......มลุลีหรือสุรางค์..ต่างก็คล้าย
...มิซัดส่าย...ดั่งภุมรี..กีฏะผิน
...ด้วยหามีสักกระผีก..ปีก...โบยบิน
...ไปเยือนถิ่น...ตามบ่วงห้วง..ต้องการ
......นาง..ก็นั่งอยูบนหอคอตั้งบ่า
...ก็เริงร่า..ตั้งอุบายหมายพร่าผลาญ
...ครั้นเกษมสมกมล..รีบลนลาน
...สู่เรือนชานหลังใหม่ไกลจากเดิม
......อยู่เฉย..เฉย..ก็มาเองนิ...ไปล่อที่หนายยยกัน..

หมายเหตุ...ภาพสวยดีนะคะ

มโนภาพวาบไหวในดวงจิต
ให้ครวญคิดเหตุใดใครฮึกเหิม
จึงกล้าเปรียบนารีมีไฟเติม
เป็นฝ่ายเริ่มเบ่งบานปานมาลี
หรือความสวยความสาวคราวแรกรุ่น
หอมละมุนเนื้อนางสร้างเสริมศรี
จะเปรียบงามไหนเล่าเท่าสตรี
เห็นมาลีแรกบานเลยขานคำ
มีสตรีมีชายหมายเคียงคู่
มองเห็นอยู่เพียงนี้ที่คมขำ
มาลีหรือคือภมรผู้ชอนชำ
เลยได้นำเปรียบชายคล้ายภมร
..สียะตรา..ว่าสตรีนี้อยู่เหย้า
คอยมวลเหล่า “เฝ้าผกา” มาสลอน
นางนั่งคอตั้งบ่าสายตาวอน
รอหนุ่มหนุ่มสัญจร..ช้อนชำเลือง
อาจจะเป็น เช่นนี้.. “สี..” ยังสาว
เมื่อเรื่องราวผ่านพ้นจนฟ้าเหลือง
หาก “สี..” ยัง คงหวังมะลังเมลือง
คงเป็นเรื่องเศร้าหมอง..ของ..สียะตรา..
ปัจจุบัน..โผผลิน บินแข่งนก
เหนือ,ออก,ตก อกสั่นครั่นคร้ามหนา
จากทางใต้ ล้นขบวน ชวนกันมา
สืบเสาะหา..ภมรน้อย..คือข้อยเอง.
ให้ครวญคิดเหตุใดใครฮึกเหิม
จึงกล้าเปรียบนารีมีไฟเติม
เป็นฝ่ายเริ่มเบ่งบานปานมาลี
หรือความสวยความสาวคราวแรกรุ่น
หอมละมุนเนื้อนางสร้างเสริมศรี
จะเปรียบงามไหนเล่าเท่าสตรี
เห็นมาลีแรกบานเลยขานคำ
มีสตรีมีชายหมายเคียงคู่
มองเห็นอยู่เพียงนี้ที่คมขำ
มาลีหรือคือภมรผู้ชอนชำ
เลยได้นำเปรียบชายคล้ายภมร
..สียะตรา..ว่าสตรีนี้อยู่เหย้า
คอยมวลเหล่า “เฝ้าผกา” มาสลอน
นางนั่งคอตั้งบ่าสายตาวอน
รอหนุ่มหนุ่มสัญจร..ช้อนชำเลือง
อาจจะเป็น เช่นนี้.. “สี..” ยังสาว
เมื่อเรื่องราวผ่านพ้นจนฟ้าเหลือง
หาก “สี..” ยัง คงหวังมะลังเมลือง
คงเป็นเรื่องเศร้าหมอง..ของ..สียะตรา..
ปัจจุบัน..โผผลิน บินแข่งนก
เหนือ,ออก,ตก อกสั่นครั่นคร้ามหนา
จากทางใต้ ล้นขบวน ชวนกันมา
สืบเสาะหา..ภมรน้อย..คือข้อยเอง.

"บ้านริมโขง"







ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า