไกล เศร้าใจจัง
แต่ก็ยัง ชั่งใจ ในบทกลอน

เธอคงลา พงไพร ดอกไม้ป่า
ที่ไม่กล้า เด็ดดม ชมเกสร
หรือเกรงใจ แมลงภู หมู่ภมร
ที่บินจร ดมดอม ตอมผกา

กลัวจะคล้ำ ช้ำหมอง ของสงวน
กลิ่นอบอวล ยวนใจ ยังไม่กล้า
ได้แต่มอง เมียงชม้าย ด้วยสายตา
เดินอำลา จากไป ใจหวังชม

หวังเพียงชม กลิ่นชื่น ระรื่นหอม
มารวมหลอม กลิ่นเคล้า เขาผสม
หลากบุบผา เรียงราย กลางสายลม
ยามสูดดม ระรื่น ชื่นฉ่ำทรวง

ชลนา  ทิชากร

@..ฉันยินดี..@
« เมื่อ: 27 มีนาคม 2014, 08:19:pm »

นั่งคนเดียว เปลี่ยวจิต คิดยิ่งเศร้า
นั่งกอดเข่า เจ่าจุก ทุกข์เรียกหา
นั่งเหม่อมอง จ้องดาว พราวนภา
นั่งก้มหน้า ตาแดง ใช่แกล้งลวง

ม่านหน้าต่าง บางเบา เรามองเห็น
ชมพูเด่น ด่างดำ คล้ำเป็นช่วง
แดดโลมไล้ ใกล้ขาด มันบาดทรวง
รักเลยล่วง ลับเลือน เหมือนจืดจาง

ลมพัดแผ่ว แว่วเสียง สำเนียงคล้อย
เพลงคนคอย ลอยล่อง แสนหมองหมาง
เคล้าตนตรี ปี่ขลุ่ย กรุยตามทาง
ใจน้องนาง ว้างเวิ้ง เปิดเปิงไป

กาลเวลา กัดกร่อน นอนช้ำชอก
เกินจะบอก ออกปาก ยากเพียงไหน
สะกดกลั้น กลิ้งเกลือก เลือกทางใด
คงสิ้นไร้ รักร่วม อ่วมเหมือนเดิม

จึงไม่คิด หาใคร ให้เจ็บปวด
ถึงจะชวด ชายไป ไม่ส่งเสริม
เถอะขออยู่ ไม่สน คนซ้ำเติม
ฤทัยเริ่ม คุ้นชิน ฉันยินดี

พันทอง

นั่งโดเดี่ยว เดียวดาย อยู่ชายทุ่ง
นั่งมองรุ้ง พุ่งงาม อร่ามสี
นั่งเหม่อมอง ท้องฟ้า ยามราตรี
นั่งตรงนี้ ที่น้อง ชวนมองดาว

คิดถึงม่าน บ้านช่อง ห้องงามหรู
ม่านชมพู ดูเด่น เห็นหน้าสาว
เดือนโลมไล้ ใบหน้า ฟ้าสกาว
ดาราพราว วาววับ จับหัวใจ

ลมพัดแผ่ว แนวไผ่ ไหวโอนเอน
คืนเดือนเพ็ญ เด่นดาว พราวสดใส
แว่วเสียงน้อง ร้องพร่ำ ร่ำพิไล
รักลาไกล ไห้หวน ครวญรำพัน

กาลเวลา พาให้ พี่ไกลน้อง
ที่หมายปอง ครองอยู่ เป็นคู่ขวัญ
คิดถึงน้อง หมองเศร้า เฝ้ามองจันทร์
ใจโศกศัลย์ หวั่นน้อง ร้องเพลงรอ

จึงไม่คิด ผิดคำ พร่ำสัญญา
จะกลับมา หาน้อง จองเรือนหอ
ไม่ลวงหลอก หยอกเย้า เฝ้าพะนอ
เคล้าเคลียคลอ ขอมั่น ฉันยินดี

ชลนา  ทิชากร

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

D, Shumbala, รพีกาญจน์, khuadkao, Thammada, รัตนาวดี, choy

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 มิถุนายน 2014, 10:43:PM โดย ชลนา ทิชากร » บันทึกการเข้า

ขอขอบคุณ ทุกภาพ และทุกบทเพลง จาก Internet และ Youtubeค่ะ


Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s