Re: เฉียดวรรณกรรม
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
04 พฤษภาคม 2024, 11:45:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เฉียดวรรณกรรม  (อ่าน 19302 ครั้ง)
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,699


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« เมื่อ: 02 สิงหาคม 2009, 08:35:AM »

เมื่อรัก....

๑.สร้อยสุมาลย์บานช่อ..เพื่อรอหอม
กรุ่นกลิ่นล้อมให้ภมรเวียนว่อนหา
รูปเอยแต่ลอบเล็ม..อยู่เต็มตา
แม้หลับลืมก็ยังคา..อยู่ทั้งคน

๒.เมื่อโคมฟ้าลอยดวงขึ้นช่วงแสง
ค่อยค่อยแทงเรื่อรองขับหมองหม่น
ก็เมื่อภู่..ภุมรินเริ่มบินวน
สีสันกลีบกุสุมบน..ก็เบ่งบาน

๓. ปีกวิหคแผ่กาง..ลอยร่าง-ร่อน
สูงต่ำตอนเสาะหาภักษาหาร
ท่ามกลางเสียงนกแว่ว..ลมแผ่วพาน
กุสุมาลย์ก็ลอยช่อให้รอชม

๔. แต่พบกัน..อาวรณ์ก็ร่อนคว้าง
อยู่ท่ามกลางรูปลออ..มาลย์ช่อ-ฉม
เสริมกำลังปรารถนา..แรงปรารมภ์
เข้าสั่งสมสืบทราบ..รอบบาปบุญ

๕. ฤๅพบกัน..จากกรรมชี้นำทิศ
เหนี่ยวสองจิตยื้อยุด...ช่วยอุดหนุน
เพรงสัญญาก่อนเห็นจะเป็นทุน
เข้าเจือจุนจิตเจ้า..ฟังเว้าวอน

๖. ผกายน้ำเนตรรับ..วับวับไหว
สื่อความให้พร่ำพลอด..แรงออดอ้อน
ค่อยค่อยถ่ายคะนึงหา..ความอาวรณ์
ค่อยสุมซ้อนความรัก..ให้ตักตวง

๗. ราวหวานหอมทั้งหล้า..น้อมมาให้-
คอยชิดใกล้ล้อมอยู่ไม่รู้ล่วง
เจตนาผ่านเนตร..ไร้เลศลวง
ใจทั้งดวงหวานฉ่ำ..อยู่ค่ำเช้า

๘. เมื่ออกใครเต้นระส่ำ..คล้ายคร่ำครวญ
จากแปรปรวนส่วนเสี้ยว..ความเปลี่ยวเปล่า
ก็เมื่องามอ่อนไหว..จากวัยเยาว์-
ค่อยค่อยเร้างามรุกไปทุกตอน

๙. บุปผาเชิดเรณูเหมือนรู้เชิง-
ให้ภู่เหลิงห้อมเห่..หยาดเกสร
เช่นอกคนครวญคร่ำ..ถ้อยคำวอน
ด้วยหลงเหลิงออดอ้อน..สะท้อนสะท้าน

๑๐. นุ่มนวลเนียนเนื้อ..ก็เหลืออ้าง
จะเริดร้างห่างไป..สุดใจหาญ
คงเกินใจมุ่งมั่น..อาจบันดาล
เกินจะต้านปรารถนา..เกินฝ่าพ้น

๑๑. กลีบพะยอมนิ่มเนื้อ..นั้นเหลือนุ่ม
ลมผ่าวรุมไหวระรัว..ก็กลัวหล่น
ค่อยโน้มแนบด่ำดอม..กรุ่นหอมปรน-
เปรอใจวนว่ายหอม..ไม่ยอมร้าง

๑๒. ล่องลอยเอย..พะยอมสรวงเมื่อร่วงหล่น
กลีบลิ่วสู่ภูวดล..พลิกบน-ล่าง
ฝ่าลำลมพลิ้วผืนอยู่ครืนคราง
ก่อนกลีบบางวางซบลงกลบดิน

๑๓. ครวญคร่ำวิชชุแล่น..บนแผ่นฟ้า
จะทาบทาหม่นหมองให้ล่องสิ้น
เช่นคร่ำครวญอันละห้อยระโหยยิน
จะรวยรินถิ่นทรวง...เกินล่วงลา

๑๔. หอมหวานครั้นผ่านเนตร..เป็นเลศลับ
ค่อยค่อยพรับระยับดวง..บอกห่วงหา
ค่อยค่อยเผยความหมาย..ผ่านสายตา
ชม้อยชม้ายหมายว่า...ดูท่าที

๑๕. ภู่ภมรว่อนเวียน..พากเพียรนัก
ใจเอยก็สุดหักไปห่างศรี
กุสุมา..พรั่งพร้อม..หวานหอมมี
และใจที่หวงหอม..ก็ยอมตน
                  ?สดายุ?
จาก  http://www.oknation.net/blog/din22/2008/06/08/entry-1


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

เมฆา..., พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s