ตลุยยุทธภพ ตอนที่ 4 ร่ำสุราเริงกวี
บรรยากาศภายในโรงเตี้ยมตอนตะวันสายโด่ง อากาศเย็นสบายดี เก้าอี้ทุกตัวถูกเก็บให้เข้าที่วางเทินไว้บนโต๊ะ พื้นเบื้องล่างปัดกวาดจนสะอาดสะอ้านโดยจางฟงยี่ เธอกำลังนั่งอ่านหนังสือกวี ปล่อยอารมย์ไปกับจินตนาการในหนังสือนั้น
เมื่อสามวันก่อนที่โรงเตี้ยมของเธอได้มีแขกมาใหม่สองคนในตอนพลบค่ำ คนหนึ่งนั้นหล่อเหลาชื่ออ๋องอุ้น เขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายที่หัวไหล่ จากการวิเคราะห์ของอ้อเสี่ยวตุ้ยกับคำบอกเล่าของคนที่ทำร้าย ทุกคนลงความเห้นตรงกันว่า เป็นฝีมือของศิษย์จอมมารชั่ว จางฟงยี่ก็เชื่อเช่นนั้น เพราะเธอเองก็เคยพานพบชายโฉดทั้งสาม ชายอีกคนหนึ่งชื่อหลูอันรูปร่างอ้วนเตี้ยและช่างเจรจา เขาบอกกับจางฟงยี่ว่าเขาทำงานเป็นผู้ช่วยผู้ตรวจการในหอสมุดในเมือง เขามีหน้าที่อ่านและตรวจสอบจดหมายร้องเรียนของราษฎรที่ส่งมาที่สำนักตรวจการ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่หนักเอาการ เพราะเดือนหนึ่งๆมีจดหมายร้องเรียนเข้ามามากมาย นอกจากเป็นผู้ช่วยผู้ตรวจการเขายังบอกอีกว่า เขามีหน้าที่ดูแลห้องสมุดที่มีหนังสือ ของนักปราชญ์ ราชครูมากมายทั่วทั้งแผ่นดิน เขาพกมาด้วยหลายเล่ม และให้เธอยืมเล่มหนึ่ง คือเล่มที่อยู่ในมือเธอตอนนี้ โดยผู้เขียนใช้นามแฝงว่าเจ้าแมวเหมียว
ยามเมื่อลมพัดผ่าน
นำพากลิ่นหอมหวนแห่งมวลดอกไม้
หอมหวนดุจความรัก
ข้าหรือต้องการสิ่งใด
จางฟงยี่ครุ่นคิดถึงชีวิตก่อนจะยิ้มให้กับตัวเอง เธอไม่ใช่เด็กน้อยแต่เธอเป็นสาวแล้ว เธอคิดไปไกลจนกระทั่งว่า วันหนึ่งเธอจะมีคนรักแต่คนรักเธอจะเป็นใครกัน...เธอคิดว่าคนเขียนหนังสือเล่มนี้มีเจตนาให้คนอ่านที่เป็นสาวอ่านแล้วหน้าแดงแน่ๆ เพราะสำนวนนั้นยั่วยวนดีเสียจริง...แต่เธอก็ชอบที่จะอ่าน
อ้อเสี่ยวตุ้ยมีความสุขท่ามกลางแสงแดดยามใกล้เที่ยง ในมือถือกระต่ายสีน้ำตาลตัวหนึ่ง เขาผิวปากเป็นเสียงเพลงทำนองรื่นรมณ์ ทางที่เขาเดินมาดูคดเคี้ยวเหมือนเส้นเชือกในพรมเขียว เมื่อราวเหนื่อยอ่อนกับการเดิน เขาหยุดป้ายเหงื่อที่ซมไหลบนหน้าผาก มองโรงเตี้ยมตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาไกลออกไปเบื้องหน้า
อากาศดีจริงๆเลย เจ้าว่าไหมเจ้ากระต่ายน้อย เขาชูกระต่ายที่ถืออยู่ขึ้นมาพูดด้วยแต่กระต่ายตัวนั้นตัวอ่อนปวกเปียกไม่มีกิริยาใดๆตอบรับ
สงสัยจะซี้แหงแก๋เลี้ยว เขาจิ้มมือที่หน้ากระต่ายแล้วเดินต่อไป
เมื่อก้าวผ่านธรณีประตูเข้าไปในโรงเตี้ยม อ้อเสี่ยวตุ้ยก็พบจางฟงยี่กำลังนั่งอ่าหนังสืออยู่ เขาวางกระต่ายตัวนั้นลงต่อหน้านาง จางฟงยี่พับหนังสือเก็บและหันมามองมันอย่างสนใจ
แม่นางยี่ช่วยประฐมพยาบาลมันหน่อยเขาบอกตอนที่ข้าพยายามปลดมันออกจากแร้ว ข้าคิดว่ามันจะทำร้ายข้า ข้าตกใจเลยเขวี้ยงมันอัดกับต้นไม้ มันเลยสลบไป เขาบอก
จางฟงยี่มองกระต่ายที่น่าสงสารและตรวจพิเคราะห์อย่างละเอียด เมื่อแน่ใจจึงหนหน้ามาพูดกับอ้อเสี่ยวตุ้ย
มันตายแล้วค่ะท่านอ้อเสี่ยวตุ้ย ตายสนิท จางฟงยี่พลิกร่างไร้วิญญาญนั้นกลับไปกลับมา
สงสัยข้าจะมือหนักไป อ้อเสี่ยวตุ้ยนึกสมเพชกระต่ายตัวนั้น อโหสิให้ข้าด้วยเถอเจ้ากระต่ายน้อย
ข้านึกออกแล้ว
อะไรแม่นางยี่
ท่านเคยกินผัดเผ็ดกระต่ายไหม
ข้าไม่เคย อ้อเสี่ยวตุ้ยตอบ
ย่าง
ไม่เคยอ้อเสี่ยวตุ้ยคิดอยู่ครู่หนึ่งอ๋อเคยๆๆ ตอนข้าแรมทางอยู่กลางป่า ข้าเคยย่างกินครั้งหนึ่งรู้สึกว่ามันก็...เอ่อรสชาติไม่เลว
เดี๋ยวข้าจะเอากระต่ายไปให้อาโก๋จัดการ จางฟงยี่บอกเขา
ข้าก็ชักหิวๆเหมือนกัน อ้อเสี่ยวตุ้ยตอบ
โปรดรอสักครู่
งั้นข้าขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าซักหน่อย เหนียวตัวไปหมดแล้ว
ตามสบายค่ะท่ายตุ้ย
เมื่อจางฟงยี่หิ้วกระต่ายสีน้ำตาลหายตัวเข้าไปในครัว อ้อเสี่ยวตุ้ยจึงขึ้นไปบนห้องพัก ความเหนียวเหนอะหนะตัวทำให้เขารู้สึกอึดอัด...
ห้องพักของโรงเตี้ยมชั้นบนมีทั้งหมดแปดห้อง มีทางเดินตรงกลาง แบ่งเป็นสองช่วงมีห้องโถงตรงกลางกั้นอยุ่ ด้านทิศเหนือมีระเบียงยื่นออกไปว่างโล่งมีกรงไม้ล้อมรอบด้าน ด้านนอกมีเพิงยื่นออกไปมีกรงนกพิราบอยู่ตรงนั้น หลูอันนอนอวดพุงพลุ้ยอยู่บนม้านั่งที่ทำด้วยหวายอ่านหนังสืออย่างอารมย์ดี นกพิราบกำลังกินเหยื่อที่เขาโรยไว้ในรางให้อาหาร
ท่านชอบนกพิราบราบหรือ อ้อเสี่ยวตุ้ยถามเขา
หลูอันไม่ได้ตอบ แต่พับหนังสือวางบนเก้าอี้หาวโหวกเหวกขึ้นทีหนึ่ง
ไปไหนมาล่ะท่านอ้อเสี่ยวตุ้ย
ไปเดินเล่นข้างนอกมาเขาตอบ
สนุกมะหลูอันเหยียดกายลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
ข้าไปเจอกระต่ายติดแร้วตัวหนึ่งแน่
แล้วไงล่ะ
แม่นางยี่กำลัดจัดการผัดเผ็ดอยู่ในครัว
กลิ่นหอมดี หลูอันลูบพุง น่าจะอร่อยนะ
แล้วเพื่อนของท่านเป็นไงมั่ง
อยู่ในห้องหลูออันตอบอีกวันสองวันก็คงบู้ได้อีก
ข้าอยากให้เพื่อนท่านหายไวไวจังข้าจะได้มีเพื่อนกินเหล้า อ้อเสี่ยวัยบอกเขา
หลูอันครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงถามว่า
ท่านทำอะไรเป็นอีกบ้างนอกจากกินเหล้าเขาตั้งข้อสังเกต เมรัยเมื่อไร้นารี
ท่านไม่ชอบหรือ
ชอบหลูอันตอบโดยไม่มองหน้าเขา
อันที่จริงข้าก็ไม่ได้ลุ่มหลงหรอกนะ แต่บางครั้งมันก็ทำให้ข้าคิดถึงแต่เรื่องที่ดีๆไม่วุ่นวายใจแค่นี้มันก็ทำให้ข้าเป็นสุขนักแล้ว อ้อเสี่ยวตุ้ยรำพันแล้วเปรี้ยวปาก มันคือเพื่อนเสมือนท่านและเพื่อนท่าน
ท่านไม่มีเพื่อนหรือ หลูอันถาม
ข้ากำลังบอกท่านอยู่นี่ไง เพื่อนข้าคอเมรัยรสเลอล้ำ อ้อสี่ยวุตุ้ยพูดอย่างยิ้มแย้มเอาล่ะข้าเห็นจะขอตัวลาล่ะ
ตามสบายท่านอ้อเสี่ยวตุ้ย
หลูอันเพิ่งจะรู้สึกว่าหิวเมื่ออ้อเสี่ยวตุ้ยพูดถึงผัดเผ็ดกระต่าย กลิ่นนั้นโชยมาจากครัวหอมฉุย จนท้องเขาร้อง จอรจ จอร์จ จอร์จ อ้อเสี่ยวตุ้ยเดินจากไปแล้ว หลูอันคิดว่าชายคนนี้มีลับลมคมในจากการเฝ้าสังเกตุของเขา เขาอาจไม่ใช่คนจรธรรมดาอย่างที่เขาบอก แต่เขาจะเป็นใครก็ไม่สำคัญ เพราะในความรู้สึกตอนนี้อ้อเสี่ยวตุ้ยคือเพื่อนของเขาคนหนึ่ง หลูอันคิด
กะจะเขียนให้ยาวกว่าเพชรพระอุมาเลยนะนี่
...พรุ่งนี้มีต่อ


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า